5.ยิ่งกว่าผ่านด่านเคราะห์
ซูเหยาอึ้งทั้งการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย นางไปทำอันใดให้เขาโกรธนักหนา ถึงได้ทำร้ายกันถึงเพียงนี้ ตนก็แค่ขออาศัยรถออกนอกเมืองเท่านั้น เขาแค่ไล่ลงจากรถก็พอแล้ว
ร่างเล็กค่อย ๆ ทรุดเอียงลงกับพื้น มองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งมันยังคงเรียบเฉยไร้แววเมตตาเช่นเคย ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง
“หยุดรถ!” ตะโกนบอกคนของตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก
“ไป่สือเอานางไปทิ้ง” เปิดม่านออกมาสั่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย คนสนิทรีบตรงขึ้นรถม้าทันที พร้อมกับท่าทางตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าจะมีคนแอบขึ้นมาบนนี้ได้ ผู้เป็นนายก็นั่งนิ่ง มองร่างตรงหน้าอย่างไม่ไยดีเลยสักนิด
“เอ่อ…ขออภัยขอรับนายท่าน” กล่าวแล้วก็รีบลากร่างที่หมดสติลงจากรถม้า ก่อนจะแบกไปทิ้งข้างทาง
โดยมีสายตาของเหล่าสหายมองตามด้วยความฉงน
“มาได้เยี่ยงไร เจ้าไม่ได้ตรวจรถม้าก่อนหรือ” ฉางเล่อหันมาถามสหายที่บังคับม้าอยู่ข้างกัน อีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหัว
พวกเขาไม่อาจหาคำตอบได้ จะถามผู้เป็นนายก็คงต้องถูกลงโทษเป็นแน่ เพราะพวกเขาไม่ตรวจตราให้รอบคอบนั่นเอง
ขบวนเดินทางเคลื่อนออกไปแล้ว ผู้ที่แกล้งตายจึงได้เปิดเปลือกตาขึ้น ขยับร่างกายนั่งพิงต้นไผ่มองกลุ่มคนกำลังจากไป
“ดีที่กระเป๋ายังบังเอาไว้บ้าง ไม่งั้นเราคงได้ตายจริง ๆ แน่ บนโลกใบนี้มีผู้ชายดีดีเหลือบ้างไหมนะ ทำไมพวกเขาถึงได้โหดร้ายกันนัก ไม่เห็นเหมือนในซีรี่ย์เลย” บ่นพึมพำออกมา
ก่อนจะก้มมองมีดที่มันยังปักคาอยู่ ดีที่มันแฉลบออกมาทางซ้ายและคาย่ามสะพาย จึงถูกแค่ตรงปลายของคมมีดเท่านั้น ดีที่หัวไวจึงรีบทิ้งตัวตะแคงทับมันไว้เพื่อกลบเกลื่อนเสียเลย แม้จะมีเลือดไหลออกมา ทว่านางก็ต้องอดทนเพื่อเอาชีวิตรอด
“เกิดใหม่เพื่อมาชดใช้กรรมหรือไงนะ ชาติก่อนก็โดนแทง ชาตินี้ยังเกือบตายเพราะมีดอีก” พึมพำกับตนเอง ก่อนจะดึงเอาสิ่งที่คาอยู่ออกจากร่างกาย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงมันจะไม่ลึก แต่ก็สร้างความเจ็บปวดได้มากเหมือนกัน
“ดีที่มียาห้ามเลือดอยู่ในย่ามด้วย คงไม่แตกไปแล้วนะ” รีบล้วงดูในถุงย่ามของตน ยามนี้ร่างกายซูเหยาเริ่มจะจับไข้ขึ้นมาอีกแล้ว จึงต้องรีบกินยาดักเอาไว้ด้วย
แขนเสื้อด้านนอกถูกฉีกออกเพื่อใช้มันมัดปิดบาดแผลของตนไว้ หลังจากที่พยายามเย็บห้ามเลือด และไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดจนเกินไป ดีที่ย่ามสะพายมีอุปกรณ์ครบ
“แย่ล่ะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ตำบลซินไห่ไปทางไหนนะ” ร่างกายก็แทบจะไม่ไหว ทว่าซูเหยาก็ยังต้องแบกสังขานตนกลับไปดูคนในครอบครัว ก่อนที่ร่างพวกเขาจะถูกฝัง
