บทที่ 2 แรกพบ
บทที่ 2 แรกพบ
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจวิ้นอ๋องได้มาที่บ้านของเจ้าเท้าโจเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องกองกำลังของแม่ทัพหยวนเป่าที่ตอนนี้ได้อยู่ที่ทางใต้ของแคว้นว่าจะทำเช่นไรต่อไป เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันเสร็จสิ้น จวิ้นอ๋องจึงขอตัวกลับจวน
หลิ่งฟู่บุตรสาวของใต้เท้าโจที่กำลังเดินเล่นอยู่กับสาวใช้ได้เดินผ่านจวิ้นอ๋องไป
ด้วยความงามของนางที่เสมือนต้องมนต์ทำให้จวิ้นอ๋องมองนางไม่ละสายตาจนใต้เท้าโจได้ถามขึ้น
"ท่านอ๋องท่านว่านางงดงามใช่มั้ยท่านถึงมองนางไม่ละสายตาเช่นนี้"
"นางงามราวกับนางฟ้าว่าแต่นางเป็นบุตรสาวของบ้านใดทำไมข้าไม่เคยคนงามเช่นนางมาก่อน"
"โฮ๊ะๆ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของกระหม่อมเองพะย่ะค่ะ หลิ่งฟู่ท่านอยากรู้เรื่องของนางทำไมกันหรือพะย่ะค่ะ"
"บุตรสาวของเจ้างั้นรึงั้นข้าก็ขอพูดตามตรงข้ารู้สึกชอบนางแม้จะเห็นนางเพียงครั้งแรกก็ตาม ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะให้ฝ่าบาทมาขอบุตรสาวของท่านให้กับข้า"
"ท่านอย่าพึ่งใจร้อนกระหม่อมต้องถามความเห็นของลูกสาวกระหม่อมก่อนอีกสามวันจะให้คำตอบแก่ท่าน ท่านอดใจรอหน่อยเถิดพะย่ะค่ะ" แม้จวิ้นอ๋องจะใจร้อนแต่เขาเองก็รู้ดีมันยากที่คนที่เคยเจอหน้ากันจะให้มาแต่งเข้าจวนเลยก็คงไม่ใช่เรื่อง
เขาจึงให้เวลาแก่ใต้เท้าโจได้พูดคุยกับบุตรสาวของเขาเสียก่อน
"ก็ได้ งั้นข้าขอตัวกลับก่อนข้าหวังว่าอีกในสามวันข้าจะได้รับข่าวดี"
"ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยพะย่ะค่ะ"
หลังจากที่จวิ้นอ๋องกลับไปใต้เท้าโจก็ได้เรียกหลิ่งฟู่เข้ามาพบ
หลิ่งฟู่บุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจตอนนี้ได้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งใบหน้างดงามราวกับภาพวาด เขาคิดไตร่ตรองดูมันก็เป็นเรื่องดีเช่นกันหากจวิ้นอ๋องผู้นี้สนใจและรักลูกสาวของเขา
เพราะเขาเองก็ยังไม่มีชายาถ้าบุตรสาวของเขาได้แต่งเข้าไปที่จวนก็จะได้ตำแหน่งพระชายามาครอบครอง
แถมยังได้เแต่งกับเชื้อพระวงค์อีกด้วย
"ท่านพ่อมีเรื่องอันใดถึงเรียกข้ามาพบหรือเจ้าคะ"
"หลิ่งฟู่ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว"
"ปีนี้อายุของข้า18ย่าง19 ปีแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อถามข้าทำไมรึเจ้าคะ"
"อืม อายุของเจ้าก็เข้าสู่วัยออกเย้าออกเรือนแล้ว
ตอนนี้เจ้ารักหรือชอบพออยู่กับชายบ้านใดหรือไม่"
"ข้าไม่มีหรอกเจ้าค่ะ วันๆ ข้าก็อยู่แต่ในบ้านข้าจะไปแอบรักหรือคบกับผู้ใดได้ล่ะเจ้าคะ”
"งั้นก็ดีเลย วันนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดมาที่บ้านของเรา"
"ข้าพอจะได้ยินมาเจ้าค่ะ มีคนเล่าสู่ข้าฟังว่าเขาเป็นจวิ้นอ๋องผู้โหดร้ายแต่ทำไมใบหน้าของเขาถึงไม่โหดร้ายเช่นดั่งคำรำลือล่ะเจ้าคะข้าว่าท่านอ๋องผู้นี้หน้าดีทีเดียว"
"เจ้าว่าอย่างนั้นรึ พ่อจะบอกเจ้านะแม้ว่าข่าวลือจะเป็นเช่นไร แต่ท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้โหดร้ายแค่เพียงศัตรูเท่านั้นเขาเองก็เป็นคนดีและเป็นคนที่ฝ่าบาทโปรดปราน วันนี้เขาเห็นเจ้าและชอบเจ้าในพริบตาแถมยังจะให้ฝ่าบาทมาสู่ขอเจ้าอีกด้วยเรื่องนี้เจ้าคิดว่าเช่นไร "
หลิ่งฟู่ก้มหน้าคิดอยู่นานแม้นางจะได้ยินข่าวลือที่หนาหูว่าชายผู้นี้โหดเหี้ยมและอำมหิตแต่เมื่อนางได้เจอเขาวันนี้
