บทที่ 1 คุณหนูรองนิสัยไม่ดี
เสี่ยวจิ่วฮวากำมือแน่นพยายามระงับโทสะ เมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนนั้นนางเองก็เริ่มจะระเบิดโทสะอีกรอบ ฉินอี๋เหนียงนังสารเลวนั่นสลับตัวนางไป ให้นางใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก นางอยากจะใช้มีดแทงเข้าไปในหัวใจของสตรีนางนั้น ดูว่าจิตใจของฉินอี๋เหนียงทำด้วยอะไรกันแน่!!!
อย่าหวังว่าจะตายอย่างสงบสุข ข้าจะสาปแช่งเจ้าไม่ให้ได้ผุดได้เกิด แม้เจ้าตายเป็นผีข้าก็จะตามไปเอาคืนกับเจ้าให้สาสม!!!
สาวใช้ในเรือนต่างก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจา เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นอย่างนั้นก็โมโห เริ่มระบายโทสะอีกรอบ ก่อนจะก้มลงไปหยิบผ้าสีชมพูผืนนั้นขึ้นมา และเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที
เรือนใหญ่ตะกูลเสี่ยว
เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาเดินมาถึงก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากด้านในเรือนใหญ่ มันเป็นเสียงของท่านแม่และเสี่ยวเย่วหยา ที่กำลังสนทนากันอย่างอารมณ์ดีอยู่ภายในจวน
เสี่ยวเย่วหยานั้น เดิมที่เป็นบุตรสาวที่เกิดจากอดีตฮูหยินคนก่อน ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของนางแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลเฉิน นั้นก็คือมารดาของเสี่ยวเย่วหยา แต่ทว่าอดีตฮูหยินเพิ่งคลอดบุตรได้เพียงหนึ่งเดือนก็สิ้นใจตายเพราะร่างกายอ่อนแอ ท่านพ่อจึงแต่งงานใหม่กับแม่ของนาง นั่นก็คือฮูหยินใหญ่คนปัจจุบัน ท่านแม่ของนางเลี้ยงดูเสี่ยวเย่วหยาราวกับบุตรในอุทรของตน อีกทั้งเสี่ยวเย่วหยาก็มีสุขภาพที่ไม่สู้ดี อ่อนแอต้องได้รับการดูแลอย่างประคบประหงม เพราะป่วยหนักทำให้อายุล่วงเลยมาจนยี่สิบเอ็ดปีแล้วก็ยังไม่ได้ออกเรือน โชคดีที่ผิงเป่ยมีกฎหมายระบุชัดเจนว่าสตรีแคว้นผิงเป่ยที่อายุไม่เกินยี่สิบห้าปียังคงสามารถแต่งงานได้ ไม่ถือว่าช้าจนเกินไป ท่านแม่ของนางดูแลเสี่ยวเย่วหยาอย่างดีรักใคร่ยิ่งกว่านางเสียอีก
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาก็ส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเรือนใหญ่ด้วยใบหน้าที่ถมึงถึง
เสี่ยวฮูหยินที่ได้ยินเสียงฝีเท้าตึงตังเดินเข้ามาในเรือนจึงหันมามอง เมื่อพบว่าเป็นเสี่ยวจิ่วฮวานางก็เอ่ยขึ้นมาทันที
"อาจิ่ว เจ้าเดินให้เบาฝีเท้าหน่อยเถิด เป็นเช่นนี้เกิดผู้ใดพบเห็นจะว่าเจ้าไร้มรรยาทเอาได้"
เสี่ยวจิ่วฮวาไม่สนใจคำเตือนของผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปหาเสี่ยวเย่วหยา ก่อนจะเขวี้ยงผ้าผืนนั้นใส่หน้าของเสี่ยวเย่วหยาอย่างเต็มแรง เสี่ยวฮูหยินที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบเอ่ยปรามทันที
"อาจิ่ว เจ้าทำสิ่งใดลงไป!! ทำเช่นนี้กับพี่สาวของเจ้าได้อย่างไรกัน"
เสี่ยวเย่วหยาตัวสั่นเทิ้ม แต่ไหนแต่ไรมานางก็ไม่เก่งกาจเรื่องสู้รบตบมือกับผู้ใด เป็นเพียงสตรีที่บอบบาง งดงามสมกับเป็นกุลสตรีในเมืองหลวง ช่างแตกต่างจากเสี่ยวจิ่วฮวาราวฟ้ากับเหว
เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นว่าแม่ของตนเองปกป้องเสี่ยวเย่วหยาก็โมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
"ท่านแม่!! ใครกันแน่ที่เป็นบุตรสาวของท่าน ข้าต่างหากเล่าที่เป็นบุตรสาวที่แท้จริง นางเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเก่าของท่านพ่อ แต่ท่านแม่กลับรักนางมากกว่าข้า สิ่งใดที่ดีท่านแม่ก็ประเคนให้นางไปเสียหมด แล้วข้าเล่า ข้าเป็นลูกแท้ๆของท่าน เป็นเลือดในอกของท่าน ท่านทำไมไม่รักข้า ท่านเป็นแม่ประสาอะไร!!!!"