ซูเหยาเริ่มออกเดินโซเซไปตรงกันข้ามกับทิศทางของตะวัน หลังจากนั่งรออยู่พักใหญ่ เพื่อดูว่ายามนี้มันใกล้เที่ยงหรือบ่ายกันแน่ พอเห็นการเคลื่อนตัวของตะวัน จึงรู้ได้ว่ามันบ่ายแล้ว
เสียงพูดคุยจากทางด้านหลังเริ่มดังมาเรื่อย ๆ ทำให้สองเท้าของนางต้องหยุดลง ก่อนจะเดินไปหลบข้างทาง
“นี่เจ้าจะไปที่ใดกัน ไม่เห็นหรือว่ามันมืดค่ำแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ผู้ที่ยืนหลบอยู่ข้างต้นไม้ต้องโผล่หัวออกมา
“ตำบลซินไห่เจ้าค่ะ” ตอบกลับสตรีนางหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นสาวใช้ของผู้ที่อยู่ในรถม้า หน้าตาก็ดูเหมือนจะคุ้น ๆ อย่างไรไม่รู้
“พานางไปด้วยเถอะ เราเองก็จะไปที่นั่นเช่นกัน” คนด้านในเอ่ยบอก พร้อมกับเปิดม่านออกมาดูเล็กน้อย ก่อนจะปิดลงเมื่อเห็นว่าสตรีที่ตนชักชวนให้ไปด้วยดูน่าสงสารเหลือเกิน
“ให้นางขึ้นมานั่งข้างคนบังคับ ซวงเอ๋อ เจ้าเข้ามานั่งกับข้า” เสียงออกคำสั่งดังขึ้น และทุกคนก็ทำตาม โดยเฉพาะคนที่กำลังบาดเจ็บในยามนี้ มีรถม้าให้นั่งมันก็ดีกว่าเดินแหละ
“นี่ขนมกินรองท้องเถอะ เจ้าคงยังไม่ได้กินอันใดล่ะสิ” มือขาวยื่นจานออกมาจากด้านใน ส่งให้สตรีตัวน้อยด้วยความสงสาร ดูจากสภาพคงอดอยากมาหลายวันแล้วกระมัง อาภรณ์ก็ดูมอมแมมมากเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังมีรอยเลือดที่ท้องอีก
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ” รับมาแล้วก็รีบกล่าว ก่อนจะหยิบขนมใส่ปากด้วยท่าทางเหมือนพวกขอทานที่อดอยาก เกรงแต่ผู้อื่นจะแย่งอาหารของตนไป
“ช้า ๆ ประเดี๋ยวก็ติดคอตาย” เสียงทุ้มของผู้บังคับม้าเตือน เมื่อเห็นนางกินอย่างมูมมาม หากเขาไม่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน ก็คงรังเกียจนางไม่ต่างจากคนอื่นเป็นแน่
เขายื่นกระบอกน้ำให้ เพราะเกรงขนมจะติดคอตายเสีย
“ขอบคุณพี่ชาย” เอ่ยโดยที่ปากนั้นก็ยังมีของกิน
อีกฝ่ายจึงได้แต่ส่ายหัว หวนนึกไปถึงอดีตของตนที่ผ่านมานานกว่าสิบสองปี เป็นช่วงที่สงครามสิ้นสุดลง ซึ่งมันมาพร้อมกับความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ บิดามารดาตายเพราะคมดาบของศัตรู ทำให้เขากลายเป็นกำพร้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทว่ายามนี้เขามีชีวิตใหม่ที่ดีแล้ว คอยอารักขาผู้เป็นนาย ซึ่งเป็นฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพ นั่นก็คือสตรีวัยสี่สิบสี่ที่นั่งในรถม้านี่แหละ ตั้งแต่ท่านแม่ทัพพาเขากลับมาจากชายแดนเพื่อเลี้ยงดู เสิ่นหลางก็อุทิศตนรับใช้ครอบครัวนี้มาตลอด
ทว่าท่านแม่ทัพได้สิ้นใจไปแล้วเมื่อสองปีก่อน แต่เขาก็ยังอยู่ปกป้องนายหญิงของจวนต่อไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เพราะรักและเคารพอีกฝ่ายดั่งมารดาแท้ ๆ