ท่านอ๋องผู้นี้กลับมีรูปลักษณ์ที่สง่างามจนทำให้หัวใจของนางเต้นตึกตักไม่หยุดจนนางอยากเห็นหน้าใกล้ๆ และทำเป็นเดินผ่านหน้าเขาไป
นางคิดไปอมยิ้มไปจนใต้เท้าโจรู้ว่าบุตรของเขาก็คงมีใจให้กับท่านอ๋องผู้นี้
"ท่านจวิ้นอ๋องชอบข้าหรือเจ้าคะ ข้าก็คงแล้วแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เลยเจ้าค่ะพวกท่านว่าอย่างไรข้าก็จะทำตามทุกอย่าง”
แม้นางจะพูดเช่นนี้แต่ในใจของนางก็อยากให้ท่านพ่อมอบนางให้กับจวิ้นอ๋องผู้นี้อยู่ดี
“ฮา ฮ่าให้ได้อย่างนี้สิ งั้นอีกสามวันข้าจะส่งสารไปให้ท่านจวิ้นอ๋องว่าเจ้าตอบตกลง เจ้าก็ไปเตรียมตัวเป็นชายาของจวิ้นอ๋องเสียเถิด” หลิ่งฟู่เดินออกมาจากห้องของท่านพ่อ พลางนึกถึงเวลาที่ตนเองได้ใกล้ชิดกับท่านอ๋องทำให้นางเขินจนตัวบิดไปมา จนเป็นที่สังเกตของสาวใช้นาง
“คุณหนูมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหนูของข้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยได้ขนาดนี้หรือเจ้าคะ ดูสิท่านเขอะเขินจนบิดเสื้อผ้ายับไม่หมดแล้วหมดแล้ว”
ซูฮวาถามคุณหนูของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ซูฮวาเจ้าเห็นท่านจวิ้นอ๋องที่มาวันนี้หรือไม่”
“เห็นนะเจ้าคะ ว่าแต่คุณหนูถามถึงคนผู้นั้นทำไมกันเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้โหดร้ายอย่างกับสัตว์ป่า แค่ได้ยินชื่อข้าก็ขนลุกกลัวแล้วเจ้าค่ะ”
“ก็เพราะว่าท่านจวิ้นอ๋องผู้นั้นบอกท่านพ่อข้าว่าชอบข้า แถมยังจะให้ฝ่าบาทมาสู่ขอข้าอีกด้วยข้าจะได้เป็นพระชายาแล้ว ข้าดีใจมากเลย” เมื่อซูฮวาได้ยินถึงกับยืนสั่นกลัวทำไมคุณหนูของนางถึงไม่เกรงกลัวต่อคำรำลือนี้เลย
“ท่านแน่ใจนะเจ้าคะ ว่าท่านจะแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋อง ข้าไม่ตามคุณหนูไปได้มั้ยเจ้าคะ ข้ากลัวว่าข้าทำตัวไม่ดีแถมข้ายังซุ่มซ่ามท่านจวิ้นอ๋องคงได้สั่งตัดหัวของข้าแน่ๆ”
“เจ้ามีข้าอยู่จะกลัวเรื่องอันใดกันเล่า ข้าไปไหนเจ้าต้องไปกับข้าด้วยเพราะเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า วันนี้ข้าอารมณ์ดีไปหาอะไรกินที่ครัวกันเถอะ” หลิ่งฟู่เดินกึ่งวิ่งไปที่ครัวของตนเอง
“โธ่คุณหนูข้าเลือกอะไรได้บ้างมั้ย คุณหนูรอข้าด้วยเจ้าคะ” .
ฝั่งด้านจวิ้นอ๋องได้กลับมาถึงจวนของตนเองจิตใจของเขาก็ยังคำนึงหาแต่บุตรสาวของใต้เท้าโจ จนทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้จึงได้เข้าวังไปเพื่อพบฝ่าบาท และขอให้ฝ่าบาทเขียนราชโองการขอบุตรสาวของใต้เท้าโจให้ตนเอง
ฝ่าบาทรู้เรื่องก็เห็นดีด้วยเรื่องการขอชายาให้จวิ้นอ๋องเขาเองก็สมควรมีชายาของตนเพื่อดูแลจวนและปรนนิบัติเขา
จวิ้นอ๋องผู้นี้ชื่อว่า เจิ้งซื่อ มีใบหน้าที่หล่อเหลาฉลาดหลักแหลมเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แต่ทว่าเขามิใช่ลูกของฮองเฮ่า ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งเขาเป็นจวิ้นอ๋องและตัวของเจิ้งซื่อเองที่ไม่อยากอยู่ภายในวังที่ชิงดีชิงเด่น เขาจึงมาปกครองแคว้นเล็กๆ อยู่นอกเมือง ตามคำรำลือว่าชายผู้นี้มีความโหดเหี้ยมเพียงเพราะเขานั้นเป็นคนใจเด็ดสามารถจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นโจรหรือชาวบ้านที่ทำผิดเขาก็จะตัดสินประหารทันทีและนำหัวมาเสียบประจาน ทำให้ชาวบ้านต่างพากันกล่าวขานถึงความโหดร้ายนี้ของเขา