ตอนที่ 4.2 ไม่มีทาง
ตอนที่ 4.2
ไม่มีทาง
"ไม่ ไม่มีทาง ...ฉันจะหาทางหาเงินมาใช้หนี้คุณเอง" ของขวัญไม่มีทางทำอย่างที่เขาบอกแน่นอน อย่างเธอก็เรียนจบแล้วยังไงซะเธอก็จะลองทำงานหนักกว่าเดินต่อให้จะเหนื่อยแค่ไหนเธอก็จะหามาให้เขาให้ได้ดีกว่ายอดให้เขามาพูดจาเหยียดหยามศักดิ์ศรีผู้หญิงด้วยการเสนอให้ชดใช้หนี้แบบนี้
"เธอจะไปหามาจากไหนตั้งสิบล้านภายในเดือนเดียว เหอะ ...อย่าฝืนเลยสาวน้อย" คนตัวโตพูดอย่างเหนือกว่า
"ฉันขอทยอยจ่ายได้ไหมขอร้อง"
ของขวัญเริ่มฉุดคิดได้แล้วว่าเงินสิบล้านภายในเดือนเดียวมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อีกอย่างต่อให้เธอเรียนจบหางานดีๆ ทำได้ ลำพังเงินเดือนเด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์ก็ใช่ว่าจะมากมายขนาดใช้จ่ายได้ทัน
"สิบล้าน ...ฉันต้องการจำนวนเต็ม" คำพูดเด็ดขาดจากปากของคนเอาแต่ใจ
"รีบอาบน้ำซะ ฉันจะให้คนไปส่งเธอกลับบ้าน หวังว่าสิ้นเดือนนี้เธอจะกลับมาพร้อมเงินสิบล้านนะ"
"เสื้อผ้าอยู่ในตู้ใส่ได้เลย คนของฉันเอามาให้แล้ว"
แกร่กก ...ปังง!!
พูดจบก็เดินออกไปจากห้องนอนทิ้งไว้เหลือเพียงแค่ร่างบางที่ตอนนี้นั่งอยู่ปลายเตียงมีแต่คำถามในหัวเต็มไปหมด
@บ้านของขวัญ
บรื้นน....
ครึกกก!
"ถึงแล้วครับคุณ" ชายชุดสูทสีดำที่นั่งตำแหน่งคนขับรถเอ่ยบอกร่างบางใบสวยหวานราวกับกับตุ๊กตาอยู่หลังรถ เมื่อถึงจุดหมายแล้ว
"เอ่อ ...ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง" ของขวัญกล่าวขอบคุณชายแปลกหน้าทั้งสองที่มาส่งตน แม้จะรู้ว่าเป็นคำสั่งของเจ้านายคนนั้นที่เธอรู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรก
"ไม่เป็นครับ"
.
.
.
ภายในบ้านไม้สองชั้นทรงเก่า มีหญิงวัยกลางคนที่นั่งด้วยสีหน้าดูกังวลใจเหมือนรอใครอยู่
"แม่คะ"
"กลับมาแล้วเหรอยัยฝัน ลูกหายไปไหนมา? ทำไมแม่ติดต่อลูกไม่ได้ ห้ะ? โทรหาเจษกับน้ำหวานก็บอกว่าติดต่อลูกไม่ได้เหมือนกัน แล้วเมื่อคืนลูกไปกับใครมาทำไมสองคนนั่นบอกว่ามีคนเดินมาบอกว่าลูกจะกลับบ้านเอง? "
ผู้เป็นแม่ถามยาวเหยียดด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะได้รับอันตราย เพราะปกติลูกสาวของเธอแทบจะไม่เคยไปนอนค้างไหน โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่บ้านน้ำหวาน แล้วลูกสาวเธอจะนอนค้างอ้างแรมที่ไหนได้
"คือแม่คะ ฝันมีเรื่องอยากจะถามแม่ค่ะ"
"หืม? เรื่องอะไรหรอลูก" สายใจถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง
ของขวัญเริ่มเล่าเรื่องเมื่อคืนให้คนเป็นแม่ฟังอย่างไม่ปิดบังทั้งหมด เธอคิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ควรจะช่วยกันคิดหาทางออก และเธอยังอยากจะรู้จากสายใจด้วยว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง ทำไมแม่ของเขาถึงไปกู้ยืมเงินใครก็ไม่รู้มากมายขนาดนั้น
ซักไซ้กันไปมา จนได้รู้ความจริงออกจากปากแม่ของเธอว่า จริงๆ แล้วสายใจไม่ได้ไปกู้จากธนาคารมาซื้อบ้านหลังนี้ แต่กลับไปกู้เงินกับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่งแทน เพราะเห็นว่าจะให้กู้ในทันที
เนื่องจากตนเองก็ไม่ได้มีเงินประจำเป็นหลักประกันที่จะสามารถกู้เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นได้
4 ล้านแรกก็กู้มาซื้อบ้านหลังนี้ อีกทั้งก็เอามาใช้จ่ายและเก็บไว้ให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น หนำซ้ำยังต้องกู้เพิ่มอีก 5 ล้านเพื่อมาไล่ปิดหนี้ของสามีตั้งแต่เขายังมีชีวิตอยู่
และอีก 1 ล้านล่าสุดนี้ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วอาการป่วยของเธอเริ่มจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีเป็นคนไม่เข้าโรงพยาบาลเท่าไหร่อาศัยกินยาซื้อมาทานตามอาการ ก่อนจะเริ่มเห็นอาการผิดปกติของตนเองจึงตัดสินใจพบแพทย์ และจึงทราบว่าตนเองมีเนื้องอกร้ายในสมองระยะเริ่มต้น เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจกู้เงินอีกครั้งและหวังว่าหลังการผ่านตัดเสร็จสิ้นลงเธอจะกลับมาทำงานและอยู่ดูแลลูกสาวได้ตามปกติ