3.เฮงซวย
หนึ่งในเหตุผลที่ท่านบารอนจะต้องเก็บตัวของบุตรีเอาไว้ให้มิดชิดนั่นก็เพราะว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าตระกูลที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ทั้ง4ตระกูลจะต้องการบุตรีของเขาไปให้กำเนิดทายาทของตระกูลอย่างแน่นอน
แมเดอลีนคือเด็กน้อยที่แสนน่ารักและไร้เดียงสา ลูกสาวที่น่ารักและบริสุทธิ์ผุดผ่องของเขาไม่ใช่แม่วัวที่จะให้กำเนิดทายาทของตระกูลพวกนั้นสักหน่อย เพราะแบบนั้นใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะแตะต้องลูกสาวของเขาเลย!!
“ข้าคิดว่าเราควรจะเลื่อนพิธีบรรลุนิติภาวะของแมดดี้ไปอีกสักปีนะเดวา”
บารอนโอทีสกล่าวกับภรรยาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม บารอนเนสเดวาส่ายหน้าเบาๆ
“เราเลื่อนมาสี่ปีแล้วที่รัก ทางพระราชวังไม่ยินยอมให้เราเลื่อนวันบรรลุนิติภาวะของแมดดี้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งปีนี้ลูกสาวตัวน้อยของท่านอายุ20แล้วที่รัก บรรดาเลดี้ทั้งหลายที่อายุเท่ากับแมดดี้มีหลานให้กับท่านตาท่านยายของพวกเขาไม่รู้กี่คนแล้ว”
บารอนโอทีสยกมือเพื่อเป็นการห้ามปรามไม่ให้ภรรยากล่าวต่อ
“แมดดี้ยังเด็ก..เกินกว่าที่จะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษพวกนั้น ลูกสาวที่สุดแสนจะไร้เดียงสาของเรานั้น..นางดีงามมากเกินกว่าจะอยู่ในกำมือของเจ้าเด็กพวกนั้น พวกสายเลือดศักดิ์สิทธิ์มีแต่เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้จักโต ข้าไม่ถูกชะตากับใครสักคนและอย่าหวังว่าข้าจะยินยอมยกแมดดี้ที่น่ารักให้กับเจ้าเด็กพวกนั้น”
ให้ตายสิ หากไม่ใช่เพราะว่าเธอร่างกายอ่อนแอ แมดดี้คงจะมีอิสระมากกว่า
เดวามีทายาทให้กับตระกูลเรเซเดนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือแมดดี้ที่น่ารัก เด็กน้อยที่เกิดมามีเส้นผมสีแดงสด เป็นสัญญาลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของตระกูลเรเซเดน ดวงหน้างดงามราวกับตุ๊กตา ผิวกายขาวเนียนประดุจหิมะ ริมฝีปากที่แสนน่ารักนั่นหยักยิ้มในทุกครั้งที่นางมองหน้าของบิดา และนั่นทำให้สามีของเธอมองบุตรีที่อายุ20 ว่ายังเด็ก5ขวบอยู่
ในความคิดของเดวา แมดดี้ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่จะเลือกคู่ครองและเข้าไปในตลาดสมรสที่แสนคึกคักของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์ แต่ในสายตาของสามีไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ให้ตายสิ อาการของโอทิสดูเหมือนจะเกินเยียวยาจริงๆ
“ปล่อยวางเรื่องของลูกบ้างเถอะที่รัก อีกทั้งเราไม่ได้อายุมากจนมีน้องให้แมดดี้ไม่ได้สักหน่อย..”
เดวากล่าวพร้อมกับขยิบตาให้สามี
“เดวา..ร่างกายของเจ้า..”
“ข้าแข็งแรงดีที่รัก หลังจากที่คลอดแมดดี้ข้าก็ดื่มยาบำรุงมาตลอด อย่าห่วงเรื่องของลูกมากนัก ให้แมดดี้ที่น่ารักของเราได้ใช้ชีวิตของนางเองบ้างเถอะนะ..ส่วนเราทั้งสองคนก็ไปใช้ชีวิตของเราด้วยกัน”
โอทีสกระแอมออกมาเบาๆ
“โชคดีที่วันนี้ข้าไม่มีงานที่ไหน”
“อ่า..เช่นนั้นก็พอดีเลย วันนี้ข้าซื้อชุดนอนตัวใหม่มาด้วย ไม่ทราบว่าสามีจอมเรื่องมากของข้านั้น จะสนใจไปดูชมด้วยกันหรือไม่”
โอทีสส่งยิ้มให้กับภรรยา
“แน่นอนเดวาที่รัก..”
…………….
