ตอนที่ 7 วางแผนล่วงหน้า
ตอนที่7วางแผนล่วงหน้า
“ไปเถอะ พวกเจ้าคิดจะทำที่ไหน”ทนมองใบหน้าที่เสียใจอย่างเจ็บปวดของเสี่ยวอวี่ไม่ได้ หลินซินเยียนรีบเร่งรัดนักฆ่าทั้งสอง
“คนสวยตุ้งติ้งจริงๆ รีบร้อนกว่าพวกเราซะอีก”ตอนที่ชายชุดดำที่จับแขนของหลินซินเยียนพูดก็ใช้ร่างกายเข้ามาเสียดสีที่หลังของหลินซินเยียนไปด้วยยิ่งดมกลิ่นหอมบนตัวของนางก็ยิ่งอดใจไม่อยู่จึงเร่งรัดให้อีกคนรีบไป
นักฆ่าคนหนึ่งแบกหลินซินเยียนขึ้นบนบ่าแล้วใช้กริชจ่อที่คอต่อหน้าเสี่ยวอวี่เพื่อขู่ขวัญนาง จากนั้นจึงเดินออกไป
เสี่ยวอวี่หดตัวอยู่ที่มุมเตียงร้องไห้จนไม่มีเสียงหลายครั้งที่นางอยากจะพุ่งเข้าไปสู้กับพวกเขาแต่สุดท้ายเพราะความกลัวจึงก้าวขาไม่ออก
นอกหน้าต่างลมพัดแรงจนเกล็ดหิมะลอยเข้ามาให้ห้อง
เงาดำขึ้นบุกเข้ามาเสี่ยวอวี่ยังไม่ทันมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าก็ได้ยินเสียงสดใสของบุรุษ
“เกิดอะไรขึ้น”
เสี่ยวอวี่เงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นชายแก่ที่ต้มสุราให้หลินซินเยียนดื่มเมื่อตอนเย็นนั้นก็รีบร้องไห้อย่างเสียงดัง“คุณคุณหนูถูกจับตัวไปแล้ว…”
ในสถานการณ์นั้นแค่เป็นคนหน้าคุ้นก็ทำให้คนหลุดความอ่อนแออยู่ส่วนลึกภายในใจออกมา
“คุณหนู?”สายตาของชายแก่มีประกายออกมา“ไปทางไหนแล้ว”
เสี่ยวอวี่รีบยกมือขึ้นมาชี้ไปทางหน้าประตูแต่ที่นอกประตูไม่มีเงาคนอยู่แล้วตอนนี้ไม่มีร่องรอยให้ไล่ตามไปแล้ว
เห็นนางตกใจจนเสียสติชายแก่ขมวดคิ้วรีบออกคำสั่งกับคนติดตามที่อยู่ด้านหลัง“ให้คนของเราทั้งหมดออกตามหา!หากจำเป็นก็สามารถใช้คนที่เราซ่อนอยู่ที่นี่ได้ จำไว้ต้องพานางกลับมาให้ได้!”
ซานป่ายที่อยู่ด้านหลังรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก อิทธิพลของพวกเขากระจายอยู่ไปทั่วภาคเหนือและภาคใต้แต่ก็เป็นกำลังหลบซ่อนอยู่ ถ้าไม่ใช่เวลาวิกฤติก็ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงใช้กำลังพวกนี้
เพื่อหาคนที่เจอหน้ากันเพียงครั้งเดียวนายท่านถึงขนาดใช้อิทธิพลที่ซ่อนอยู่ที่นี่เลยหรือ?
“มัวยืนบื้ออยู่ทำไมไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”ชายแก่หรี่ตาลงเล็กน้อยทำให้ซานป่ายตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“รับทราบครับ!”
ชายแก่เอามือไขว้หลังอยู่ทางหน้าต่างสายตาหยุดชะงักอยู่เสื้อผ้าบุรุษบนเตียงอยู่นาน มิน่าล่ะตอนที่นางยิ้มงามกว่าสตรีอีก ที่แท้เป็นสตรีนี่เอง
“สตรีหนึ่งคนเชี่ยวชาญด้านกลไกอาวุธ น่าสนใจจริงๆ” เสียงพึมพำของชายแก่นั้นหายในลมหิมะเขาหันหลังก้าวเท้าออกไป การกระทำที่รวดเร็วราวกับมองไม่เห็นในชั่วพริบตา เงาของเขาไปถึงตรงขอบลานซะแล้ว
นี่ทำให้เสี่ยวอวี่ตกใจเป็นอย่างมากแต่ในใจกลับมีความหวังบุกขึ้นมา วรยุทธ์ของคนเหล่านี้ช่างเก่งกาจต้องช่วยคุณหนูกลับมาได้แน่ ต้องช่วยมาให้ได้…
คิดอย่างนี้แล้วเสี่ยวอวี่กลับหดตัวร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ใครจะไปรู้ว่าในช่วงเวลานั้นเสี่ยวอวี่ที่สำนึกผิดเกิดความตัดสินใจที่จะเปลี่ยนโชคชะตาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น
ประตูเมืองอวิ้นเปิดแล้วหลังจากนักฆ่าสองคนพาตัวหลินซินเยียนออกจากเมืองแล้วก็รอไม่ไหวที่จะหาสถานที่ไร้ผู้คนจัดการหลินซินเยียน
แต่ทว่าวันนี้ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น บนถนนใหญ่มีกองทัพใหญ่เคลื่อนทัพไปมาทุกพักหนึ่งเหมือนจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
โดยอาชีพของพวกเขาคนที่เกรงกลัวที่สุดคือคนจากราชสำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหวาดระแวงขึ้นและโยนหลินซินเยียนขึ้นหลังม้าแล้วรีบเดินทางเดินทางมาเกือบ10ลี้ถึงจะหนีกองทัพใหญ่นั้นได้
“โชคร้ายจริงๆนี่ใกล้ถึงเนินลาดสิบลี้แล้ว”นักฆ่าที่อยู่ด้านหน้าขากน้ำลายแล้วลงมาจากหลังม้า
นักฆ่าอีกคนก็ลากหลินซินเยียนลงจากหลังม้า“อย่าพูดมาก เจ้าลองดูกางเกงของข้าสิ น้องชายของข้ามันอั้นไว้ไม่แล้ว ข้าจำได้ว่าหลังเลี้ยวตรงมุมนี้มีวัดร้างอยู่ พวกเราพาแม่นางนี่ไปจัดการที่นั่นเถอะ!”
“ไป!หากวันนี้ข้าไม่ได้จัดการนางข้าก็เปลี่ยนแซ่ไป!”
สองคนอดกลั้นความต้องการมาตลอดทางขณะนี้เหมือนจะระอุแล้ว คนหนึ่งอดกลั้นไม่ไหวแล้วเอามือไปวางที่ตูดของหลินซินเยียน
สองมือของหลินซินเยียนถูกเข้ามัดเชือกไว้ทำได้แต่เดินโซเซไปข้างหน้าตามแรงผลักของพวกเขา มือที่อยู่บนก้นของนางทำให้นางแทบอยากจะอาเจียน แต่ตัวจริงนางเป็นสตรีที่โตเป็นผู้ใหญ่เลยเข้าใจว่าชีวิตยังมีหนึ่งคำว่า‘อดทน’
บางทีความแตกต่างระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอาจจะมีความอดทนต่อบางเรื่องมั้ง
นางมองไปรอบๆเป็นสถานที่ไร้ผู้คนอยู่อาศัยมีเพียงวัดร้างจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่หนึ่งหลัง
ที่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาช่วยนางได้
“สาวสวย พี่รอไม่ไหวแล้ว รีบให้พี่สำรวจร่างกายของเจ้าเถอะ”
พอเข้าไปในวัดร้างแม้แต่ประตูก็ยังไม่ทันปิด คนหนึ่งก็กดหลินซินเยียนลงบนพื้น อีกคนเริ่มถอดกางเกงของนางอย่างเร่งรีบจนมือไม้พันกันไปหมด