เพียะ!!!
เสี่ยวจิ่วฮวาพูดจบก็ถูกผู้เป็นแม่ตบเข้าที่ใบหน้าไปฉาดใหญ่ เสี่ยวจิ่วฮวาตกตะลึงก่อนจะค่อยๆหันมามองแม่ของตนเองด้วยแววตาที่แดงก่ำ เสี่ยวฮูหยินเองก็ตกใจไม่แพ้กัน นางคิดจะเดินเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวา แต่เสี่ยวจิ่วฮวากลับก้าวถอยหลังขยับหนี
"อาจิ่ว คือแม่..."
"ท่านแม่ลำเอียง รักลูกคนอื่นมากกว่าลูกของตนเอง!!!!"
"ไม่ใช่!!! เจ้าฟังแม่นะ เจ้าอยู่ข้างกายนังอนุฉินนานเกินไป จนนางสั่งสอนเจ้าให้กลายเป็นคนใจคอคับแคบขนาดนี้ ไม่รักพี่ไม่รักน้อง ไม่เคารพผู้ใหญ่ ทำตัววางอำนาจ อาจิ่ว เจ้าเชื่อแม่เถอะนะ เจ้าปรับปรุงตัวเถอะ หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้สักวันต้องพบจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่!!!”
"ข้าจะพบจุดจบเช่นไรไม่จำเป็นต้องให้ท่านมาสั่งมาสอน!!! ไปสอนนั่งเย่วหยาลูกสาวคนโปรดของท่านเถอะ ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับข้า!!!"
"อาจิ่ว!!! เจ้ากลับมานะ อาจิ่ว!!!!"
เสี่ยวฮูหยินร่างกายโงนเงนจวนจะเป็นลม เสี่ยวเย่วหยารีบเข้ามาประคองมารดาเอาไว้ แม้เสี่ยวฮูหยินจะไม่ใช่มารดาที่แท้จริงของนาง แต่นางก็รักเสี่ยวฮูหยินเหมือนกับแม่แท้ๆเพราะเสี่ยวฮูหยินดีกับนางเป็นอย่างมาก
"ท่านแม่ ระวังเจ้าค่ะ อย่าโมโหเลย ข้าจะเอาผ้าผืนนั้นไปให้น้องรองเองเจ้าค่ะ"
"ได้ยังไงกัน ฮึก อาจิ่วเกินจะสั่งสอนแล้ว เพราะนังสารเลวฉินอี๋เหนียงนั่นคนเดียว เวรกรรมแท้ๆ ฮือ"
เสี่ยวฮูหยินร้องไห้จนหมดสติไป เสี่ยวเย่วหยาตกใจไม่น้อยรีบให้คนไปตามท่านหมอมาทันที
เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวากลับมาที่เรือนได้ไม่นาน ก็พบว่าสาวใช้ของเสี่ยวเย่วหยานำผ้าผืนนั้นมามอบให้นาง เสี่ยวจิ่วฮวายกยิ้มมุมปาก รู้สึกเหมือนว่าตนเองเหนือกว่าเสี่ยวเย่วหยายิ่งนัก
เวลาล่วงเลยมาจนวันที่ท่านพ่อและพี่ใหญ่กลับจกสนามรบพร้อมกับชัยชนะ ตระกูลเสี่ยวได้ของรางวัลพระราชทานจากฮ่องเต้มาไม่น้อยเลย แต่ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่เสี่ยวจิ่วฮวามักจะเลือกของดีดีไปก่อน ของที่ไม่ดีมักจะโยนไปให้กับเสี่ยวเย่วหยาพี่สาวของตน เสี่ยวเย่วหยาเองก็ไม่มีปากมีเสียง ทำได้เพียงก้มหน้ารับ หากว่ากันตามจริงแล้วนางไม่ควรมีปัญหากับเสี่ยวจิ่วฮวา เพราะนางก็ไม่ใช่บุตรสาวที่แท้จริงของเสี่ยวฮูหยิน การแต่งงานที่ดียังต้องพึ่งพาท่านแม่ นางจึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำ มีเวลาก็เย็บปักอ่านตำราไปเสีย