“อีกสามวันข้าจะต้องเดินทางไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วดาเนีย..ให้ตายสินี่มันน่าตื่นเต้นชะมัด”
ดาเนียส่งเครื่องประดับให้กับแมเดอลีนได้เลือก เรากำลังอยู่ในร้านขายเครื่องประดับที่ใหญ่มากที่สุดในเมืองหลวง
“นั่นสินะ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้าได้ออกไปใช้ชีวิตนอกคฤหาสน์เรเซเดน”
แมเดอลีนพยักหน้า
“มันเหมือนกับว่าข้ากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ..”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้กล่าวจบรถม้าคันใหญ่ก็จอดที่ด้านหน้าร้านขายเครื่องประดับ ผู้ที่ก้าวเดินลงมาจากรถม้าคือท่านเคาน์แบล็คที่กำลังเดินเข้ามาด้านในร้าน
พระเจ้าช่วยนี่มันพระเอกของเรื่องนี้ไม่ใช่รึไง? เธอยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ ดาเนียที่อยู่ข้างๆ ก็ออกอาการไม่แตกต่างกัน
“ให้ตายสิวันนี้เราดวงดีชะมัดเลย ได้พบเจอท่านเคาน์ตระกูลแบล็คด้วย ท่านดูดียิ่งกว่ารูปถ่ายให้หนังสือพิมพ์เยอะเลยว่าไหม”
แมเดอลีนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น ออร่ารอบๆ ใบหน้าของเขามันคืออะไรกัน ความหล่อที่อยู่เหนือชั้นมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป นี่สินะออร่าของพระเอก..
“ไม่รู้ว่าสตรีใดจะเป็นผู้โชคดีได้รับเครื่องประดับที่ท่านเคาน์ซื้อให้..”
ดาเนียกล่าวพร้อมกับมองท่านเคาน์ด้วยดวงตาเพ้อฝัน ดาเนียอาจจะไม่รู้แต่เธอคิดว่าเธอรู้นะ สตรีที่ได้รับเครื่องประดับนั้น หนีไม่พ้นเดมเกโลทีสอย่างแน่นอน
พระเอกจะมาซื้อเครื่องประดับให้ใครได้นอกจากนางเอกของเรื่องน่ะ
“เก็บเครื่องประดับพวกนั้นใส่กล่องไปเดี๋ยวนี้ลุควิค..”
ยังไม่ทันที่ท่านเคาน์แบล็คจะได้ซื้อขายเสร็จสิ้นบุรุษผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับสั่งการเสียงแข็งเพื่อให้พ่อค้ายุติการซื้อขายกับท่านเคาน์
ผมสีเงินนั่นค่อนข้างโดดเด่นมากพอสมควร ในช่วงเวลาที่มันตกกระทบกับแสงของดวงตะวันทำให้เธอรู้สึกว่าชายผู้นั้นยิ่งโดดเด่นขึ้นมายังไงไม่รู้
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามข้ากันเอส”
เอส..อย่างงั้นเหรอ นั่นคือเอสเตบัน ตัวร้ายของเรื่องอย่างนั้นสินะ!!
หัวใจของนักอ่านที่ชื่นชอบผู้ชายธงดำมันเปราะบางซะเหลือเกิน!
เธอไม่ได้ชอบตัวละครตัวไหนเป็นพิเศษก็จริงแต่ว่า พอเห็นท่าทางกร้าวใจของท่าน ดยุครีไซร์แล้วหัวใจมันพองโต..
แต่ที่มากกว่านั้นคือน้ำเสียงของเขา..มันคุ้นหูแบบแปลกๆ อีกทั้งร่างกายของเธอเป็นอะไรไป
เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาทั้งๆ ที่เธอสวมเสื้อผ้าครบชิ้น ที่น่าตลกคือเขาไม่หันมามองที่ตัวประกอบอย่างเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นของเขามากเหลือเกิน..นี่เธอเป็นอะไรไป เสียสติไปแล้วรึไง นั่นตัวร้ายนะโว้ย!!
ต่อให้จะชอบพระเอกธงดำมากแค่ไหนแต่เธอสัญญากับตัวเองแล้วไงว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวละครใดๆ ทั้งสิ้น
“วันนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ข้าคิดว่าข้าคงจะใช้ดวงในชาตินี้หมดแล้วถึงได้เห็นทั้งท่านดยุคและท่านเคาน์ในวันเดียวกัน เจ้าคิดแบบนั้นไหมแมดดี้"
ดาเนียทำท่าเหมือนจะเป็นลมยิ่งกว่าเธออีก เพราะแบบนั้นแมเดอลีนเลยคิดว่าท่าทีของเธอมันปกติแหละ เพื่อนของเธอแทบยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำเมื่อพบเจอบุรุษที่หล่อเหลาดุจพระเจ้าทรงปั้น
“ข้ามีสิทธิ์สิ เพราะว่าร้านนี้เป็นร้านของท่านแม่ข้า ลุควิค..เจ้าไม่เคยชนะข้าเลยแม้แต่ครั้งเดียวและครั้งนี้ก็เช่นกัน ไปแต่งงานกับเลดี้เรเซเดนซะสิ อย่าได้มาคิดสู้กับข้าเลย จะอย่างไรเลล่าก็จะต้องเลือกข้าอยู่แล้ว”
ดาเนียอ้าปากค้าง
“แล้วชื่อของเจ้ามันไปอยู่อะไรตรงนั้นกันแมดดี้”
นั่นนะสิ ชื่อของเธอถูกกล่าวออกมาโดยบุรุษที่กำลังมีเรื่องบาดหมางกัน ฟังดูเหมือนจะดีแต่ทว่าพวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ได้แย่งเธอ แต่กำลังผลักไสเธอให้อีกฝ่ายต่างหาก
นี่มัน..เฮงซวยชะมัด!