บทที่ 11
หยางเหวินเย่มิได้เปลือยกายทั้งหมด ทว่าแผ่นอกกว้างก็ทำหัวใจของภรรยาเต้นมิเป็นจังหวะ พบเจอกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม เถียนเถียนก็ได้ชิดใกล้บุรุษที่นางเฝ้ารอเสียแล้ว!
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม ท่านแม่ทัพรูปงามก็จัดการทำความสะอาดตัวเองเรียบร้อย เขาจัดการสวมเสื้อผ้าท่อนล่าง ก่อนจะร้องเรียกภรรยาให้กลับเข้ามาช่วยเหลืออีกครั้ง และพอมองผ่านฉากกั้น ก็พบว่าเถียนเถียนกำลังขยับผ้าคลุมหน้าของนางให้แน่นหนาดี ก่อนจะรีบตรงเข้ามาดูแลสามีที่กำลังหงุดหงิดเพราะการเดินเหินที่ไม่สะดวก
ความจริงหยางเหวินเย่มิได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมาก ทว่าตั้งแต่ก้าวเข้ารับตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ก็มิเคยมีผู้ใดใส่ใจอาการเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขานัก ด้วยคิดไปว่าบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ดั่งภูผาคงจะไม่ยี่หระกับความเจ็บปวด หากไม่ได้ถึงขั้นเลือดตกยางออกก็จะไม่สนใจดูแลรักษา
ความใจใส่ของภรรยาอัปลักษณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าตนกลับไปเป็นคุณชายหยางเหวินเย่คนเดิมอีกครั้ง
คนที่มิได้แข็งกระด้างและเย็นชากับผู้คนรอบตัว
“ท่านพี่เดินระวังนะเจ้าคะ” นางกล่าวขณะประคองบุรุษผู้ที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกลับเข้าห้องนอน
ปรากฏว่าผ้าปูเตียงถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ เพราะคืนที่ผ่านมา เขาเมามายอย่างหนักและหลับนอนลงทั้งที่เนื้อตัวยังสกปรกอยู่ ระหว่างรำลึกถึงความหลัง เถียนเถียนก็จัดการซับผมของสามีจนแห้ง รวมถึงเช็ดตัวให้จนแล้วเสร็จดี
“เจ้าดูท่าทางชำนาญเรื่องการแต่งตัวให้บุรุษ”
“ก่อนหน้าที่ท่านพ่อจะสิ้น ข้าคอยดูแลท่านพ่อยามได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอเจ้าค่ะ”
เขาจำได้ว่านางกำพร้ามารดาตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ จึงสนิทสนมกับบิดาค่อนข้างมาก และหากท่านรองแม่ทัพหวังเฉินกงยังมีชีวิตอยู่ รอดจากสงครามในคราวนั้น บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านก็คงจะได้แต่งงานกับบุรุษที่เต็มใจมากกว่าหยางเหวินเย่
แต่จะมีบุรุษใดยินยอมแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์อยู่หรือ
หลังจากพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว การแต่งงานกับผู้มีอำนาจจะทำให้นางรอดปลอดภัยจากการดูถูกเหยียดหยาม โดยเฉพาะเรื่องที่อัปลักษณ์จนหาสามีไม่ได้ ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่หยางเหวินเย่กลับนึกสงสัย
ดวงตาของเถียนเถียนงดงามหาได้ยาก ใบหน้าของนางจะมิงดงามสมกับดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งนั้นเลยหรือ
ยังมิทันจะได้ไตร่ตรองอะไรนาน บิดาและมารดาของหยางเหวินเย่ก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องนอนของเขา เถียนเถียนที่เพิ่งจะใช้ผ้าพันข้อเท้าของสามีเรียบร้อย รีบทำความเคารพท่านพ่อสามี และวิ่งตรงไปกอดฮูหยินหยางอย่างสนิทสนม
หยางชิวเหยา ร่างกายมิค่อยแข็งแรง พอมาถึงห้องของลูกชาย สะใภ้โฉมงามก็รีบประคองไปนั่งยังเก้าอี้ นางนึกประหลาดใจว่าเหตุใดเถียนเถียนจึงต้องสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า และพอลอบสังเกตก็พบว่าผ้าห่มสำหรับฤดูหนาวได้ถูกนำมาใช้ ช่วงนี้อากาศยามค่ำคืนกำลังเย็นสบาย จึงเป็นไปมิได้ที่ลูกชายของนางและลูกสะใภ้จะนำมันมานอนห่มด้วยกัน
“เหวินเย่! นี่เจ้าสั่งให้ภรรยานอนบนพื้นอีกแล้วหรือ!”
“ท่านแม่...” แม้ท่านแม่ทัพจะมีรูปร่างสูงใหญ่ ทว่ายามอยู่ต่อหน้ามารดา กลับรู้สึกว่าความสูงของตนมิเคยพ้นเอวของนางสักที
“ท่านแม่อย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ เมื่อคืนเถียนเถียนกลัวว่าข้อเท้าของท่านพี่จะบาดเจ็บ จึงเป็นผู้ขออนุญาตนอนลงบนพื้นแทน และอีกอย่าง...”
ประโยคหลังนางกระซิบกับแม่สามีแค่สองคน ฮูหยินหยางพยักหน้าเข้าใจและไม่ดุด่าอะไรลูกชายอีก
เถียนเถียนกระซิบว่า ตัวสามีออกจะไม่ค่อยสะอาดนัก...
“เถียนเถียนบอกข้าว่าปีที่แล้วท่านพ่อตกม้า เดินจะแทบมิไหว เหตุใดจึงมิแจ้งให้ข้าทราบ”
“มิได้เป็นอะไรมาก มีเถียนเถียนดูแลอย่างดี ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าให้เสียงาน”
หยางซือถงมีหรือจะไม่อยากแจ้งข่าวต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตน ทว่าหลายปีล่วงผ่าน ลูกชายก็ยังไม่เคยคิดจะมาเยี่ยม ยิ่งได้ยินข่าวฉาวเรื่องสตรี ผู้อาวุโสจึงตัดสินใจอยู่เงียบ ๆ รักษาความรู้สึกของลูกสะใภ้ มิให้ต้องเจอกับสามีที่ไม่ได้เรื่องอีก
สองสามีภรรยาสกุลหยางนึกเอ็นดูนางเพราะมิเคยมีลูกสาว และตลอดห้าปีที่ผ่านมา เถียนเถียนก็ทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่สามีได้ดีกว่าทายาทตัวจริงของบ้านเหลียนซานเสียอีก บ่าวในบ้านเองก็พลอยสบายไปด้วย เพราะสะใภ้ของบ้านหรือที่เรียกกันติดปากกันว่าคุณหนูเถียนเถียนนั้นมิใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ สหายคนโปรดขององค์ชายรัชทายาท แต่ก็ยังมิแสดงอำนาจข่มขู่ผู้ใด ยังคงเจียมเนื้อเจียมอยู่แต่ในบ้านดังเดิม
ทว่าเรื่องที่นางอยู่แต่ในบ้านนั้น บ่าวไพร่ล้วนทราบโดยทั่วกันว่าเพราะเหตุใด
ความงามของนางสร้างปัญหา ยิ่งสามีอยู่ห่าง ยิ่งน่ากังวลใจ
