บทที่6 เจ้าบื้อ
ลู่ม่านรู้สึกรังเกียจเฉินหลี่ซื่อ สุดท้ายก็ไม่ได้กินหมั่นโถวชิ้นนั้น แค่กินข้าวต้มที่มีแต่น้ำนิดหน่อย บวกกับกินอาหารตอนเย็นก็ธรรมดามาก มีแต่ผักกาดกวางตุ้งและหัวไชเท้า
แต่ในหัวไชเท้ามีเนื้อไม่กี่ชิ้น ก็ถูกจ้าวซื่อกับเฉินหลี่ซื่อแย่งไปหมดแล้ว
พอกลับเข้าไปในห้อง ลู่ม่านก็หิวขึ้นมาทันที
แต่ว่า ภายในห้องว่างเปล่า เกรงว่าคงจะไม่มีอะไรกินเหมือนกัน
จิตใจกำลังห่อเหี่ยวอยู่นั้น เฉินจื่ออานก็เดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือก็ถือไหเข้ามาด้วย “เสี่ยวม่าน ข้าเอาน้ำร้อนมาด้วย”
“อืม!” ลู่ม่านหิวจนหมดอารมณ์ไปหมด เฉินจื่ออานวางกะละมังแล้วเดินเข้ามา “เสี่ยวม่าน ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ลู่ม่านส่ายหัว เฉินจื่ออานก็ยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากของนางอย่างไม่สบายใจ เห็นนางไม่เป็นไร ก็ถึงเอาของกินออกมาจากแขนเสื้อให้ลู่ม่าน
“กินสิ”
ตรงหน้าเป็นหมั่นโถวสองลูกใหญ่ๆ ทันใดนั้นลู่ม่านก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ “นี่เป็นของเจ้าหรือเปล่า?”
ที่แท้ เมื่อกี้ตอนที่นางกับเฉินหลี่ซื่อทะเลาะกัน เฉินจื่ออานก็เห็นด้วย
“ข้ากินข้าวต้มจนอิ่มแล้วล่ะ เจ้ากินเถอะ” เฉินจื่ออานพูดจบก็เดินออกไปเอาผ้าขนหนูด้านนอก
ลู่ม่านอดไม่ได้บ่นออกมา ข้าวต้มนั้นขนาดส่องกระจกยังรังเกียจตัวเองที่มีแต่น้ำเลย กินเยอะแล้วจะมีประโยชน์อะไร? แต่ว่า สำหรับน้ำใจของเฉินจื่ออาน นางก็ต้องรับเอาไว้
ผู้ชายดีๆแบบนี้ สูญพันธุ์ไปแล้วหรือไงนะ
รอตอนที่เฉินจื่ออานเข้ามา หมั่นโถวอันหนึ่งก็ยื่นมาที่ปากของเขา “กินคนละลูกนะ”
เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ไม่……อื้อ……” หมั่นโถวหนึ่งลูกถูกยัดเข้าไปในปากของเขา “เฉินจื่ออาน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ในเมื่อข้าตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าแล้ว ต่อไปพวกเราก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละอยู่คนเดียวหรอก!”
ลู่ม่านพูดออกมาจากในใจริง นางไม่อยากเป็นผู้หญิงน่าสงสารที่เอาแต่พึ่งพาอาศัยผู้ชาย แต่ว่า พอพูดคำนี้จบ เห็นเฉินจื่ออานมองนางด้วยแววตาที่ตกตะลึง นางก็รู้สึกรอดตัว หรือว่านางจะพูดเกินไปหรือเปล่า?
กำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นเฉินจื่ออานก็ยิ้มขึ้นมา “เสี่ยวม่าน เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ”
ลู่ม่าน “……” เจ้าบื้อ!
แต่ว่า คนบื้อก็มีข้อดีของคนบื้อนะ อย่างน้อย เขาก็ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ใจ……
พออาบน้ำเสร็จ ทั้งสองก็ขึ้นเตียงนอน เพราะตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับเฉินจื่ออาน ลู่ม่านก็ไม่ได้อึดอัดอะไรมาก เฉินจื่ออานกลับรักษามารยาทมาก ไม่มีท่าทางล่วงเกินอะไรเลย
ลู่ม่านใจเย็นลงมา นึกถึงเรื่องในวันนี้ ก็อดไม่ได้ไหวพูดขึ้นว่า “เฉินจื่ออาน เจ้าไม่เคยคิดที่จะแยกครอบครัวเหรอ?”
เฉินจื่ออานตกใจกับคำถาม รีบตอบว่า “เสี่ยวม่าน พ่อแม่ยังอยู่จะแยกครอบครัวไม่ได้”
ลู่ม่านอดไม่ได้กลอกตามองบนในความมืดมิด “เจ้าไม่รู้สึกว่าครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันแล้ววุ่นวายเหรอ? เจ้าดูอย่างเหอฮัวกับพี่สะใภ้สองสิ ถ้าพี่รองยอมพาพวกนางไปอยู่ที่อื่นล่ะก็ พวกเขาคงไม่โดนรังแกแบบนี้หรอก”
ภายในความมืดมิด เฉินจื่ออานเงียบอยู่นานมาก ลู่ม่านคิดว่าเขากำลังคิด แต่ไม่คิดว่า ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “น้องนาง พี่จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้ากับลูกของเราได้เด็ดขาด”
ลู่ม่าน “……” เหอะ ถือว่านางไม่ได้พูดแล้วกัน
ถึงแม้เฉินจื่ออานจะดีต่อนางมาก แต่ทัศนคติก็ยังเป็นแบบคนโบราณ เส้นทางการแยกครอบครัว ตอนนี้คงไม่ได้ผลแล้วล่ะ งั้นก็ตั้งเป้าหมายเล็กๆไว้แล้วกัน หาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเองก่อน
คิดได้เช่นนี้ ลู่ม่านก็ถามเฉินจื่ออานเกี่ยวกับที่นี่มากมาย สำหรับเรื่องนี้ ลู่ม่านก็โกรธเหมือนกัน
ทั้งที่เมื่อก่อนอ่านนิยายที่ข้ามภพข้ามชาติมา พอข้ามเวลามาแล้วก็ได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมทันที แต่นางกลับไม่ได้อะไรเลย นางมืดแปดด้านไปหมด
นิยายหลอกคนชัดๆ!
ยังดีที่เฉินจื่ออานเก็บนางมาอยู่แล้ว คิดว่านางสนใจขึ้นมากะทันหัน จึงบอกไปทั้งหมดโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
จนกระทั่งเที่ยงคืน ทั้งสองก็ถึงนอนหลับไป