ตอนที่ 1
ชิงเยี่ยน
สะใภ้ร่านรัก
เรื่องราวนี้เมื่อในอดีต
ที่อำเภอหยี่เย่า มณฑลเต้อเจี่ยง
“ชิงเยี่ยน… นั่นเจ้ากำลังจะออกไปไหนรึ”
‘หวางมู่’ ชายวัยห้าสิบปีผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ เอ่ยถาม ‘ชิงเยี่ยน’ สะใภ้สาววัยสิบเก้าปีผู้มีรูปโฉมงดงามจนเป็นที่กล่าวขานไปทั้งเมือง
ชิงเยี่ยนกำลังจะเดินไปขึ้นรถม้าที่กำลังจอดรออยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับหวางมู่ผู้เป็นบิดาของสามี เดินออกมาหน้าบ้านและเห็นเข้าพอดี
“ข้ากำลังจะออกไปซื้ออุปกรณ์เย็บปักถักร้อยค่ะท่านพ่อ… วันๆ ข้าอยู่บ้านเฉยๆ รู้สึกเบื่อหน่ายเต็มที… ข้าอยากมีอะไรทำ… ”
ชิงเยี่ยนหันมากล่าวกับพ่อสามี ยกเหตุผลที่ทำให้นางมักจะออกจากบ้านบ่อยๆ
ชิงเยี่ยนซึ่งแม้จะเป็นสตรีที่ไม่ถึงขั้นกุลสตรี นางไม่ได้เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ และค่อนข้างจะมีความคิดอ่านอย่างผู้หญิงสมัยใหญ่ แต่ก็มีฝีมือในด้านเย็บปักถักร้อย
ชิงเยี่ยนเป็นบุตรสาวของหญิงคณิกา มารดาของนางเป็นนางโลมชื่อดัง
อันที่จริงมารดาของ ‘หวางเจียว’ หรือที่คนในบ้านเรียกกันว่าฮูหยินหวางไม่ชอบชิงเยี่ยน ซ้ำนางยังเคยยืนกรานว่าจะไม่ยอมรับบุตรสาวของนางคณิกาเข้ามาเป็นสะใภ้ ในวันที่รู้ว่าหวางเจียวลูกชายของนางคบหากับชิงเยี่ยน
แต่แล้ว… มิทันได้ขัดขวาง ฮูหยินหวางก็มีอันต้องเสียชีวิตไปก่อน
และหวางมู่ซึ่งเป็นบิดาของหวางเจียวก็มิได้ถือสาอดีตของชิงเยี่ยนแต่อย่างใด แม้จะรู้มาว่ามารดาของชิงเยี่ยนเป็นนางโลมอยู่หอโคมเขียว จึงยอมให้ลูกชายแต่งงานกับชิงเยี่ยนในที่สุด
นับว่าชิงเยี่ยนโชคดีมาก ที่ได้แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูล ‘หยาง’ ที่ทำอาชีพค้าขายสืบทอดกิจการพ่อค้าวาณิชมาจากบรรพบุรุษจนมั่งคั่งอยู่ทุกวันนี้
ชิงเยี่ยนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของสามีอย่างสุขสบาย รอบกายของนางมีสาวใช้คอยดูแลไม่เคยขาด
วันๆ ชิงเยี่ยนแทบจะใช้ชีวิตอยู่กับการกินนอนเพียงอย่างเดียวก็ว่าได้ และนับวันชิงเยี่ยนยิ่งรู้สึกว่าความสุขสบายที่สบายในบ้านหลังใหญ่ของสามี กำลังกลายเป็นความเหงาและน่าเบื่อหน่าย
ด้วยในระยะหลังๆ มานี้ ‘หวางเจียว’ สามีของนางมักจะออกเดินทางไปทำการค้าที่ต่างเมืองบ่อยๆ ต้องทิ้งให้นางนอนเหว่ว้าเดียวดายเพียงลำพัง ไปแต่ละครั้งก็ใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับ
“อย่าบอกนะว่าวันนี้ท่านพ่อจะไม่อนุญาตให้ข้าออกไปข้างนอก… ”
ชิงเยี่ยนตีหน้าเศร้า…
แม้กระเง้ากระงอดใส่พ่อสามีแต่นางก็ตรงเข้ามาเกาะแขนประจบประแจงอยู่ในทีเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะรู้ว่าพ่อสามีของนางใจดี
“ไม่ใช่อย่างนั้น… ที่ข้าต้องถามก็เพราะเห็นว่าตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เจ้าควรรีบไปรีบมา แล้วอย่ากลับให้ค่ำนัก… ”
หวางมู่เตือนสะใภ้ด้วยความหวังดี
“ทำไมหรือคะท่านพ่อ… มืดค่ำก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา แม้จะค่ำแต่คนในตลาดก็ยังขวักไขว่ บางครั้งข้าก็นึกอยากดูงิ้ว อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง ทำไมช่วงนี้ท่านพ่อห่วงข้าจัง… ”
หัวคิ้วของชิงเยี่ยนชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อสองวันก่อนเพิ่งมีข่าวโจรป่าออกมาดักปล้นชาวบ้านระหว่างทางไปตลาด… ”
หวางมู่เตือนสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง
“อะไรนะ… จริงหรือคะท่านพ่อ… ”
ชิงเยี่ยนยกมือขึ้นทาบอก ตกใจกับเรื่องที่ได้รู้
“มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องโกหกเจ้า… เจ้ารีบไปเถอะ ชักช้าจะค่ำ… ”
“งั้นข้าจะรีบไปรีบกลับ ข้าสัญญาว่าจะกลับก่อนค่ำ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง… ”
ชิงเยี่ยนกล่าวแล้วเดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ท่ามกลางประกายแสงแดดของยามบ่าย โดยมีสาวใช้นามว่า ‘จู่จิง’ ก้าวตามไปติดๆ
ในเวลาต่อมา
ชิงเยี่ยนกับสาวใช้พากันเดินท่องตลาดอย่างสนุกสนาน หลังจากหาซื้อสิ่งของที่ต้องการจนครบก็แวะมาที่ร้านขายผ้าแห่งหนึ่ง มีผ้าแพรไหมเนื้อดีหลากสีสันพาดอยู่หน้าร้านดูตระการตา
ในยามที่สายลมพลิ้วพัดมากระทบผ้า แพรไหมสะบัดไหว บ้างปักลายด้วยดิ้นสะท้อนแสงแดดวิบวับ ดึงดูดให้ชิงเยี่ยนต้องแวะเข้ามาดู
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด… แม่นางผู้นี้คงเป็น ‘ชิงเชี่ยน’ ฮูหยินคนงามของตระกูลหวาง… ”
‘หูเฉิง’ ชายวัยสี่สิบปีผู้เป็นเจ้าของร้านขายผ้าเอ่ยชมชิงเยี่ยน
“ใช่… ข้าชื่อชิงเยี่ยน ท่านรู้จักข้าด้วยรึ… ”
หัวคิ้วโค้งเรียวสวยราวเสี้ยวจันทร์ชิดเข้าหากัน ชิงเยี่ยนมองสบตาชายร่างสูงใหญ่เจ้าของร้าน ซึ่งเขาก็มองนาง ทั้งสอบสบตากันไม่ลดละ
“ใครบ้างล่ะจะไม่รู้จักสะใภ้คนงามของตระกูลหวาง… ”
หูเฉิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ผายมือเชื้อเชิญให้ชิงเยี่ยนเดินเข้ามาชมผ้าในร้าน