หลินซินเยียนกัดฟันแน่นจ้องมองชายระยำทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นชาในใจรีบร้อนแต่กลับไม่ปรากฏสีหน้าแต่อย่างไรเพียงแต่ส่งยิ้มหวานให้“อย่ารีบร้อนข้าเป็นแค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ที่นี่ไม่มีคนข้าหนีไปไหนไม่รอดหรอก เอานี่ไหม ให้ข้าถอดเสื้อผ้าเองให้พวกเจ้าดูดีไหม”
“นางนี่ใช้ได้รู้จักเล่นด้วย!”นักฆ่าที่กดหลินซินเยียนยิ้มกว้างและเดินถอยหลังไป“เจ้าอย่าเล่นตุกติกเด็ดขาด”
ชายอีกคนที่อยู่ด้านหน้าหยิบกริชออกมาตัดเชือกที่มัดมือของหลินซินเยียนออกทันที หลินซินเยียนสายตาเป็นประกายแต่ชั่วขณะหนึ่งก็ได้หลบซ่อนเอาไว้
“ถอดเลย”นักฆ่าสองคนเร่งรัด
หลินซินเยียนยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ มือที่ขาวราวกับหยกขาวได้ไปจับตรงผ้าคาดเอวดึงออกเบาๆผ้าคาดเอวหลุดออก ชุดผ้าไหมทั้งตัวก็อ้าเปิดออกมาราวกับน้ำตกที่เต็มไปด้วยน้ำกระเซ็นเป็นละอองในช่วงขณะที่คลายออก ทำให้คนที่ดูอยู่ยิ่งตื่นเต้น
นักฆ่าทั้งสองมองอย่างไม่ละสายตากลืนน้ำลายลงคอไม่หยุด
“อยากดูหรือไม่?”หลินซินเยียนยกมือดึงเสื้อที่บริเวณคอผิวขาวเปล่งประกายวับวาบราวหิมะปรากฏออกมาเหมือนว่านางเพียงแค่ลากลงมา พวกเขาก็ได้ชื่นชมสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก
“อยากดู!”นักฆ่าสองคนรีบพยักหน้า
หลินซินเยียนส่งเสียงหัวเราะเบาๆบนใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆเลย“อยากดูก็ดูให้พอเลย…”
นอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ได้ปรากฏออกชั้นเมฆแสงส่องผ่านเมฆลงมาได้วาดเส้นบนท้องฟ้าออกมาอย่างงดงาม
ในช่างขณะนั้นหลินซินเยียนยิ้มสวยมาก เพราะตอนที่นางลากเสื้อออกมา นักฆ่าสองคนก็ร่วงล้มพับไปแล้ว
นางถอนหายใจออกมาอย่างเบาๆหยิบกระจกทองแดงขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่ในเสื้อตรงหน้าอกออกมา เมื่อครู่นั้นกระจกทองแดงได้สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ทำให้นางได้ถือโอกาสนี้ใช้คันธนูขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยิงเข้าไปในดวงตาของทั้งสอง
คันธนูนี้ขนาดไม่เท่าฝ่ามือ เป็นผลงานที่นางใช้เข็มปักผ้าและหน้าไม้ทำขึ้นมา เพราะเป็นเพียงเข็มปักผ้าเลยไม่สามารถเอาชีวิตสองคนนั้นได้
นางโชคดีมากที่นางจัดตำแหน่งให้ตนเองอยู่ในทิศทางที่เหมาะสมยิงเข็มปักผ้าสองถึงสามเล่มออกไปก็ยิงถูกดวงตาของทั้งสองคน สามปีที่ถูกขังอยู่ในจวนแม่ทัพสิ่งที่นางได้ก็คือลองฝึกใช้โจมตีอย่างนี้อยู่ตลอดเท่านั้น
โชคดี โชคดีจริงๆที่นางเคยฝึกมาแล้วหลายรอบ
“ตาของข้ามองไม่เห็นแล้ว!”
“อีนางโสเภณี!ข้าจะถลกหนังของเจ้า!”
หลินซินเยียนใส่เสื้อผ้าแล้วรีบออกจากวัดร้างไปโดยไม่หันกลับไปดูนักฆ่าสองคนที่ส่งเสียงร้องนอนอยู่บนพื้น