บทที่ 8 เพิ่มอาหารเป็นเรื่องยากมาก
เหล่าหญิงรับใช้ชราจับกลุ่มพูดคุยกัน และตรงมุมที่เก็บอาหารมีกรงอยู่หลายกรง ในกรงมีไก่และเป็ด
บนเขียงยังมีเนื้อหมู และมีผักสดวางอยู่สี่ห้าตะกร้า แล้วจะไม่สามารถเพิ่มอาหารได้อย่างไร?
ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บพระชายาไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารมากนัก เน้นอาหารอ่อนเป็นหลัก พอตอนนี้อารมณ์ดีขึ้น และอยากกินเยอะๆ นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงรับใช้ชราเหล่านี้จะหลอกลวงพระชายา และไม่เห็นพระชายาอยู่ในสายตา!
“ไหนว่าไม่มีอาหารจะเพิ่มให้พระชายาไม่ใช่หรือ? ทำไมในห้องครัวนี้ถึงมีผักอยู่เต็มไปหมด? หรือว่าแม่บ้านทั้งหลายหลอกลวงปกปิดพระชายา?” หงหลิงขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงเข้ม
หญิงรับใช้ชราหลายคนมองไปยังหงหลิงที่ซักไซ้เอาความ แม้ว่าในสายตาจะไม่เคารพ แต่ถึงอย่างไรหงหลิงก็เป็นสาวใช้ของเรือนดอกเหมย สถานะสูงกว่าพวกนาง จึงลุกขึ้นคำนับหงหลิง
ป้าหลิวที่ดูแลห้องครัวเล็กในเรือนดอกเหมย อธิบายกับหงหลิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ผักและเนื้อสัตว์เหล่านี้สำหรับกินได้สี่ห้าวัน หากวันนี้เพิ่มอาหาร เช่นนั้นอีกสองวันก็จะไม่มีอาหารแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถเพิ่มอาหารได้”
“แม่นางหงหลิงได้โปรดอธิบายพระชายาให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าไม่เพิ่ม แต่เพิ่มไม่ได้จริงๆ หากพระชายาอยากเสวยอย่างอื่นจริงๆ ข้าจะไปขอร้องป้าจางที่ห้องครัวใหญ่”
อันที่จริงในช่วงสองปีที่ผ่านมา ท่านอ๋องไม่เคยมาที่เรือนดอกเหมยเลย และพวกนางก็ไม่เคยได้รับรางวัลเลยเช่นกัน
ตรงกันข้ามกับเหล่าหญิงรับใช้ชราที่ทำงานในเรือนอื่น เดิมทีพวกนางก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
ต่อมาจึงใช้ลูกไม้หาประโยชน์ให้ตัวเองจากเงินห้าสิบตำลึงทุกเดือน และหักเงินครึ่งหนึ่งเข้ากระเป๋าตนเอง
การเพิ่มอาหารตอนนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะนำเงินที่ซุกไว้ในกระเป๋าออกมา
“ใช่ ตอนนี้ผักและเนื้อสัตว์ข้างนอกขึ้นราคามากกว่าครึ่ง ดังนั้นจึงยากมากที่จะเพิ่มอาหาร” หญิงรับใช้ชราคนอื่นๆ รีบพยักหน้าเห็นด้วย
หงหลิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น หญิงรับใช้ชราหลายคนร่วมมือกันโกหกหลอกลวง!
แม้ว่านางจะเป็นสาวใช้ แต่ก็ก้าวก่ายอะไรไม่ได้มากนัก หากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จะสร้างความยุ่งยากให้กับพระชายาเสียเปล่าๆ
นางเหลือบมองหญิงรับใช้ชราที่ไม่เกรงกลัวใดๆ ครุ่นคิดอยู่หลายครั้ง เตรียมกลับไปรายงานพระชายาแล้วค่อยว่ากัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะกลับไปทูลพระชายาแล้วค่อยว่ากัน” นางพูดทิ้งท้ายแล้วหันหลังจากไป
หญิงรับใช้ชราหลายคนมองหน้ากัน และไม่สนใจคำพูดของหงหลิง ครึ่งเดือนที่ผ่านมาพระชายาเงียบสงบมาโดยตลอด เกรงว่าคงไม่อยากยั่วโมโหท่านอ๋องแล้ว ตอนนี้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พระชายาคงไม่ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พระชายารองเสิ่นเป็นคนควบคุมดูแล! หญิงรับใช้ชราหลายคนจึงไม่เกรงกลัวใดๆ
ในยามนี้มู่จิ่งซีกำลังเตรียมทานอาหารเที่ยงอยู่ในห้อง แต่เมื่อคนรับใช้นำอาหารมังสวิรัติหลายอย่างมาให้เป็นอาหารเที่ยง นางก็ขมวดคิ้ว
สั่งหงหลิงว่าวันนี้ให้เพิ่มอาหารแล้วไม่ใช่หรือ?
อาการบาดเจ็บที่ศีรษะหายดีแล้ว นางเบื่อการกินอาหารมังสวิรัติพวกนี้ และอยากจะกินอย่างอื่น ทำไมยังเหมือนเดิม?
“มีอาหารแค่นี้หรือ?” มู่จิ่งซีเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ข้างๆ ที่นำอาหารมาให้แล้วถาม
สาวใช้ผู้นั้นตอบในทันที “ใช่เพคะพระชายา”
มู่จิ่งซีหรี่ตาทั้งสองข้างลง ในขณะที่กำลังจะถามอย่างละเอียด หงหลิงก็ก้มหน้าเดินเข้ามา
“พระชายา ไม่สามารถเพิ่มอาหารมื้อกลางวันได้เพคะ” หงหลิงก้มและพูดเบาๆ
“อ้อ?”
“ผู้ดูแลห้องครัวเล็กบอกว่าเงินไม่พอ อาหารที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับอีกหลายวัน ดังนั้นจึงไม่สามารถเพิ่มอาหารได้เพคะ หากพระชายาอยากเสวยอะไร บ่าวจะไปให้แม่ครัวที่ห้องครัวใหญ่ทำให้เพคะ” หงหลิงก้มหน้าและพูดเบาๆ
อันที่จริงระหว่างทางกลับ นางคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับพระชายาก็ได้
แต่หากไม่บอก นางก็ไม่รู้จะใช้ข้ออ้างอะไรมาอธิบาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงบอกความจริง
หลังจากได้ยิน มู่จิ่งซีก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางมองดูอาหารมังสวิรัติหลายอย่างที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยบนโต๊ะ และสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านอาหารเที่ยงกันก่อนเถอะ หลังอาหารเที่ยง เจ้าค่อยไปพาผู้ดูแลห้องครัวเล็กมา”
คนดีมักถูกรังแก หลักการนี้เป็นความจริง
หญิงรับใช้ชราในห้องครัวเล็กของเรือนดอกเหมย ต้องการวางอำนาจบาตรใหญ่และขี่หัวของนาง ซึฟังดูน่าขบขันจริงๆ!
นางทานอาหารเที่ยงด้วยสีหน้าปกติ เคี้ยวผักสีเขียวในปากและหัวเราะเยาะ ราวกับว่ากินอาหารสีเขียวที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สุขภาพแข็งแรงและลดน้ำหนัก!
ส่วนที่เหลือ กินอิ่มแล้วค่อยว่ากัน!
“เพคะ”
หลังอาหารเที่ยง
มู่จิ่งซีเอนตัวพิงเก้าอี้ แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านหน้าต่างลงมาบนร่างของนาง หลับตาทั้งคู่ลงอย่างเกียจคร้านน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม และกลิ่นอายของความอ่อนโยนแผ่ซ่านไปทั้งตัว
ป้าหลิวยืนก้มหน้าและตัวสั่นงันงกอยู่ภายใต้การถล่มสิบเมตร
นางยืนอยู่ที่นี่มาสองเค่อแล้ว (ประมาณ 30 นาที) ตกตะลึงและไม่พูดอะไรกับพระชายาสักคำ!
อันที่จริงตอนที่หงหลิงบอกให้นางมาพบพระชายา นางก็เดาได้แล้วว่าพระชายาต้องการพบนางด้วยเหตุใด
แต่นางก็ไม่ได้กังวลมากนัก แต่หลังจากยืนเป็นเวลานาน พระชายาก็แค่หลับตาและไม่สนใจนาง!
แท้จริงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่ นางก็มองไม่ทะลุปรุโปร่ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ
“มีอะไรจะพูดหรือไม่?” มู่จิ่งซีลืมตาขึ้นอย่างขมุกขมัว มองไปที่ป้าหลิว และถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ป้าหลิวตกตะลึง ส่ายหัวแล้วตอบว่า “เป็นพระชายาที่เรียกบ่าวมา บ่าวไม่รู้จริงๆ เพคะว่าพระชายาเรียกบ่าวมาด้วยเหตุใด”
แอบด่าในใจ: พระชายาที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง มีคนรับใช้คนใดในคจวนเห็นนางอยู่ในสายตาบ้าง!
ตอนนี้ยังจะมาถามนาง ถุย!
“อ้อ?” มุมปากของมู่จิ่งซีแยกออกและยิ้มอย่างสดใส
รอยยิ้มนี้ทำให้คนมองไม่ทะลุปรุโปร่ง และขนลุกขนพอง
ป้าหลิวแอบกัดฟันและถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นรอยยิ้มของนางก็หายไป แสงอันเย็นเยียบปรากฏขึ้นในดวงตา และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ในเมื่อป้าหลิวอายุมากแล้วยังไม่เข้าใจ เช่นนั้นข้าจะพูดแทนป้าหลิวเอง”
ไม่รู้ว่าทำไมป้าหลิวถึงหัวใจเต้นรัว และรู้สึกว่าพระชายาพูดเป็นนัย
“ข้ามอบเงินให้ห้องครัวเล็กห้าสิบตำลึงทุกเดือน เงินห้าสิบตำลึงนี้เพียงพอที่จะให้ครอบครัวธรรมดาใช้ชีวิตอยู่ได้สองปี และอาหารทุกมื้อก็สามารถกินเป็ดกินไก่ได้”
“แต่เหตุใดพอเป็นเรือนดอกเหมยของข้า ป้าหลิวควบคุมในห้องครัวเล็ก นึกไม่ถึงเลยว่าห้าสิบตำลึงต่อเดือนจะกินได้แค่อาหารมังสวิรัติเท่านั้น? หากต้องการเพิ่มอาหารจะกินหมูไม่ได้?!” มู่จิ่งซีพูดเบาๆ
เป็นแค่ผู้ดูแลห้องครัวเล็กอยากจะเล่นตลกต่อหน้าต่อตานาง ไม่เห็นนางอยู่ในสายตามันมากเกินไป!
นางมู่จิ่งซี ชาติที่แล้วไม่ใช่คนที่ถูกยั่วยุได้ง่ายๆ และชีวิตนี้ก็ยิ่งไม่ใช่ว่าใครจะเหยียบย่ำได้!
“พระชายา ห้าสิบตำลึงนี้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายหนึ่งหรือสองปีในครอบครัวธรรมดา แต่ในเรือนดอกเหมยของเรา นอกจากพระชายาแล้ว ยังมีสาวใช้และหญิงรับใช้ชรามากมาย ห้าสิบตำลึงเป็นเพียงจำนวนที่คงไว้เท่านั้น สองปีที่ผ่านมาบ่าวพยายามดูแลเรือนดอกเหมยอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แม้ว่าเงินจะไม่พอใช้ แต่ก็ไม่เคยบอกพระชายาเลย”
“เดิมทีคิดว่าพระชายามีเรื่องกวนใจมากมายอยู่แล้ว จึงมิกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกพระชายา นึกไม่ถึงเลยว่าความสะเพร่าชั่วขณะของบ่าวในวันนี้จะทำให้พระชายาระแวงสงสัย” ป้าหลิวก้มหน้าพร้อมกับตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
นางอยู่ในจวนอ๋องมาสิบปีแล้ว แม้ว่าจะวางแผนไปวันๆ แน่นอนว่ารู้ว่าพระชายากำลังคิดอะไรอยู่