#บทที่ 8 เริ่มชำระแค้น
เช้าตรู่วันที่สิบ
ระหว่างที่ฉู่จิงกั๋วหายใจแผ่วเบา ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้
ร่างกายส่งพลังงานอันอบอุ่นระลอกหนึ่งมา ประหนึ่งมีคนส่งอะไรเข้ามาให้นางแล้ว ทำให้ร่างกายที่อ่อนกำลังมีเรี่ยวแรงมาบ้าง
ข้างหูยังมีเสียงทุ้มต่ำของบุรุษลอยมาอีก
“ฉู่เซี่ย มีชีวิตต่อไป อย่าทำให้ข้าผิดหวัง......”
ฉู่จิงกั๋วลืมตาขึ้นมาฉับพลัน ก็เห็นมีบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเตียง
บุรุษผู้นี้สวมชุดลาดตระเวนยามราตรีสีดำ ใส่หน้ากากเนื้อด้านสีดำล้วน จึงดูหน้าตาของเขาไม่ออก ได้เพียงเห็นความเย็นชา ความน่าเกรงขาม และความสูงส่งที่ไม่อาจเอื้อมซึ่งเผยออกมารอบตัว
พอเห็นนางตื่นขึ้น ชั่วขณะนั้นเขาหมุนตัวกระโดด ลอยออกไปจากหน้าต่างด้านหลังแล้ว ไม่เห็นร่องรอย
ฉู่จิงกั๋วขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
อยู่ใกล้กันขนาดนั้น นางได้กลิ่นอายความอาฆาตบนตัวของบุรุษผู้นั้น เป็นกลิ่นอายของผู้ที่เคยอยู่ในสนามรบมายาวนานถึงจะมีได้
และความสูงส่งรอบตัวนั้น ก็ต้องมีชีวิตสะดวกสบายมาหลายปีถึงจะมีได้เช่นกัน
ความสูงของรูปร่างนั้น แทบจะสูงเท่ากันกับตี้เซิน
ฉะนั้น......บุรุษผู้นี้คือตี้เซินจริงหรือ?
แต่ตี้เซินอยากให้นางตายปานนั้น ทุกอย่างนี้ล้วนไม่สมเหตุสมผล......
ท้องร้องดังจ๊อกๆๆ ขึ้นมาอีกรอบ ราวกับผนังเยื่อบุกระเพาะอาหารใกล้จะเสียดสีกันจนทะลุ เจ็บเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ฉู่จิงกั๋วได้เพียงหยุดความคิดเอาไว้ก่อนชั่วคราว พบว่าบนโต๊ะห้องด้านนอกที่ไม่ไกลนัก มีกล่องปักลายดอกใบหนึ่งวางอยู่
กล่องปักลายดอกไม่ได้ปิดฝาไว้ ด้านในบรรจุรังนกชั้นดี ตรงด้านข้างยังมีไก่ห่อใบบัวเต็มตัว และนมแกะถ้วยหนึ่งวางไว้
กลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่ในห้อง เย้ายวนเป็นพิเศษ
ฉู่จิงกั๋วขมวดคิ้วขึ้น บุรุษผู้นั้นยังส่งของกินมาให้พวกนางอีกหรือ?
ทำให้คนรู้สึกสงสัยมาก
แต่เด็กน้อยก็ไม่มีเรี่ยวแรง หายใจแผ่วเบาแล้ว
ฉู่จิงกั๋วลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปอย่างยากลำบาก ยกนมแกะขึ้นมาทดสอบดู
เมื่อแน่ใจว่ามันไม่มีพิษ ถึงอุ้มทารกขึ้นมา ใช้ช้อนตักขึ้น ป้อนไปทีละคำ
บางทีเป็นเพราะทารกหิวมาเก้าวันเก้าคืนแล้ว วินาทีนี้จึงเป็นฝ่ายริเริ่มกินเอง ในที่สุดสีหน้าที่ซีดเผือดก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย
หลังกินอิ่ม มือน้อยๆ ของนางผลักถ้วยนมแกะ ผลักถ้วยมายังด้านหน้าฉู่จิงกั๋ว
มือน้อยอีกข้างหนึ่งยังจับเนื้อไก่ชิ้นเล็กแล้ว ป้อนไปทางในปากของฉู่จิงกั๋ว
จิงกั๋วมองมือที่เล็กจนไม่รู้จะเล็กอีกอย่างไรข้างนั้นอยู่ รู้สึกสั่นไหวในใจครู่หนึ่ง
ทั้งที่นางยังเป็นแค่ทารกน้อยที่เพิ่งอายุครบสิบวันเต็ม กลับรู้จักห่วงใยนาง......
ความอบอุ่นแรกหลังจากมาเยือนสถานที่แปลกหน้า นอกจากบุรุษที่ลึกลับยากจะคาดเดาผู้นั้นแล้ว คาดไม่ถึงเป็นเด็กน้อยผู้นี้มอบให้
นางอ้าปากแบบรู้สึกประทับใจ
ทารกก็ยัดเนื้อไก่เข้าไป ริมฝีปากอ่อนนุ่มยิ้มขึ้นอย่างดีใจ ไปจับชิ้นเล็กมาอีกอันแล้ว
ป้อนฉู่จิงกั๋วไปทีละคำอย่างน่าเอ็นดูปานนั้น
ภายในห้องที่แสงมืดสลัว พวกนางสองแม่ลูกให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันไปอย่างนั้น
สุดท้ายยังเป็นฉู่จิงกั๋วคำนึงถึงว่านิ้วมือของทารกไม่สามารถขยับได้มาก เลี่ยงที่จะกระดูกหัก ถึงวางนางลงบนเตียง
“ไม่ต้องห่วง ข้ากินเองได้ เจ้านอนพักผ่อนไปก่อน”
ปากของหนูน้อยตอบรับมา “แอ้ๆ” ตนเองนอนเล่นอยู่บนเตียง ไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย เชื่อฟังยิ่งนัก
ฉู่จิงกั๋วกลับมากินอาหารบนโต๊ะต่อไป
ไก่ห่อใบบัวโดนจับจนเละอยู่บ้าง แต่ว่าชั้นนอกถูกลอกหนังไป จึงไม่มันและเนื้อขาว เหมาะกับระบบย่อยอาหารที่หิวมานานมากเป็นพิเศษ
กินเนื้ออกไก่นุ่มๆ ทีละคำลงไป ความรู้สึกหิวโหยมาหลายวันถือว่าได้รับการบรรเทา
และดื่มรังนกอุ่นๆ ลงไปอีกอึกหนึ่ง กระเพาะอาหารก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปอบอุ่น หน่วยชีวิตที่เล็กที่สุดในร่างกายกำลังค่อยๆ ฟื้นคืนชีพ ทั่วทั้งตัวเหมือนมีชีวิตกลับมาแล้ว
ขณะกินๆ อยู่ ทันใดนั้น——
“ตี๊ดๆ พลังกายเต็มเปี่ยม กระเป๋าปฐมพยาบาลเริ่มเปิดใช้งาน”
ในหัวสมองมีเสียงแจ้งของระบบการปฏิบัติงานอันเย็นชาลอยมากะทันหัน
ฉู่จิงกั๋วได้สติกลับมา ชั่วขณะนั้นแววตาเป็นประกาย นี่คือกระเป๋าปฐมพยาบาลของนาง
กระเป๋าปฐมพยาบาลเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าทุกอย่างบนโลกเอาไว้แล้ว และบีบอัดเป็นแผงวงจรรวมโดยผ่านวิทยาการขั้นสูง จากนั้นฝังลงในสมอง สามารถใช้จิตใจควบคุมได้
คิดไม่ถึงว่าทะลุมิติตามนางมาด้วยกัน
อุปกรณ์การผ่าคลอดของนางเมื่อเก้าวันก่อนหน้านี้ น่าจะออกมาจากในกระเป๋าปฐมพยาบาล
ในช่วงเวลานี้น่าจะเป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป ถึงอยู่ในสภาพหยุดนิ่งมาตลอด
ตอนนี้มีกระเป๋าปฐมพยาบาลแล้ว......
ริมฝีปากบางของฉู่จิงกั๋วค่อยๆ วาดรอยยิ้มอันพึงพอใจขึ้นมา
ดูแล้ว สมควรพิจารณาหน่อยว่าจะชำระแค้นกับพวกเขาอย่างไร
ตอนที่กำลังคิดอย่างนี้ ทันใดนั้นมีคนถีบประตูออกเสียงดัง “ปึง”
แม่นมเซี่ยฮัมเพลงเดินเข้ามา พูดอย่างอารมณ์ดียิ่งนัก
“เก็บศพได้แล้วเก็บศพได้แล้ว พระชายาอัปลักษณ์ตายสักที......ว๊าย!”
ยังไม่ทันพูดจบ นางเบิกดวงตาโตอย่างตกใจ
เหตุใดถึง......เหตุใดถึงเป็นแบบนี้
เดิมทีนางอยากมาเก็บศพของฉู่เซี่ย แต่ผ่านไปแล้วเก้าวันเก้าคืนเต็มๆ ฉู่เซี่ยกับเด็กน้อยคนนั้นยังไม่ตายได้อย่างไร?
มิหนำซ้ำเนื้อไก่นั้นเอามาจากที่ใดกัน?
ตอนที่แม่นมเซี่ยมองเห็นหน้าต่างด้านหลังเปิดอยู่ ก็เข้าใจในทันใดแล้ว
ฉู่เซี่ยต้องหนีออกไปขโมยของมากินจากหน้าต่างด้านหลังแน่
นางตำหนิด้วยความโมโห “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าทำเยี่ยงนี้! เจ้ามีสิทธิ์อะไรกินอาหาร? รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”
ตำหนิพลางก้าวใหญ่ๆ เข้ามา โบกมือไปบนโต๊ะอย่างดุร้าย
ในขณะนั้นไก่ห่อใบบัวบนโต๊ะกลิ้งตกลงพื้น เปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด
รังนกที่ดื่มไม่หมดก็กลิ้งตกพื้นเช่นกัน เสียงแตกดัง “เพล้ง”