“เจ้าจะไปตำบลซินไห่เพื่อการใด ดูจากสภาพไม่น่าจะมีคนรู้จักที่นั่นเลยนะ” เมื่อเห็นนางกินเสร็จเขาก็เริ่มชวนคุย
ซึ่งมันทำให้คนที่ตั้งท่าจะตอบในคราแรกเงียบไปทันที ดวงตาสวยเริ่มหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษหากคำถามของข้ามันทำให้เจ้าเป็นทุกข์”
“บนแผ่นดินนี้จะมีสิ่งใดทำให้ข้าเป็นทุกข์ได้อีก” หยันตนเอง ในใจก็นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่รู้จักกับหลินคุน
ถูกคนรักหักหลังยังไม่พอ บิดามารดาก็ยังมาตายลงอีก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังถูกคนแปลกหน้าแทงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
โชคดีก็แค่มีคนใจบุญให้ติดรถม้าด้วยนี่แหละ ทว่านางก็ยังไม่เชื่อใจ เพราะไม่รู้พวกเขาเป็นใครกันแน่ ขนาดคนที่คบกันมาตั้งครึ่งปียังหลอกลวงได้ หวังว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้หลอกนางไปขายหรอกนะ เพราะคนข้างในน้ำเสียงดูอ่อนโยนมาก
“เจ้าคงไม่ใช่คนร้ายหรือพวกลักเล็กขโมยน้อยหรอกนะ” มือขาวเปิดม่านออกมาไต่ถาม พร้อมกับมองด้วยสายตาเหยียด ซวงเอ๋อไม่ชอบใจตั้งแต่ผู้เป็นนายให้นางขึ้นรถม้ามาด้วยแล้ว สภาพดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อนน่ารังเกียจที่สุด
“เปล่าเจ้าค่ะ” แม้จะหงุดหงิดกับคำถามที่ได้ยิน ทว่ายามนี้ซูเหยาไม่ควรสร้างศัตรูเพิ่ม ไม่เช่นนั้นอาจทำให้คนในรถม้าหนักใจ เขาอุตส่าห์ให้ติดมาด้วย ไม่ควรต้องสร้างเรื่อง
จากนั้นก็ไม่มีการพูดคุยอันใดอีก จนกระทั่งถึงทางเข้าตำบล
ภาพบ้านเรือนที่แสนคุ้นกำลังปรากฏในแววตาคู่สวย ซึ่งมันเคยเปล่งประกายอย่างมาก ทว่ายามนี้ความสดใสที่เคยมีมันเหือดหายไปหมดแล้ว ต่างจากสองวันก่อนซึ่งมันยังเต็มไปด้วยความสุข ไม่ได้แฝงความทุกข์ให้เห็นเช่นนี้
“ขอบคุณนายหญิง ข้าน้อยขอลงตรงนี้เจ้าค่ะ” เอ่ยกับคนด้านในอย่างนอบน้อม รถม้าจึงหยุดให้ตามที่นางขอ
“เก็บนี่ไว้ มีติดตัวก็น่าจะดีกว่า” เสิ่นหลางยื่นถุงเงินของตนให้นาง คาดว่ามันน่าจะจำเป็นมาก
“ขอบคุณพี่ชาย หากข้าไม่ตายเสียก่อน บุญคุณนี้ข้าจะทดแทนท่านแน่นอน” เอ่ยบอกเขา ก่อนจะก้าวลงมาจากรถม้า ซึ่งมีผู้ติดตามอีกคนมาช่วยรับนางโดยไม่รังเกียจสักนิด
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ขยับมายืนข้างทาง ก่อนจะโค้งให้คนในรถม้า ซึ่งนางไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย
“หากมีบ้านที่นี่ ก็กลับไปอยู่กับครอบครัวเสีย ที่อื่นไม่ดีเหมือนบ้านของเราหรอก” เสียงอ่อนโยนดังมาให้ได้ยิน
ทว่าคนฟังนั้นเศร้าไปอีกแล้ว แต่นางก็ยังฝืนยิ้ม
“ขอบคุณนายหญิงที่สั่งสอนเจ้าค่ะ” ก้มหน้าย่อตัวให้กับผู้ที่เมตตาต่อตน จนรถม้าเคลื่อนตัวออกไป หยดน้ำใสก็ไหลลงมาทันที และนางก็ยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานพอดู
“เรามีบ้านให้กลับที่ไหนกัน”
#อดทนไว้ลูก ผ่านไปได้ หนูต้องได้เป็นเซียนแน่ 555