ท่านพ่อและพี่ใหญ่รู้ว่านางได้รับความลำบากจากการเลี้ยงดูของอนุฉินมาไม่น้อย ก็ต้องการชดเชยให้กับนาง ของดีดีล้วนส่งมาที่เรือนของนางมากมาย เสี่ยวจิ่วฮวามีความสุขยิ่งนัก
หนึ่งปีต่อมาท่านแม่คิดจะหาคู่ครองดีดีให้กับเสี่ยวเย่วหยา แต่เสี่ยวจิ่วฮวาที่มีใจริษยาก็หาทางกลั้นแกล้งพี่สาวจนป่วยหนักมากกว่าเดิม ทำให้พลาดการแต่งงานที่ดีครั้งนี้ไป เสี่ยวจิ่วฮวาคิดเพียงว่าในเมื่อนางไม่ได้สิ่งดีดี เสี่ยวเย่วหยาก็อย่าหวังว่าจะได้ นี่คือการสั่งสอนที่บังอาจมาแย่งความรักของท่านแม่ไปจากนาง!!
หลังจากนั้นไม่นานในวังมีก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าพระชายารองขององค์รัชทายาททรงสิ้นพระชนม์ ต่างเล่าลือกันว่าเพราะป่วยหนักร่างกายไม่อาจทานทนได้อีกต่อไปจึงสิ้นพระชนม์กระทันหัน เรื่องนี้สร้างความตื่นตระหนกไม่น้อย ทางตระกูลของพระชายารองนั้นคือตระกูลหยาง เมื่อทราบว่าบุตรสาวตายจากไปก็เสียใจเป็นอย่างยิ่งไม่นานก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นและไม่กลับมาเมืองหลวงอีก ในวังประกาศว่าจะรับพระชายารองคนใหม่ เสี่ยวจิ่วฮวายกยิ้มมุมปาก พระชายารองคนเก่าตายไปแล้ว คราวนี้ก็คงจะถึงเวลาคัดเลือกพระชายารองคนใหม่แล้ว ครั้งนี้นางจะต้องได้เข้าไปคัดเลือกเนื่องจากเสี่ยวเย่วหยาไม่อาจเข้าวังคัดเลือกได้ เพราะมีข่าวลือว่านางล้มป่วยร่างกายไม่ดี วังหลวงย่อมไม่คัดเลือกสตรีขี้โรคเข้าไปเป็นพระชายารองเป็นแน่ หากนางทำสำเร็จความสุขสบายจะรอนางอยู่ นางจะใช้มารยาทุกอย่างที่มีทำให้องค์รัชทายาทโปรดปราณ นางมีใบหน้าที่งดงาม บุรุษล้วนหลงใหลนาง ไม่แน่ว่าเมื่อเข้าตำหนักบูรพาไปแล้ว อาจจะถีบหัวส่งพระชาเอกให้พ้นทางได้ และนางเองก็จะขึ้นเป็นพระชายาเอกองค์ใหม่ เป็นว่าที่ฮองเฮามารดาของแผ่นดิน
เสี่ยวจิ่วฮวาวาดความฝันเอาไว้เสียงดงาม โดยไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้านางจะได้พบกับสิ่งใด!
หนึ่งเดืิอนต่อมาฮ่องเต้ทรงประชวร การคัดเลือกพระชายารองถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ไม่นานนักฮ่องเต้ก็ทรงสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์แทน ในวังจึงมีการเลือกพระสนมใหม่เข้าวัง แต่ทว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กลับละทิ้งธรรมเนียมปฏิบัติเดิม สั่งให้บุตรสาวขุนนางทุกจวนเข้าวังมาร่วมคัดเลือกไม่สนว่าจะเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาหรืออนุเลยแม้แต่น้อย และครั้งนี้ฮ่องเต้จะทรงเสด็จมาเลือกด้วยองค์เอง
เมื่อไม่อาจขัดราชโองการได้ ขุนนางที่มีบุตรสาวจึงจำต้องส่งบุตรสาวตนเองเข้าวังมาคัดเลือกไม่เว้นแม้แต่เสี่ยวจิ่วฮวาและเสี่ยวเย่วหยาที่ร่างกายเพิ่งจะหายดี
ครั้งนี้เพราะท่านแม่ปกป้องเสี่ยวเย่วหยาเป็นอย่างดีทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาลงมือไม่ได้ จำต้องเข้าวังไปทั้งสอง
และครั้งนี้สองพี่น้องได้รับเลือกเขาวังทั้งคู่ ทั้งเสี่ยวเย่วหยาและเสี่ยวจิ่วฮวาได้เป็นพระสนมขั้นผิน เดิมทีเสี่ยวจิ่วฮวาคิดว่าจะได้เสพสมกับอำนาจ ประจบเอาใจฮ่องเต้เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่นางวาดหวังเอาไว้
ทุกๆสองวัน นางจะได้ยินข่าวจากนางกำนัลว่า พระสนมที่เข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาทล้วนกลายเป็นศพกลับมา นางสนมบางคนที่ถูกหามออกมาแม้ไม่ตายแต่เจ็บปางตายก็มีไม่น้อย!!
เสี่ยวจิ่วฮวาเย็นสันหลังวาบ รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ แต่นางก็ยังคิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็เป็นได้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีกงกงจากตำหนักมังกรสวรรค์มาบอกนางว่าวันนี้ฝ่าบาททรงเปิดป้ายและมีชื่อของนาง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเสี่ยวจิ่วฮวาจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ!!!
เมื่อกงกงกลับไปแล้ว เสี่ยวเย่วหยาก็มาพบกับเสี่ยวจิ่วฮวาที่ตำหนัก เมื่อเห็นพี่สาวเสี่ยวจิ่วฮวาก็ปรายตามองอย่างไม่เป็นมิตร เสี่ยวเย่วหยาเองก็เคยชินชากับท่าทีเช่นนี้ของน้องสาวมานานแล้วจึงไม่ได้ติดใจสิ่งใด นางนั่งลง ก่อนจะวางของลงตรงหน้าของเสี่ยวจิ่วฮวา
"ท่านแม่นำมาให้เจ้ากับข้า เป็นของกินของใช้ที่เจ้ากับข้าชอบก่อนเข้าวังหลวง เจ้ารับไปสิ"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ท่านแม่นะท่านแม่ ตั้งแต่นางเข้าวังมาไม่เคยถามไถ่ แต่กลับติดต่อกับเสี่ยวเย่วหยาอยู่เสมอ!!!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาจึงปัดของบนโต๊ะลงจนหมด ก่อนจะเอ่ย
"เจ้านำของพวกนี้มาเยาะเย้ยข้าหรือ? เยาะเย้ยที่ท่านแม่รักเจ้ามากกว่าข้า!!!"
"ไม่ใช่นะ!!! โอ๊ย อาจิ่ว"
เสี่ยวจิ่วฮวาผลักเสี่ยวเย่วหยาจนล้มลงไปบนพื้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาหมายจะตบซ้ำ แต่นางกลับชะงักเมื่อได้เห็นร่องรอยบางอย่างที่ลำคอและแขนของเสี่ยวเย่วหยา
คล้ายว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่ได้เห็นหน้าพี่สาวที่น่ารำคาญมาสักระยะหนึ่ง เพิ่งจะได้พบเจอก็วันนี้
เสี่ยวเย่วหยารีบลนลานลุกขึ้น เสี่ยวจิ่วฮวาขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ย
"เจ้าไปโดนสิ่งใดมา?"
"คือว่า..เอ่อ!!!"
“น่ารำคาญ อ้ำอึ้งอยู่ได้!!!”
เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นว่าเสี่ยวเย่วหยาทำท่าทางอึกๆอักๆก็เกิดรำคาญจึงตวาดใส่อย่างเหลืออด จนกระทั่งมีนางกำนัลเดินเข้ามาหานาง
"พระสนมเพคะ รีบแต่งองค์เถิดเพคะ อีกเดี๋ยวจะต้องไปปรนนิบัติฝ่าบาทแล้ว"
เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันมาเอ่ยถามเสี่ยวจิ่วฮวาทันที
"ฝ่าบาททรงเรียกเจ้าไปปรนนิบัติแล้วหรือ!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาปรายตามองพี่สาว ก่อนจะเอ่ย
"ทำไมหรือ อิจฉาข้าหรือ หรือว่าเจ้าเองก็ยังไม่ถูกเรียกไปปรนนิบัติ เลยเกิดริษยาข้าขึ้นมา"
"ไม่ใช่นะ!! น้องรอง เจ้าแกล้งบอกว่าป่วยเถิด หรือบอกว่าไม่สบายก็ได้ อย่าไปเลยนะ คือว่า... มันน่ากลัวมาก"
เสี่ยวเย่วหยาจับมือของเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้ พร้อมกับมองซ้ายขวาพยายามจะบอกเรื่องที่ตนพบเจอมาให้น้องสาวฟัง แต่เสี่ยวจิ่วฮวากลับปัดมือพี่สาวออก ก่อนจะเอ่ย
"เจ้านี่แย่งท่านแม่ไปจากข้าไม่พอ ยังจะแย่งความโปรดปราณของฝ่าบาทไปจากข้าอีก ไสหัวไปออกไปจากตำหนักของข้าเสีย!!"
"น้องรองเจ้าเชื่อข้าสักครั้งเถอะ"
"พาตัวนางออกไป!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาคร้านจะสนใจอีก เมื่อเสี่ยวเย่วหยาจากไปแล้ว นางก็ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ในขณะที่นั่งอยู่ด้านหน้ากระจกสัมฤทธิ์บานใหญ่ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ฝ่าบาทผลัดเปลี่ยนเรียกนางสนมเข้าปรนนิบัติทุกๆสองวัน เดิมทีนางรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ถูกเรียกเข้าเฝ้า วันนี้ได้ถูกเรียกเข้าไปปรนนิบัติแล้วแต่เสี่ยวจิ่วฮวากลับไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่นอย
ไม่นานนักก็มีกงกงมาที่ตำหนัก เสี่ยวจิ่วฮวานั่งเกี้ยวอ่อนมุ่งหน้าไปยังตำหนักมังกรสวรรค์เพื่อปรนนิบัติฮ่องเต้
และคืนนั้นนางก็ได้พบกับความน่ากลัวที่ไม่เคยพบมาก่อน ฝ่าบาทที่รูปงามจิตใจโอบอ้อมอารี แท้จริงเหมือนกับปีศาจในร่างคน เขาหลับนอนกับนางสนมอย่างทารุณ ทำราวกับสตรีไม่ใช่คน เสียงหวีดร้องของเสี่ยวจิ่วฮวาดังลอดออกมาจากตำหนักบรรทมตลอดทั้งคืนแต่กลับไม่มีใครหน้าไหนเข้าไปช่วยได้เลยสักคน จนรุ่งสางจึงมีคนมาหามนางกลับตำหนักไปด้วยสภาพที่น่าเวทนาไม่น้อย
โชคดีที่เสี่ยวจิ่วฮวาไม่ตาย แต่นางก็ปางตายเช่นกัน เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเสี่ยวเย่วหยาที่นั่งอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นเช่นนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาก็คิดจะอ้าปากถามว่าร่องรอยนั้นบนตัวของเสี่ยวเย่วหยาคือฝีมือของฝ่าบาทใช่หรือไม่
แต่นางกลับพูดไม่ได้ เพราะถูกฮ่องเต้บีบคอเมื่อคืน จนลำคอได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่อาจเปล่งเสียงได้
เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเสี่ยวจิ่วฮวาก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ร่างกายของนางสั่นเทิ้มใบหน้าสวยหวานซีดเผือดไปหมด
เสี่ยวเย่วหยาถอนหายใจออกมา นางรู้ดีว่าเสี่ยวจิ่วฮวาพบเจอกับสิ่งใดมาเมื่อคืนนี้
เพราะนางเองก็พบเจอมันมาแล้ว แต่นับว่านางโชคดีกว่ากระมังที่ไม่ถูกกระทำรุนแรงเช่นนี้เพราะนางเป็นลมไปเสียก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองกลับมานอนที่ตำหนักของตนแล้ว อีกทั้งยังมีกงกงมาบอกอีกว่านางไม่สามารถปรนนิบัติฝ่าบาทให้พอพระทัยได้ ต่อไปให้เจียมตัวอย่างสร้างเรื่อง แล้วยังถูกลดเบี้ยหวัด ปลดตำแหน่งนางจากผินเป็นเพียงกุ้ยเหรินเท่านั้น!!!
โชคดีหรือ นี่นับว่าเป็นโชคดีอย่างนั้นหรือ?