บทที่ 1 นายแบบสุดฮอต 1
สนามบินสุวรรณภูมิวันนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ มีผู้คนมาใช้บริการสนามบินเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บางคนเดินทางเข้ามาในเมืองไทย บางคนเดินทางออกนอกประเทศ
และไม่ใช่เพียงแค่บุคคลที่เดินทางเข้าออกประเทศเท่านั้นที่มาใช้บริการ ส่วนหนึ่งเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่มารับส่ง บุคคลอันเป็นที่รักหรือสนิทชิดเชื้อ
เช่นเดียวกันกับคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่มายืนรอรับใครบางคนที่ตนชื่นชอบ สายตาทุกคู่มองไปยังประตูผู้โดยสารขาเข้าเป็นตาเดียว ดวงตาแต่ละคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอย...รอคอยบุคคลระดับโลกที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างหลงใหล
“กรี๊ด! กรี๊ด! พี่เดวิส กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องของสาวแท้ สาวเทียมดังไม่ขาดสาย เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติมาเกิดเดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า เจ้าของดวงตาสีฟ้าส่งยิ้มให้เหล่าแฟนคลับที่มาคอยต้อนรับด้วยความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเหมือนดารา นายแบบหรือนักร้องคนอื่น เขาคิดเสมอว่าหากไม่มีแฟนคลับเหล่านี้ ตนเองก็จะแจ้งเกิดโด่งดังในวงการนายแบบจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้
“กรี๊ด! พี่เดวิสขอลายเซ็นด้วยค่ะ”
แฟนคลับสาววัยยี่สิบสองปีตะโกนบอกนายแบบหนุ่มเป็นภาษาสากลที่อยู่ในวงล้อมของบอดี้การ์ดร่างยักษ์ เดวิส แคนดี้ นายแบบหนุ่มวัยสายสิบสองปีชื่อดังของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษหยุดเดินแหวกวงล้อมของชายร่างใหญ่มายังสาวน้อยที่ร้องขอลายเซ็น
“เซ็นตรงไหนครับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มๆ เอ่ยถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มบาดใจให้สตรีคนนั้น คนที่มองเห็นใบหน้าและรอยยิ้มของนายแบบในฝันในระยะใกล้แทบจะกรี๊ดสลบรีบยื่นสมุดเล่มหนึ่งส่งให้กับชายหน้าหล่อ เดวิสเปิดสมุดเล่มนั้นออกมองภาพถ่ายของเขาในอิริยาบถต่างๆ ด้วยความปลาบปลื้มใจ เขาไม่คิดว่าแฟนคลับที่เมืองไทยจะมากมายขนาดนี้ กะเอาไว้ว่าไม่น่าจะเกินสิบคน แต่นี่คนมาต้อนรับเขานับร้อย เดวิสรู้สึกดีใจเป็นที่สุด คาดไม่ถึงว่าความโด่งดังจากเวทีแคทวอล์คจะเดินทางมาถึงประเทศไทย ประเทศที่อยู่ห่างนับพันๆ ไมล์
“ขอบคุณมากครับ”
พูดพร้อมยื่นสมุดเล่มนั้นคืนให้เจ้าของเมื่อเซ็นชื่อกำกับเรียบร้อย ไม่แปลกที่จะมีสมุดและกระดาษของคนอื่นยื่นมาให้เขาเซ็น ซึ่งเดวิสเองก็เต็มใจแจกลายเซ็นให้กับทุกคน แสงแฟลชและเสียงกดชัตเตอร์ถี่รัวดังออกมาจากกล้องถ่ายรูปนับสิบที่ระดมบันทึกภาพของชายในฝัน บ้างก็บันทึกภาพลงในกล้องวิดีโอ
“ไปเถอะเดวิส เสียเวลามากแล้ว”
เจ้าของเสียงคือวอลเตอร์ ผู้จัดการส่วนตัววัยกลางคนของนายแบบหนุ่มพูดกับเด็กในสังกัด เดวิสส่งยิ้มให้กับแฟนคลับก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในอยู่ในวงล้อมของบอดี้การ์ดตามเดิม แล้วพากันเดินไปยังรถตู้ที่จอดหน้าอาคารผู้โดยสาร
“ฉันไม่คิดเลยนะว่าแฟนคลับของนายที่เมืองไทยจะเยอะขนาดนี้”
เสียงวอลเตอร์ดังขึ้นเมื่อเข้ามานั่งในรถตู้ของทางโรงแรมที่อำนวยความสะดวกมารับเขากับคณะเดินทาง
“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน เยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก”
เดวิสพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม มองดูแฟนคลับที่ยืนอยู่ข้างๆ รถตู้ด้วยรอยยิ้ม
“แฟนคลับของเดวิสที่นี่เยอะนะคะ ดูจากยอดสั่งจองอัลบั้มรูปก็รู้ว่าเยอะแค่ไหน ตอนแรกก็คิดเอาไว้ว่าไม่น่าจะเกินร้อย แต่นี่ยอดสั่งจองมาเป็นพันๆ เกินความคาดหมายมากๆ” เอมม่าคนดูแลเรื่องแฟนคลับเป็นคนพูดขึ้น
“เหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” วอลเตอร์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเดวิสแท้ๆ ทำไมจึงไม่รู้เรื่องนี้ ตกข่าวไปได้อย่างไร
“เอมม่าบอกคุณแซมแล้วค่ะ บอกตั้งสองครั้ง แต่คุณแซมมัวแต่ยุ่งอยู่กับเคธี่ เมอร์ฟี่ นางแบบดาวรุ่งพุ่งกระฉูดอยู่ คำพูดของเอมม่าก็เลยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาคุณแซมไงคะ”
เอมม่าพูดเหน็บแหนมวอลเตอร์ เธอไม่ชอบหน้าเคธี่เพราะเห็นแววเย่อหยิ่งมาแต่ไกล นี่ขนาดไม่ดังสมใจหวังวอลเตอร์ยังหยิ่ง ไม่เห็นหัวคนขนาดนี้ หากดังขึ้นมาจะขนาดไหน เอมม่าไม่อยากจะคิด
เคธี่ เมอร์ฟี่คือดวงดาวดวงใหม่ที่วอลเตอร์ตั้งใจจะปั้นให้ดังกระหึ่มในวงการแคทวอล์ค เจริญรอยตามเดวิสที่ปั้นแต่งให้โด่งดังมาแล้ว รวมทั้งดวงดาวอื่นๆ ในสังกัด
“ทีหลังแกก็พูดดังๆ สิ ฉันจะได้ได้ยิน”
“ค่ะ คราวหน้าเอมม่าจะใช้โทรโข่งเลย คุณแซมจะได้ได้ยินถนัดๆ” วอลเตอร์ส่งค้อนให้ลูกน้องสาวปากกล้า เชิดใส่ตามสไตล์ของเขา
“ไปได้แล้ว ฉันอยากแช่น้ำอุ่นเต็มทีแล้ว”
วอลเตอร์เอ่ยบอกพนักงานขับรถของโรงแรม พลขับขับเคลื่อนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิทันทีที่ได้รับคำสั่ง
เดวิสโบกมือให้แฟนคลับที่น่ารักทุกคน ส่งจูบให้หลายครั้งและทุกครั้งก็จะมีเสียงกรีดร้องตามมา เขามองภาพแฟนคลับเหล่านั้นจนลับสายตา เก็บภาพความประทับใจไว้ในห้วงของความทรงจำ