บทที่ 1 ถูกหักหลัง
บทที่ 1 ถูกหักหลัง
เมืองหลวงที่กว้างใหญ่ผู้คนกำลังเดินอย่างเร่งรีบเพื่อไปทำงานไม่ต่างอะไรกับ ลี่หยางชายหนุ่มที่กำลังเดินไปด้านหน้าขะมักเขม้น เขาทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรือแม้กระทั่งงานพิเศษเพื่อหาเงินมาให้มาก ๆ ลี่หยางไม่เคยมีครอบครัว เขาเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าและเติบโตมาจากสถานที่รับเลี้ยงเด็ก แต่เมื่อมีแฟนเขาจึงรักและเถิดทูลเขามากที่สุด และการทำงานในครั้งนี้เขาตั้งทำงานสารพัดอย่างเพราะครอบครัวของคนรักนั้นเกิดป่วยขึ้นมา เฉินจิ่นหรือแฟนของลี่หยางจึงนำเรื่องที่บ้านมาปรึกษาเพราะไม่รู้ว่าจะหาค่ารักษามาจากไหน ลี่หยางสงสารแฟนสุดหัวใจ เขาจึงได้มอบเงินเก็บให้กับเฉินจิ่น แต่ก็คงไม่พอสำหรับการรักษา ลี่หยางจึงให้คำสัญญาว่าเขาจะหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเฉินจิ่นจนกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล
เฉินจิ่นโอบกอดและขอบคุณที่ลี่หยางไม่รังเกียจที่ต้องมาช่วยเหลือเขาแถมยังต้องหาเงินค่ารักษาช่วยเขาอีกด้วย
"เหม่อลอยเชียวนะ รู้มั้ยว่าน้ำเต็มกะละมั่งแล้ว" หัวหน้าของลี่หยางได้สะกิดบอก
"ขอโทษด้วยครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ "ลี่หยางรีบก้มลงขอโทษ เขาทันทีที่ไม่ได้ตั้งใจทำงาน
"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย ว่าแต่ช่วงนี้นายพักผ่อนน้อยหรือยังไง? เหมือนจะง่วงตลอดเวลา" เจ้านายถามเขาด้วยคความเป็นห่วง
"พอดีช่วงนี้ผมทำงานหลายที่เพราะต้องหาเงินไปรักษาแม่ของเฉินจิ่น เลยไม่ค่อยได้พักผ่อนนะครับ" เจ้านายเดินเข้ามาตบบ่าและเดินออกไป
"อย่าดูแลเอาใจใส่คนอื่น จนลืมที่จะดูแลตัวเองด้วยล่ะ เงินจะหาเมื่อไหร่ย่อมได้แต่ว่าร่างกายของนายหากเจ็บป่วยขึ้นมาจะมีใครมาดูแล "
"ก็เฉินจิ่นไงครับเขารักผมจะตาย " ลี่หยางยิ้มกริ่มตอบออกมาอย่างมั่นใจ
“ขอให้เขารักนายจริงอย่างที่นายพูดแล้วกัน ตั้งใจทำงานให้เสร็จเถอะนายจะได้ไปทำที่อื่นต่อ” เจ้านายพูดจบก็เดินออกไป เขามาทำงานที่ร้านกาแฟโชคดีที่มีเจ้านายใจดี ทำให้ลี่หยางไม่ค่อยกดดันสักเท่าไหร่ เขาตั้งใจทำงานเสิร์ฟของที่ลูกค้าสั่ง และก็ช่วยเก็บกวาดร้านเมื่อตอนลูกค้าไม่มี ร้านที่เขาทำจะปิดลงตอนบ่าย ทำให้ลี่หยางมีเวลาไปทำงานอีกที่ เป็นร้านอาหารยามค่ำคืนเป็นร้านเหล้า ในตอนแรกที่ลี่หยางไปสมัครเจ้าของอยากให้ลี่หยางไปทำหน้าที่ต้อนรับและเอ็นเตอร์เทนแต่ลี่หยางไม่ชอบงานเช่นนั้นเหมือนไม่ให้เกียรติแฟนตัวเองที่จะให้ผู้อื่นมาแตะต้องร่างกาย ลี่หยางจึงขอทำให้หน้าที่พนักงานเสิร์ฟและคอยเก็บกวาดร้านก็เพียงพอแล้ว แม้เจ้านายจะเสียดายหน้าตาของลี่หยางอย่างไรเขาก็ไม่ยอมทำ
