บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 อยากได้ก็เอาไป

ทหารบอกเขาว่านางถูกพวกโจรจับตัวมา อยู่รวมกันกับเหล่านางโลมที่โดนจับไปด้วยพวกเขาอาจจะเข้าใจผิด หากนางไม่ใช่นางโลมแต่เป็นลูกสาวบ้านใด เรื่องก็ไม่ใช่เล็กแล้ว

"เจ้ารีบนำทางข้าไป ข้าต้องการพบนาง"

"เจ้าค่ะ"

แม้นางเหมยเซียงจะแก่ชราแล้ว แต่รูปร่างของนางยังอรชรอ้อนแอ้นเดินเหินคล่องแคล่วนัก ห้องที่ให้สตรีแปลกหน้าผู้นั้นพักนางก็เลือกสรรอย่างดีด้วยจำนวนทองก้อนโตทำให้นางไม่อาจละเลยได้

"เป็นนางเจ้าค่ะ"

อ้ายเจิงนั่งลงข้างกายของนาง พิจารณาใบหน้าของหนานอิงอย่างละเอียด

สตรีผู้นี้มีรอยเขียวช้ำเต็มไปทั้งลำคอ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้แน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใด ใบหน้างดงามหมดจด ผิวที่โผล่ออกมาจากอาภรณ์ขาวนุ่มนวลราวเต้าหู้ ใบหน้าเรียวเล็ก ขนตางอนยาว เขาคาดว่าในยามที่ดวงตาคู่นี้ลืมขึ้นมาคงจะหวานหยดย้อยมิใช่น้อย

เขาจ้องนางเขม็งพร้อมกับจับชีพจรให้นาง เมื่อไม่รู้สึกถึงแรงหายใจกระเพื่อมขึ้นลงของคนที่ยังมีชีวิต ลำแขนของนางบอบบางยิ่ง นางเหมยเซียงอธิบายอาการของนางอย่างละเอียด

สกุลของอ้ายเจิงล้วนเก่งกาจด้านวิชาแพทย์ ท่านพ่อยังเป็นหมอหลวงประจำพระวรกายฝ่าบาทในขณะที่มารดาก็ดำรงตำแหน่งหมอใหญ่ของตำหนักใน

"ชีพจรเต้นอ่อนยิ่ง แม่นางนับว่าเจ้ายังมีวาสนาหากไม่มีเรื่องใดดลใจให้ข้ามาที่นี่เห็นทีว่าเจ้าต้องตายเป็นแน่"

"ท่านช่วยนำน้ำอุ่นมาให้ข้าสักกาได้หรือไม่"

"เจ้าค่ะ" 

นางเหมยเซียงสั่งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใต้เท้าผู้นี้หล่อเหลาและดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง จากอาภรณ์ผ้าไหมอย่างดีที่เห็นเฉพาะในวังแล้วทำให้นางค่อนข้างหวาดหวั่นกับตำแหน่งที่แท้จริงของเขา

เขาล้วงกล่องไม้กล่องเล็กออกมาจากสาบเสื้อ เมื่อเปิดออกพบว่าด้านในมียาก้อนกลมสีเหลืองทองอร่ามก้อนหนึ่ง เขาใช้สองนิ้วเรียวบีบปากของนางให้อ้าออกแล้วยัดเม็ดยาเม็ดนั้นเข้าปากของนางอย่างอ่อนโยน

"รบกวนเจ้าค่อย ๆ ป้อนน้ำใส่ปากนางทีละช้อน ทำช้า ๆ จนกว่ายาในปากจะละลายจนหมด คืนนี้เหงื่อของนางจะออกมากเสียหน่อยให้คนคอยเฝ้าให้ดีคอยเช็ดเหงื่อให้นางและคอยเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่าให้อับชื้น"

"หมายความว่านางจะไม่ตายแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"

อ้ายเจิงพยักหน้า

"ท่านหมอที่เจ้าพามารักษานางเองก็นับว่าเก่งมาก หากไม่มีเขาก่อนพบข้านางคงสิ้นลมแล้ว"

"ขอบคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ ขอบคุณใต้เท้า"

นางเหมยเซียงรู้สึกโล่งอก ไม่คิดว่าเพียงไม่กี่ชั่วยามที่นางก้าวเข้ามาในหอนางโลมจะทำให้คนที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินเช่นนางจะตกที่นั่งลำบากได้เพียงนี้

"ดูแลนางให้ดี หากนางฟื้นให้คนของข้ารีบไปแจ้งข่าว"

"เจ้าค่ะ น้อมส่งใต้เท้าเจ้าค่ะ"

ก่อนกลับอ้ายเจิงสั่งให้ทหารคอยเฝ้านางเอาไว้ให้ดี เขากลับไปที่เรือนรับรองของจวนเจ้าเมืองทันที เมื่อไปถึงพบว่าท่านอ๋องทั้งสองอยู่ที่ลานฝึกกระบี่เขาจึงเข้าไปรายงาน

