17.เล่นแรงเหมือนกันนะเนี่ย
"ประกาศราชโองการจากทางพระราชวัง เนื่องจากชนเผ่าทะเลทรายกระทำการรุกล้ำพื้นที่ทางตอนใต้ของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์ ทำให้องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้ท่านดยุคแห่งตระกูลวีไซร์ออกเดินทางไปจัดการประกาศศักดิ์ดาให้ชนเผ่าทะเลทรายล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของจักรวรรดิโอลีวีเย่ร์"
ท่านหญิงไดอาน่าถึงกับเป็นลมในทันทีที่ข้าหลวงจากพระราชวังประกาศราชโองการออกมา เธอมีลูกชายแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงได้กระทำการเช่นนี้กันนะ ไม่เห็นแก่ความเป็นสายเลือดของเราแล้วหรืออย่างไรกัน!
“รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทฝากข้อความมาบอกท่านดยุคว่าขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพและนำชัยชนะกลับมาให้ชาวเมืองทุกคนของโอลีวีเย่ร์ด้วยนะครับ”
เอสเตบันหยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือว่าไม่ชอบใจอะไรเลยที่ตัวเองถูกส่งไปออกรบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยที่เขาจับดาบออกรบ เขาคิดว่านี่คือหน้าที่ของขุนนางทุกคน ที่จะต้องปกป้องจักรวรรดิเอาไว้
“ให้ตายสินี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าไปทำอะไรไม่ดีกับขุนนางคนไหนรึเปล่าเอส ทำไมชื่อของเจ้ามันถึงไปอยู่ในใบราชโองการได้!”
ช่วงนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มีแค่บุกรุกไปที่เรเซเดนเมื่อคืนเท่านั้นเอง..และนี่คงเป็นฝีมือของท่านบารอนอย่างแน่นอน
ก็..ไม่ได้แปลกอะไร เขาเข้าใจความหวงลูกสาวของท่านบารอนนะ แต่เล่นแรงอยู่เหมือนกัน หากไม่ติดว่าลูกสาวของท่านบารอนงดงามมากๆ แล้วละก็ เขาคงจะเอาคืนเรื่องนี้ในภายหลัง
“ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับท่านดยุค เดมเกโลทีสและท่านเคาน์แบล็คอาสาเดินทางไปกับท่านด้วยเพื่อช่วยเหลือและเป็นกำลังสำคัญให้แก่ท่าน”
เรื่องความหวังดีของเลล่า เรื่องนั้นเขาเข้าใจ แต่ลุควิคเองก็ไม่ปล่อยเลล่าเอาไว้กับเขาเลยสินะ
ว่าไปแล้วเขาควรจะเอาอย่างไรต่อในเรื่องนี้ดี จะยัง..แต่งงานกับเลล่าต่อไปรึเปล่า ในตอนนี้เอสเตบันไม่มีคำตอบอะไรให้ตัวเองทั้งนั้น เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับความสับสนอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ
บางทีการออกไปใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบอาจจะช่วยให้เขาได้มีเวลาคิดอีกหน่อยก็เป็นได้ เพราะแบบนั้นนี่อาจจะดีแล้ว เขาจะให้เวลาในการตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ของตัวเอง..
“ฝากดูแลท่านแม่ด้วยนะกอน..”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกครับนายท่าน”
เอสเตบันพยักหน้าพร้อมกับสั่งให้กอนไปจัดการประกาศเรื่องนี้กับเหล่าทหารของตระกูลวีไซร์เพื่อที่พรุ่งนี้เขาจะได้ออกเดินทาง
……………
“ข้าได้ยินมาว่าท่านดยุควีไซร์กำลังเดินทางไปออกรบล่ะแมดดี้ และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือทั้งเดมและท่านเคาน์แบล็คต่างอาสาไปช่วยท่านดยุคจัดการกับพวกชนเผ่าทะเลทราย บอกตามตรงว่าข้าซาบซึ้งใจในความเป็นเพื่อนที่แน่นแฟ้นของพวกท่านทั้งสามคนมากจริงๆ”
ดาเนียกล่าวพร้อมกับส่งถ้วยยาบำรุงให้กับแมเดอลีน เธอรับถ้วยยามาดื่มด้วยแววตาที่สลดลงเล็กน้อย
นี่คือเรื่องราวในนิยายที่ควรจะเกิดขึ้นอีกหนึ่งปีหลังจากนี้ แล้วทำไมมันถึงได้เลื่อนเข้ามาเร็วมากกว่าเวลาอันควรกันนะ หรือเพราะว่าเธอดันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวร้ายของเรื่องนี้ เนื้อเรื่องต่างๆ มันก็เลยผิดเพี้ยนกันไปหมด
“ท่านดยุคนั้นเก่งกาจมากทีเดียว ข้าคิดว่าจะอย่างไรผู้กล้าทั้งสามของจักรวรรดิก็จะต้องนำชัยชนะกลับมาได้อย่างแน่นอน”
แมเดอลีนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
“นั่นสินะ ว่าไปแล้วช่วงนี้เจ้ายังมีอาการแพ้ท้องอยู่ไหมแมดดี้”
แมเดอลีนส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่แล้วล่ะดาเนีย ยาที่เจ้าให้ข้าดื่มไปเมื่อวันก่อน ช่างดียิ่งนัก”
ดาเนียฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาว
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อมาบอกกล่าวกับเจ้าว่าท่านพ่อของข้าจะต้องย้ายไปประจำการที่แกรนด์ดัชชีเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากเมืองหลวงมากพอสมควร และข้า..ก็กำลังลังเลว่าจะไปที่นั่นกับท่านพ่อดีไหม”
แมเดอลีนตกใจมากพอสมควรกับเรื่องที่ดาเนียกล่าวออกมา เธอไม่รู้เรื่องนั้นมาก่อนเลยอาจจะเพราะว่าเราเป็นตัวประกอบที่ไม่มีบทบาท จึงมักจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันกับเธออยู่เสมอ
“ดาเนีย..”
