บทที่ 8 ขอทานน้อย
เมิ่งลี่เฟยออกแรงดึงร่างของเสี่ยวเหลียนขึ้นจากพื้นที่เย็นเยียบ ทว่าตนเองก็แทบจะยืนไม่ไหวสิ่งที่ทำได้ในยามนี้จึงเป็นเพียงนำผ้าห่มกับหมอนมาปูแล้วผลักร่างของบ่าวรับใช้ให้กลิ้งไปนอนบนผ้าห่มอย่างทุลักทุเล
เสียงของบ่าวข้างนอกเรือนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ขอท่านอ๋องทรงประทานอภัย พระชายารองมีน้ำพระทัยหากจะลงโทษก็ให้ลงโทษบ่าวเถิดเพคะ บ่าวยินดีรับโทษนี้แทนพระชายารอง
เมิ่งลี่เฟยส่ายหน้าละครฉากนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง นางเองก็อยากรู้ว่าคนใจดำผู้นั้นจะตัดสินเช่นไร หรือจะตามมาหาเรื่องนางในนี้อีก ทว่าประตูก็หาได้เปิดออกอย่างที่คิด
เมิ่งลี่เฟยเดินไปหยิบยาเพื่อมาทาให้เสี่ยวเหลียน หูของนางยังเงี่ยฟังคนด้านนอก สุดท้ายแล้วท่านอ๋องผู้นั้นมิได้ทำให้นางผิดหวัง เมื่อเขาเอ่ยเสียงดังราวกับต้องการให้นางได้ยินเช่นกัน
พระชายารองทำผิดจริง เช่นนั้นเปิ่นหวางขอลงโทษให้กักตัวในเรือนตนเองเพื่อสำนึกผิด ห้ามออกจากเรือนเป็นเวลาเจ็ดวัน
เมิ่งลี่เฟยบัดนี้หัวเราะเสียงดังด้วยความขบขันปนสมเพช กระทั่งเสียงหัวเราะดังออกไปด้านนอก เต๋อลู่หานจ้องประตูเขม็ง ในใจอยากจะผลักเข้าไปถามนักว่านางหัวเราะด้วยเรื่องอันใด
ทว่ามือเรียวของพระชายารองกับรั้งเขาเอาไว้
"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันยินดีรับโทษ เรากลับกันเถิดเพคะ หม่อมฉันรู้สึกวิงเวียนแล้ว"
หัวใจของเขาอ่อนยวบ รู้สึกสงสารพระชายารองจนเจ็บในใจ ที่ผ่านมาเขาถนอมนางเอาไว้ในฝ่ามือ มิเคยทำให้ชอกช้ำใจแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้เขากลับต้องสั่งลงโทษเมียรักด้วยตนเอง
ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าต้องเพราะนางปีศาจผู้นั้นที่ทำให้จวนที่สงบสุขวุ่นวายเพียงนี้
เมิ่งลี่เฟยรับรู้ถึงความลำเอียงนี้และจดจำความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย
ทว่าดูไปช่างเป็นบทลงโทษที่ชวนขบขันจนต้องเปล่งเสียงหัวเราะดัง ๆ ออกมาอีกครั้ง
คนผู้นั้นไม่คู่ควรให้นางเคารพนับถือในฐานะสามีเลยแม้แต่น้อย แต่เอาเถิดยามนี้มิใช่เวลาจะเปิดศึก นางจะเกิดปัญหากับตนเองในยามอ่อนแออีกไม่ได้ หากนางล้มลงอีกคนจะปกป้องเสี่ยวเหลียนได้อย่างไร
เต๋อลู่หานประคองเมียรักกลับจวน ทว่าพระชายารองของเขาอ่อนแอยิ่งนัก
เฉียนมี่แท้จริงแล้วเป็นบุตรสาวพ่อค้าผู้หนึ่ง แม้ว่าเต๋อลู่หานอยากจะให้นางอยู่ในตำแหน่งชายาเอกแต่เพราะชาติตระกูลต่ำต้อย จึงทำให้ไทเฮาไม่ทรงเห็นด้วย เขาเองไม่อยากมีปัญหากับพระมารดาจึงจำใจต้องทำตามรับสั่ง
นอกจากใบหน้าที่งดงามหมดจดของเฉียนมี่แล้วเต๋อลู่หานยังหลงใหลในความอ่อนหวานและช่างเอาอกเอาใจของนาง แม้ว่าเขามีอนุอีกสามคนอยู่ในจวนก็ไม่เคยสนใจ
เพราะรักใคร่เฉียนมี่ยิ่งนัก สตรีเหล่านั้นเต๋อลู่หานแทบจะไม่เคยเรียกหาตั้งแต่พระชายารองก้าวเข้ามาในจวน
คงเป็นเพราะเป็นเพียงบุตรสาวพ่อค้า เฉียนมี่จึงไม่ได้รับการเคารพจากอนุทั้งสาม ยังกลั่นแกล้งพระชายารองจนล้มป่วย
เต๋อลู่หานทราบเรื่องจึงสั่งขังอนุในเรือนเย็น ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเฉียนมี่อีกด้วยรู้ว่านางสำคัญต่อเขาเพียงใด
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เฉียนมี่ที่ใบหน้าซีดเซียวก็แข้งขาอ่อนแรง ทำให้เต๋อลู่หานต้องอุ้มนางเอาไว้พากลับเรือนด้วยใจร้อนรน
"ข้าสั่งกักบริเวณเจ้าในเรือน เจ้าโกรธข้าหรือไม่"
เฉียนมี่ซุกใบหน้ากับอกกว้างตอบเสียงอ่อนหวาน
"หม่อมฉันทำผิดจริง ถูกลงโทษสมควรแล้วเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้ทรงกังวลหม่อมฉันเข้าใจพระทัยของท่านอ๋องดี"
เต๋อลู่หานไม่กล่าวสิ่งใดอีก ในใจหวนคิดถึงใบหน้าของสตรีนางนั้น ในยามที่เมิ่งลี่เฟยโยนอาหารลงพื้นโดยไม่แยแสนางช่างมีสีหน้าราบเรียบไม่ทุกข์ร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พลันบังเกิดความรู้สึกคล้ายคลื่นที่สาดโหมกระหน่ำ จิตใจไม่สงบขึ้นมาดื้อ ๆ
ภายนอกไร้เสียงคนแล้ว เมิ่งลี่เฟยจึงถอดเสื้อของเสี่ยวเหลียนออกกระทั่งเผยแผ่นหลังที่เป็นรอยบวมช้ำ นิ้วเรียวเปิดฝากล่องยาแล้วเริ่มทายาไปที่รอยบาดแดงบนแผ่นหลังของเสี่ยวเหลียนอย่างระมัดระวัง
"เสี่ยวเหลียนทั้งหมดเพราะข้าแท้ ๆ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก"
น้ำเสียงอิดโรยของเสี่ยวเหลียนพลันดังขึ้น
"คุณหนูเสี่ยวเหลียนทนไหวเจ้าค่ะ"
เสียวเหลียนได้สติแล้ว เพียงคำนี้ของสาวใช้ที่ดังขึ้น น้ำตาแห่งความอ่อนแอของเมิ่งลี่เฟยพลันไหลออกมา
นางพ่นลมหายใจยาวกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เสี่ยวเหลียนรู้ว่านางกำลังร้องไห้ ทั้งหมดนี้เพราะไม่ต้องการให้บ่าวของนางกังวลใจ
"อืม ก็ดีแล้ว"
ในตอนที่เมิ่งลี่เฟยได้พบกับเสี่ยวเหลียนนั้นคือตอนที่หญิงสาวมีอายุเพียงเก้าขวบ และเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงอันเลวร้ายของเมิ่งลี่เฟยเช่นกัน
บุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ที่ตายไปแล้วแห่งจวนท่านมหาเสนาบดีเมิ่งกำลังออกเที่ยวชมตลาดกับบ่าวรับใช้และคนคุ้มครองราวสิบคน ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูผู้นี้มีฐานะใดจึงหลีกหนีและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ให้ตนเองลำบาก
กระทั่งเมิ่งลี่เฟยเกิดความเบื่อหน่าย อาศัยที่สาวใช้เผลอจึงลอบหนีออกไปเดินเล่นตามถนนคนเดียว และในยามนั้นเองที่นางพบเด็กน้อยขอทานผู้หนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมถนน
เมิ่งลี่เฟยในมือถือซาลาเปาลูกใหญ่ ทั้งยังมีขนมดอกกุ้ยฮวาอยู่ในมืออีกข้าง เด็กขอทานนางนั้นมองมาที่ขนมในมือของเมิ่งลี่เฟยพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ
เมิ่งลี่เฟยเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ล้วนได้รับการสั่งสอนมาว่าอย่าได้เข้าใกล้ขอทานสกปรกเป็นอันขาด ด้วยความยังเด็กนักนางจึงถอยหลังไปหลายก้าว ทว่าเด็กน้อยนางนั้นก็ยังคงมองขนมในมือเมิ่งลี่เฟยไม่วางตา
เมิ่งลี่เฟยบังเกิดความสงสารจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นขนมนั้นให้เด็กขอทาน
เด็กขอทานผู้นั้นรับไปกินอย่างเอร็ดอร่อย เมิ่งลี่เฟยไม่เคยเห็นผู้ใดกินได้ตะกละเช่นนี้มาก่อนในชีวิตจึงเกิดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
"เจ้าเป็นขอทานหรือมีนามว่าอย่างไร พ่อแม่ไม่มีหรือเหตุใดจึงได้มาขอทานเช่นนี้"
เด็กขอทานนางนั้นทั้งพยักหน้าและส่ายหน้าไปพร้อม ๆ กัน ท่าทางประหลาดแท้
"นามข้าคือเสี่ยวเหลียน บ้านอยู่ไกลมากข้าไม่มีพ่อแม่ พวกเขาไม่รู้ไปที่ใดแล้ว ตัวข้าอยู่กับขอทานผู้อื่น"