“ผมกลับก่อนนะครับ” ลี่หยางเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ร่ำลาเพื่อกลับบ้านพักผ่อน เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลานี่ก็เลยเวลามามากแต่ทำไมเฉินจิ่นยังไม่มารับ ลี่หยางล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายก็พบกับข้อความของเฉินจิ่นที่ส่งมาบอกว่าวันนี้เขามารับไม่ได้ ลี่หยางถอนหายใจและเดินไปที่ป้ายรถเมย์เพื่อเดินทางพาร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับไปที่ห้องนอน ช่วงแรก ๆ เฉินจิ่นจะคอยมารับตลอดแต่ช่วงหลังมานี้เขามักจะไม่ค่อยว่างและบอกว่าตนเองนั้นกำลังดูแลคุณแม่อยู่ แม้ลี่หยางจะเข้าใจแต่เขาเองก็อยากพบหน้าของเฉินจิ่นบ้างเท่านั้นเอง
เมื่อกลับมาถึงห้องลี่หยางก็เดินไปที่เตียงนอนและหลับไปอย่างหมดแรง
ตริ่งๆ ๆ” ”” เสียงนาฬิกาในเวลาเดิม ๆ ก็ได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลี่หยางใช้มือคว้าไปปิดนาฬิกาที่ดังอยู่บนหัวเตียงและลุกขึ้นมาปิดตัวก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำไปทำงานเช่นเคย
ติ่ง! เสียงข้อความดังขึ้นในตอนที่ลี่หยางอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาสวมเสื้อผ้าและหยิบมือถือมาดูว่าเฉินจิ่นติดต่อมาบ้างหรือเปล่า? นี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่ได้พบหน้า ตั้งแต่วันที่เงินเดือนของลี่หยางออกเขาก็ได้ขอไปดูแลแม่ แต่แล้วกลับไม่พบข้อความของเฉินจิ่นเลย มีเพียงข้อความของที่ร้านส่งเข้ามาลี่หยางเปิดอ่านก็พบว่าวันนี้ร้านปิดเพราะคุณแม่ของเจ้าของร้านได้ล้มหัวฟาดพื้นต้องกลับไปหาแม่ที่นอกเมือง ลี่หยางอ่านจบก็ได้ยิ้มออกมาทันที เช่นนั้นก็เท่ากับว่าวันนี้เขาได้พักผ่อนหนึ่งวัน แต่ลี่หยางกลับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพานและมือถือไปด้านนอกพร้อมเสื้อคุมกันแดด แม้เขาไม่รู้จักกับครอบครัวของเฉินจิ่นเท่าไหร่แต่ก็เคยส่งของกินของใช้ไปให้บ่อย ๆ จึงมีที่อยู่ของเขา ลี่หยางตั้งใจว่าวันนี้จะไปเยี่ยมคุณแม่ที่ป่วยและซื้อของไปฝาก
ลี่หยางไปที่ตลาดและซื้อของพร้อมเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมย์เพื่อเดินทางเขามองดูของที่ซื้อไปฝากก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ วันนี้เขาจะได้พบกับเฉินจิ่นคนรักที่เขาคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้
ในที่สุดรถก็ได้มาจอดที่หน้าบ้านของเฉินจิ่นเขาลงรถมาก็ได้เดินไปหน้าบ้านเลขที่ที่จดมา ก็ได้พบเลขที่ตนเคยส่งของมาให้บ่อย ๆ
“มาถึงแล้วสินะ นายจะดีใจแค่ไหนนะที่เห็นฉันมาเยี่ยมถึงที่บ้านอย่างนี้ โอ๊ยตื่นเต้นชะมัดอยากเห็นสีหน้าตอนที่เขาเห็นฉันชะมัดคงจะตกใจน่าดู” ลี่หยางพูดออกมาพร้อมกดกริ่งที่หน้าบ้าน ไม่นานนักก็มีคนออกมาเปิดประตูให้ลี่หยาง
“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ” หญิงสาวใบหน้าสะสวยเปิดประตูออกมาและมองดูลี่หยางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มหวานให้เขาเพื่อเป็นการต้อนรับ
“เอ่อ... ไม่ทราบว่าที่นี่บ้านของเฉินจิ่นมั้ยครับ? ” เมื่อเธอได้ยินชื่อของเฉินจิ่นก็รีบชวนเขาเข้าบ้านทันที
“ก็คิดว่าใครที่ไหนที่แท้ก็คงเป็นเพื่อนของเฉินจิ่นใช่มั้ยคะ เข้ามาด้านในก่อนเถอะค่ะ แล้วนี่เอาอะไรมามากมายขนาดนี้คะ” เธอผายมือให้ลี่หยางเข้ามาลี่หยางเองก็ต้องแปลกใจที่เธอถาม และเขาเองก็สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครเพราะเฉินจิ่นเคยบอกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว
ลี่หยางกำลังจะบอกว่าที่เขานำมานั้นเป็นของฝากแต่ก็ไม่ทันได้พูดเฉินจิ่นก็เดินออกมาพร้อมอุ้มเด็กเล็กอยู่ในอ้อมกอด
“ที่รักใครมาหรือทำไมถึงออกมานานขนาดนี้” เฉินจิ่นที่เดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้นพร้อมโอบกอดเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลี่หยางที่เดินตามมาก็ได้เห็นเข้าเต็ม ๆ ทั้งสองตา สิ่งที่เกิดอยู่ต่อหน้ามันเกิดความคาดหมาย ใจของลี่หยางเริ่มสั่นไหวและร้อนรุ่ม
“มีคนมาหาคุณนะค่ะน่าจะเป็นเพื่อนคุณ ใจดีมากเลยซื้อของมาฝากตั้งมากมาย เจ้าหนูมาหาแม่ม่ะให้คุณพ่อได้ไปต้อนรับเพื่อน” ผู้หญิงคนนั้นก็ยื่นมืออุ้มเอาเด็กเล็กที่อยู่ในแขนของเฉินจิ่นมากอดและพาเดินเข้าไปที่ห้อง ส่วนเฉินจิ่นเมื่อรู้ว่ามีคนมาหาเขาก็ได้หันหน้ามาดูก็ต้องสะดุ้งตกใจและใบหน้าก็เริ่มซีดขาว จากต่างลี่หยางที่ตอนนี้รอบดวงตากำลังเอ่อแดงและพยายามกลั่นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา นี่ผ่านมาเขาโกหกมาตลอด ความรักตลอดห้าปีที่ผ่านมาคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงลี่หยางทั้งสิ้น ลี่หยางเจ็บปวดหัวใจของตนเองอย่างมากมายแต่ก็ต้องกลั่นน้ำตาซ้อนความเจ็บปวดไว้และยื่นของที่เขาซื้อมาฝากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันซื้อของมาฝากแม่ของนาย ท่านเป็นอย่างไรบ้างหายดีแล้วหรือ” ลี่หยางพยายามพูดออกมาอย่างเป็นปกติแม้ว่าน้ำเสียงตอนนี้กำลังสั่นเครือ
เฉินจิ่นรีบรับของและวางลงพร้อมเดินเข้ามาใกล้ลี่หยาง
“นี่ลี่หยางฟังฉันก่อนนะ เรื่องนี้ฉันอธิบายได้” เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ลี่หยางมากขึ้น แต่ลี่หยางก็พยายามถอยหลังหนี
“อย่า...เข้ามาใกล้ฉันเดี๋ยวเมียของนายจะเห็นเอาได้”
“นี่ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอธิบายได้ ฟังฉันก่อนนะ” เฉินจิ่นจับแขนของลี่หยางให้ไปพูดกับตนที่ด้านนอก เขตหมู่บ้านที่เฉินจิ่นอยู่นั้นติดกับทะเลทำให้มีลมแรงโบกสะบัดเขาได้พาลี่หยางมาคุยกันที่ถนนริมทะเล เมื่อมาถึงลี่หยางไม่อาจอั้นความรู้สึกไว้อีกต่อไป
“ปล่อย!! ฉันบอกให้ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นี่มันเรื่องอะไรแล้วแม่นายที่ป่วยอยู่ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วผู้หญิงกับเด็กนั่นอีกหากวันนี้ฉันไม่มาเยี่ยมนายที่บ้านก็คงไม่รู้ว่าที่ผ่านมาฉันโง่ขนาดไหนที่ให้นายหลอกอย่างกับคนโง่” ลี่หยางระเบิดอารมณ์ของตัวเองออกมาพร้อมน้ำตาที่กำลังรินไหล
“ไม่นะ! ฉันไม่เคยหลอกลวงนายเลย ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายนั่นคือของจริง แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นมันคือความจำเป็นที่ฉันต้องทำเช่นนั้น”
“ความจำเป็นอะไร? หากนายไม่รักเธอก็คงไม่มีเด็กคนนั้นมาเกิดหรอกนะ นายกลับไปเถอะไปอยู่กับครอบครัวของนาย ตอนนี้ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ฉันเหนื่อย” น้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากตาของลี่หยางอย่างมากมาย
“ฟังฉันก่อนนะ แม่ของฉันไม่สบายจริง ๆ และท่านอยากอุ้มหลาน ฉันต้องทำ...”
“หยุดอย่ามาอ้างเลย ถ้านายรักฉันจริงจะไม่มีทางหักหลังฉันแบบนี้ เอามือสกปรกของนายออกมาจากมือฉันเดี๋ยวนี้” ลี่หยางไม่อาจทนฟังคำโกหกที่ออกมาจากปากของเฉินจิ่นได้อีกต่อไปเขาสะบัดมือของเฉินจิ่นออกและวิ่งหนีเขาไปแต่ในเวลาเดียวกันรถบรรทุกสัตว์ทะเลเพื่อไปส่งตามที่ต่าง ๆ ก็ได้ขับออกมาด้วยความเร็วทำให้เขาไม่สามารถเบรกทำชนเข้ากับร่างของลี่หยางอย่างแรงก่อนที่จะกระเด็นลงไปในทะเล เสียงดังกึกก้องไม่ว่าจะเป็นเสียงเบรกของล้อรถหรือเสียงที่ตะโกนออกมาของเฉินจิ่นที่ดังอยู่ในหูของลี่หยางที่กำลังร่องลอยไปที่ทะเลความเจ็บปวดที่จิตใจนั้นมากกว่าแรงที่รถชนเขาหลายร้อยเท่า ร่างของลี่หยางกำลังจมลงอย่างช้า ๆ ตอนนี้เขาไม่รับรู้อะไรนอกจากความหนาวเหน็บในร่างกายลี่หยางเริ่มทรมานเพราะน้ำกำลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ และปล่อยให้ตนเองจมลงไปที่ใต้ท้องทะเล และภาวนาในจิตใจ หากได้เกิดมาอีกครั้งเขาจะไม่ขอรักใครอีกเลยและไม่ขอพบเจอกับเฉินจิ่นอีก