ดาเนียยื่นมือไปจับมือของแมดเดอลีนเอาไว้
“อย่างที่เจ้ารู้ว่าท่านพ่อของข้านั้นชื่นชอบการฝึกทหารเป็นอย่างมาก แต่ช่วงหลังมานี่สุขภาพของท่านไม่สู้ดีเท่าไหร่ องค์จักรพรรดิก็เลยพระราชทานดินแดนและเลื่อนขั้นให้เป็นท่านเจ้าเมืองเพื่อปกครองดินแดนเล็กๆ ..ตอบแทนความดีความชอบของท่านพ่อที่รับใช้ราชวงศ์ด้วยดีเสมอมา”
แมเดอลีนบอกตามตรงว่าเธอคิดภาพชีวิตของเธอที่ไม่มีดาเนียไม่ออกเลยจริงๆ เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในร่างของแมเดอลีนที่อายุหกขวบ และตอนนั้นดาเนียก็เป็นเพื่อนเธอแล้ว เราทั้งคู่ตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา อาจเพราะว่าทั้งเธอและดาเนียเป็นลูกคนเดียว เพราะแบบนั้นเราจึงมักคิดว่าอีกฝ่ายคือพี่น้อง..
“ข้า..ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี”
แมเดอลีนกล่าวออกมาด้วยแววตาที่เศร้าสลด
“ข้าเข้าใจดีแมดดี้ ข้าเองก็ไม่อยากจะแยกจากเจ้าไปเหมือนกัน แต่ท่านพ่อบอกว่าหากข้าไม่อยากย้ายไปกับท่านพ่อข้าจะต้องแต่งงาน..แมดดี้นี่มันเรื่องใหญ่มากทีเดียว เพราะว่าข้ายังไม่อยากแต่งงานเลยให้ตายสิ ข้ายังไม่พบเจอบุรุษที่ถูกใจ..”
เมื่อได้ฟังว่าพอจะมีความหวังแมเดอลีน ก็ใจชื้นขึ้นมา
“แล้วบุรุษที่วิหารคืนนั้นล่ะ ข้าเห็นนะว่าเจ้าฉีกยิ้มออกมาจนแทบจะถึงใบหู..”
ดาเนียส่ายหน้าเบาๆ
“ชายผู้นั้นเป็นคนที่มองครั้งแรกก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นพวกชอบเล่นสนุกกับสตรี ข้าไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับบุรุษเช่นนั้นหรอก”
เธอชอบเขานะ ชอบเขาในตอนที่เขาเย็นชาและเคร่งขรึมมากกว่า
“ข้าเข้าใจ เพราะเรื่องการแต่งงานมันคือการที่สตรีวางชีวิตเอาไว้บนมือของบุรุษ ข้าคิดว่าเจ้ายังมีเวลานะดาเนีย ค่อยๆ เปิดใจและตามหาบุรุษที่เจ้าอยากจะแต่งงานด้วยต่อไปสิ ไม่ต้องรีบร้อนแค่ใช้ใจในการตัดสิน..”
ดาเนียมองหน้าเพื่อนรักของเธอ ขนาดคนสวยอย่างแมดดี้ยังไม่อยากแต่งงานเลยแล้วเธอล่ะ..เธอเองก็ไม่อยากแต่งงานเหมือนกัน
“หากมีอัศวินขี่ม้าขาวมาหาข้าที่ห้องนอนในยามราตรีก็ดีนะสิ ข้าจะได้ฉุดรั้งแขนของเขาเอาไว้ แล้วร้องขออัศวินผู้นั้นให้แต่งงานกับข้าซะเลย”
ดาเนียกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เพ้อฝัน แต่ทว่าเมื่อแมเดอลีนได้ฟังเช่นนั้นมันกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าของตัวเองมันเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเธอดันไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ท่านดยุคมาหาเธอนะสิ
หากเธอจำไม่ผิด เขาหอมแก้มเธอก่อนที่จะเฉลยตัวออกมาด้วยว่าเขาคือบุรุษในคืนนั้น