"ทูลท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องต้องรายงานขอรับ"

ลู่หนิงหวังรับดาบของหานเซียวแล้วโต้กลับทันควัน เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นไปทั้งลาน พวกเขาเหมือนไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยแม้จะเดินทางมาไกลเพียงนั้น

อ้ายเจิงเองก็รออย่างใจเย็น รู้ว่าพวกเขาได้ยินแล้วว่าเขามีเรื่องจะรายงานแต่ยังไม่เสร็จธุระ และหากเป็นเรื่องเร่งด่วนอ้ายเจิงย่อมบอกแล้ว

รออยู่นานราวหนึ่งก้านธูปคนทั้งสองที่ผลัดกันรุกผลัดกันลับก็วางกระบี่ลง ทหารรับกระบี่ของสองอ๋องพวกเขาเดินมาที่โต๊ะไม้ใกล้ลานฝึก อ้ายเจิงเดินตามไปรอจนกระทั่งพวกเขาดื่มชาดับกระหายจนเรียบร้อย

"ท่านเลขาเจ้ามีเรื่องอันใดอีกเล่า สงครามก็สงบแล้วเจ้าไม่สมควรมีเรื่องมารายงานข้าแล้ว"

ลู่หนิงหวังเอนกายพิงเก้าอี้เขาหลับตาเล็กหน้า ใบหน้าคมของเขาถูกแสงแดดกระทบบางส่วนช่างดูงดงามองอาจคล้ายกับเทพสงครามที่หลุดออกมาจากภาพวาด

"เรื่องแรกยาคืนชีพของพวกท่านข้าใช้รักษาคนไปแล้ว ต่อไปพวกท่านต้องระวังตัวให้ดีหากมีเรื่องอันใดถึงชีวิตก็ไม่มียาช่วยรักษาอีก ตายสถานเดียว"

อ้ายเจิงกล่าวเชิงข่มขู่ ยานั่นมีทั้งหมดสองเม็ด ก่อนกลับเขาฝากไว้กับนางเหมยเซียงให้ช่วยป้อนสตรีผู้นั้นในอีกสามชั่วยามเพื่อรั้งชีวิตของนางเอาไว้

หากเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งเช่นสองคนผู้นี้ใช้เม็ดเดียวก็เพียงพอ แต่สตรีผู้นั้นอ่อนแอยิ่งเขาจำเป็นต้องใช้ถึงสองเม็ดเพื่อยื้อชีวิตนาง

"ยาคืนชีพนั่นไม่ได้จำเป็นสำหรับข้า ชายชาตินักรบหากจะตายก็ต้องตายจะมัวมาเสียดายชีวิตหายารักษาให้วุ่นวายด้วยเหตุใด"

อ้ายเจิงหยั่งเชิง

"พวกท่านไม่เสียดายหรือ ยานั่นใช้โสมห้าร้อยปีที่นาน ๆ จะพบสักครั้งหรืออาจจะไม่พบตลอดชีวิตของพวกท่านเชียวนะ ข้าให้คนไปแล้วท่านทั้งสองไม่เสียดายเลยหรือ"

หานเซียวส่ายหน้า

"เจ้าก็รู้ว่าข้าและท่านพี่ไม่สนใจ เจ้าเป็นหมอจะใช้รักษาผู้ใดก็เรื่องของเจ้า"

ทหารนำธนูเข้ามา พวกเขายังต้องการฝึกยิงธนูต่อ อ้ายเจิงจึงรีบพูด

"ยังไม่จบขอรับ ยังมีอีกเรื่อง"

หานเซียวง้างสายธนูแล้ว ทำท่ารำคาญใจ

"เจ้าเป็นอันใด วันนี้กวนใจเราทั้งวัน"

อ้ายเจิงเพียงแต่ยิ้ม

"ข้าจะขอหยกจากพวกท่านคนละชิ้น เป็นรางวัลให้สตรีนางหนึ่งขอรับ"

เขาพูดเพียงเท่านั้นทั้งหานเซียวและลู่หนิงหวังต่างลุกขึ้น พวกเขาปลดหยกประจำกายให้อ้ายเจิง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งกลับมาพกมันหลังจากไม่ได้พกมานับสิบปี จะมีสิ่งนี้หรือไม่พวกเขาก็ย่อมไม่สนใจ

"ง่ายดายขนาดนี้เลยหรือ นี่มันของสำคัญบ่งบอกฐานะของพวกท่านนะขอรับ"

"แล้วอย่างไร เจ้าอยากได้ก็เอาไป แล้วรีบไสหัวไปให้ไกลวันนี้ทำตัวน่ารำคาญราวกับสตรีผู้หนึ่ง"

อ้ายเจิงมองหยกขาวที่สลักนามเซียวอ๋องและอวิ๋นอ๋องเอาไว้ เขายกยิ้มแล้วเอ่ยเพียงลำพัง

"พวกท่านทำคนเกือบตายอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel