บทที่ 2 ครั้งหน้าจะต้องฆ่าแก
เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกราวกับตัวเองเป็นใบไม้ที่ปลิวไสวท่ามกลางสายฝน ที่ไม่ว่าจะพยายามหยุดอย่างไรก็หยุดไม่ได้
ฟู่ลั่วเฉินอยู่บนตัวของเฟิงฉิ้นหว่าน หยาดเหงื่อไหลลงกระทบใบหูของเฟิงฉิ้นหว่าน
เฟิงฉิ้นหว่านตัวสั่นทั้งตัว แต่นางยังคงกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมเปล่งเสียงใดๆ ออกมา
ใบหูของนางขาวสะอาด บริเวณคอที่อยู่ใกล้ๆ ติ่งหูของนางมีไฝแดงเม็ดเล็กๆ ปรากฏอยู่
ราวกับกับมีมนต์สะกดบางอย่าง ฝู่ลั่วเฉินเอามือของเขาสัมผัสเบาๆ ไปที่ต้นคอของนางแล้วใช้นิ้วมือนวดคลำที่คอของนางอย่างนวยนาด
เฟิงฉิ้นหว่านได้สติกลับคืนมาทันที เมื่อนางลืมตาขึ้นในดวงตาปรากฏภาพที่ชัดเจนแจ่มชัด
นางไม่เสียใจ การได้มีชีวิตอยู่ต่อเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วนางจะเอาอะไรไปแก้แค้นศัตรูเล่า
เพียงแต่......
นางมองไปที่ใบหน้าอันแสนธรรมดาของชายคนนั้นแล้วยกมือขึ้นช้าเข้าใกล้คอของเขา ในมือของนางถือปิ่นปักผมเอาไว้แล้วแทงเข้าไปที่คอของเขา
ช่วงเวลาถัดมา ข้อมือของนางกลับถูกบีบเอาไว้แน่น
ฟู่ลั่วเฉินรู้สึกเจ็บที่คอจากการโดนแทง จึงหันไปมองปิ่นปักผมที่อยู่ในมือของนาง ก่อนจะหัวเราะหยันออกมาว่า “เพิ่งจะเป็นสามีภรรยากันได้คืนเดียว เจ้าก็คิดวางแผนจะฆ่าสามีของเจ้าแล้วหรือ”
ข้อมือของเฟิ่งฉิ้นหว่านถูกจับเอาไว้แน่น นางมองไปยังต้นคอของเขาจึงพบเพียงว่ามีรอยเลือดบางๆ ปรากฏอยู่ ตอนนั้นนางจึงรู้สึกหงุดหงิดใจ ทั้งๆ ที่นางคิดว่าลงมืออย่างระมัดระวังแล้ว ทำไมคนผู้นี้ถึงมีปฏิกิริยารวดเร็วเช่นนี้ได้ อีกนิดเดียวนางเกือบจะเอาปิ่นปักผมแทงเข้าไปได้อยู่แล้วเชียวเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ก็แค่ทำตามความต้องการของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ท่านจะคิดเป็นจริงจังด้วยหรือ” เมื่อเฟิงฉิ้นหว่านโจมตีไม่สำเร็จก็ดึงมือกลับไปแต่โดยดี แล้วนำปิ่นปักผมเสียบเข้าไปในศีรษะเช่นเดิม ก่อนจะกล่าวเสียงแข็งว่า “ข้าไร้เรี่ยวแรงจะสังหารท่าน เช่นนั้นขอร้องท่านว่าอย่าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปพูดกับผู้ใด”
ฟู่ลั่วเฉินคิดไม่ถึงว่า ผู้หญิงที่ดูสวยดึงดูดเมื่อครู่นี้ ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวจะวางตัวห่างเหิงเย็นชากับเขาเช่นนี้ “หากข้าไม่รับปากล่ะ”
“เช่นนั้นท่านต้องรับปากกับข้าว่า หลังจากนี้จะไม่ปรากฏให้ข้าเห็นหน้าอีก”
คราวนี้นางไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ทั้งนั้น แต่หากเจอกันครั้งหน้าอีก นางจะต้องเอาชีวิตเขาให้ได้!
เฟิงฉิ้นหว่านรีบนำเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย นางรู้สึกราวทั่วทั้งตัวของนางมีของหนักๆ บางอย่างกดทับเอาไว้ ขยับเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดสะท้านทรวง
ชุดชั้นในถูกฉีกขาด แถมบางจุดยังมีรอยเลือดจากการเสพสุขครั้งแรกของนางเปรอะเปื้อนเอาไว้ นางไม่แม้แต่จะเหลียวมองมันด้วยซ้ำ ได้แต่จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วสวมใส่มันกลับเข้าไป
แววตาของฟู่ลั่วเฉินสะท้านไหว เขาไม่รู้ว่าควรโกรธหรือรู้สึกอย่างไรดี นางไม่มีท่าทางจะหลบเลี่ยงเขาเลยแม้แต่น้อย นี่นางคิดว่าในที่นี้ไม่มีผู้ชายอย่างเขาอยู่ตรงนี้หรือไง
เฟิงฉิ้นหว่านหยิบเอาที่จุดไฟบนโต๊ะขึ้นมา เมื่อจุดไฟติดแล้วก็เอาไปจ่อที่มุ้ง
เมื่อไฟลุกโชน ควันก็ลอยโขมง
ฟู่ลั่วเฉินมองเฟิงฉิ้นหว่านที่มีสีหน้าเรียบเฉยมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ สุดท้ายจึงทนไม่ไหวกล่าวออกมาว่า “เจ้าชื่อแซ่อะไร”
“อีกเดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่แล้ว ท่านยังไม่ยอมไปอีกหรือ”
ริมฝีปากของฟู่ลั่วเฉินปรากฏรอยยิ้ม “เจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวได้อย่างไร”
เฟิงฉินหว่านทำสีหน้าเยาะเย้ย “หน้ากากบนหน้าท่านเลอะเสียแล้ว”
แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงยังไม่กล้าเปิดเผย จะเสแสร้งอยู่ทำไม
ฟู่ลั่วเฉินยกแขนเสื้อขึ้นมาบังใบหน้า กลิ่นอายรอบตัวของเขาปรากฏความเย็นยะเยือกออกมา
และในตอนนั้นเอง เกิดเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก ฟู่ลั่วเฉินขมวดคิ้ว เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วกระโดดออกจากหน้าต่างไป
เฟิงฉิ้นหว่านค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นจับโต๊ะเอาไว้แล้วพยายามประคองตัวเองเดินออกไปยังเรือนหลัก
เกาหวูยังคงหมดสติอยู่บนพื้น เฟิงฉิ้นหว่านอาศัยความทรงจำของตัวเองจนหาขวดยาที่หล่นอยู่ตรงมุมโต๊ะเจอ เมื่อเห็นน้ำเมากามารมณ์ยังเหลืออยู่ครึ่งขวด นางจึงเอายานั้นยกขึ้นกลอกเข้าปากของเขาไปทันที
ใช้วิธีการของเขาย้อนไปทำร้ายตัวเขาเอง ควรให้เขาได้ลิ้มรสดูบ้างว่ารสชาติของน้ำเมากามารมณ์มันเป็นอย่างไร
หลังจากป้อนยาให้เขาแล้ว นางก็เฝ้ามองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมออกมาแล้วเล็งไปที่ข้อมือของเกาหวู
แค่หมดสติไปยังช่วยให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่ถ้าเอ็นที่ข้อมือถูกตัดนั่นต่างหากที่จะทำให้เขาทำอะไรไม่ได้
นางต้องทำให้แน่ใจได้ว่าเกาหวูจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดจาเลอะเทอะ และเขียนถ่ายทอดเรื่องนี้ต่อไม่ได้ด้วย
เดี๋ยวนะ เฟิงฉิ้นหว่านขมวดคิ้วแน่น นางก้มหน้าลงไปเห็นสร้อยข้อมือของเกาหวู ตอนนั้นนางจึงนิ่งงันไปอย่างนั้น......
นาทีนั้น ประตูห้องถูกถีบเปิดออก
เสิ่นเยว่ที่มีเหงื่อท่วมหน้าวิ่งอย่างรีบร้อนเข้ามาในห้อง “เกาหวู ถ้าท่านกล้าแตะต้องเฟิงฉิ้นหว่านแม้แต่ปลายนิ้ว คนอย่างเสิ่นเยว่จะไม่ปล่อยท่านไปแน่......”
เฟิงฉิ้นหว่านชะงัก ก่อนจะรู้สึกร้อนผ่านขึ้นมาที่ดวงตาของตน
ดียิ่ง!
ใบหน้าของแม่เลี้ยงที่ปรากฏตรงหน้าของนางราวอยู่ในภาพวาด ดวงตาของนางไม่ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่เสียโฉมและทั่วร่างของนางยังไม่มีรอยเลือดแต่อย่างใด ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างปกติ......
เสิ่นเยว่บุกเข้ามาในห้อง จึงเห็นเกาหวูที่นอนหมดสติอยู่กับพื้นและเฟิงฉิ้นหว่านที่ปลอดภัยไร้เรื่องราว
นางขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะพยุงเฟิงฉิ้นหว่านให้ลุกขึ้น มือที่จับข้อมือของนางเอาไว้สั่นไหวเบาๆ “ฝีมือเจ้ารึ”
“ท่านแม่......”
เฟิ้งฉิ้นหว่านเอ่ยปากตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และแฝงไปด้วยความเป็นห่วงพร้อมความรู้สึกผิด เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้คนใจอ่อนได้แล้ว
เสิ่นเยว่กัดฟัน “เจ้าจำเอาไว้ แม่เป็นคนทำเขาเอง เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ รีบกลับไปซะ!”
เฟิงฉิ้นหว่านใจสั่นสะท้าน น้ำตาของนางเอ่อทะลักออกมา
ชาติที่แล้วนางยังไม่รู้ความจริง โดยเข้าใจว่าเฟิงหลิงเป็นพ่อแท้ๆ ของตน บวกกับคำยุแยงของแม่นม ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเสิ่นเยว่ และคิดว่าเสิ่นเยว่มาแย่งตำแหน่งแม่แท้ๆ ของนางไป และทำเรื่องราวที่ทำให้นางต้องเสียใจมากมาย
ภายหลังโดนคนจากจวนเฉิงเสี้ยงหาตัวพบ และบอกว่านางยังคงเป็นลูกสาวของเฉิงเสี้ยงคนปัจจุบันอยู่ ตอนนั้นนางถึงจะรู้ว่าเฟิงหลิงเป็นเพียงพ่อเลี้ยงของนาง บวกกับสถานการณ์ตอนนั้นที่ยากลำบาก นางจึงตามคนจากจวนเฉิงเสี้ยงไปอย่างไม่ลังเล โดยคิดว่าภายภาคหน้านางจะได้ไม่ต้องถูกคนมองด้วยสายตารังเกียจอีก
แต่เมื่อนางไปถึงจวนเฉิงเสี้ยงแล้ว นางถึงจะรู้ว่านรกบนดินมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร!