บทที่ 7 ด่ากราด
เชี่ย...
นึกอยู่แล้วเชียว ฉันไม่โง่นะถึงไม่ได้เรียนระดับปริญญาก็ไม่ใช่จะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนสมัยนี้
อย่าบอกนะ... ว่ายัยลาวาคนนี้คิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือให้ตัวเองได้เข้ามาพูดกับผู้ชายของหล่อนอีกครั้ง
แสบจริง!
ท่าไม่ดีแล้วสิ
สมองของฉันรีบประมวนผลคิดวิธีหาทางออกโดยไม่ให้เสียเงินจำนวนมากนั้นไปแต่ก็ไม่มีทางหรือว่าจะยอมได้ส่วนหนึ่งและทิ้งอีกส่วนเอาไว้
แบบนี้คงดี
คงใช้ได้ไม่ทำให้เสียเวลาอีกทั้งยังถูกผู้ชายด่าอีก
“ไหนเงินหนึ่งแสน ฉันนั่งตักผู้ชายคนนี้ได้แล้วอีกสองแสนฉันไม่เอาก็แล้วกันเพราะยังทำไม่สำเร็จถือเสียว่าช่วยประหยัดงบประมาณเงินในกระเป๋ากับผู้หญิงอย่างเธอ แต่ว่านึกไปแล้วก็ยัง.....”
จะพูดไม่พูดดี
“ยังอะไรยัยมอซอ ห๊ะ?”
แต่พอโดนด่า โดนดูถูกก่อนฉันจึงตัดสินใจได้
“ก็สงสารคนที่ไม่มีใครเอาไง”
ใบหน้าที่เรียบหยิ่งมาพร้อมกับคำพูดที่ฉะฉานสุดมั่นใจในตัวเองค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดที่เคลือบเอาไว้อย่างไร้ที่ติ
ใบหน้าที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ฉันภูมิใจ
ด้วยโทนหน้าที่ตกแต่งตามสไตล์ของสาวมั่น ยอมรับเลยว่ามันต้องสวยในระดับหนึ่งไม่น้อยไปกว่ายัยลาวงลาวาอะไรนั้นส่วนการแต่งตัวฉันรู้ดีว่าไม่เอาไหน
ช่างเถอะ มันก็เป็นตัวฉันนี่ไม่ใช่คนอื่นจะแต่งยังไงก็เป็นสิทธิของตัวเอง
แต่แล้ว...
เมื่อฉันเผยรอยยิ้มเหยาะผุดออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดโดยไม่ต้องการปิดปังใดๆ ทั้งสิ้นมันยิ่งเป็นชนวนเชื้อเพลิงชั้นดีในการกระตุ้นอารมณ์โกรธของยัยลาวาที่ตอนนี้ใบหน้าแดงกร่ำออกมาอย่างชัดเจน
โกรธเยอะๆ
ฉันสะใจมาก
แววตาที่ยัยลาวาส่งมาให้ แน่นอนว่าเธออยากกระโจนเข้ามาฆ่าบีบคอหรือไม่ก็กระชากศีรษะทุบกับโต๊ะซ้ำๆ แต่ก็ทำไม่ได้
ก็อย่างว่านะมาเบี้ยวเงินฉันก่อนทำไมล่ะ อยู่ดีๆ อยากเป็นนางเอกในสายตาผู้ชายอยากได้สามีจนตัวสั่นไม่ว่า
ในเมื่ออยากเป็นนางเอกนักฉันก็จะอาสาเป็นนางร้ายแทน นางร้ายที่แสนสบายใจที่สุดจะด่า จะตบ จะถีบใครหน้าไหนก็ได้ไม่ต้องคีบตัวเองเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่น
ร้ายแบบสุดขั้ว
“แก...อิบ้า! มานี่เลย”
เผียะ!
แต่แล้วใบหน้าของฉันชาไปโดยอัตโนมัติ ชาไปทั้งแถบด้านซ้ายคันยิบๆ เมื่ออยู่ๆ ยัยบ้าลาวาเข้ามากระชากแขนให้ลุกขึ้นจากตักของผู้ชายที่ชื่อแวนเดอร์ก่อนที่จะตบหน้าฉันทันทีไปหนึ่งฉาก
รสตบเป็นแบบนี้เอง
เกิดมาญานินคนนี้ก็พึ่งเคยโดนตบเป็นครั้งแรกในชีวิตก็คราวนี้แหละ มันช่างเจ็บจี๊ดเข้าลงไปในชั้นของผิวหนังบางๆ ของตัวเองจริงๆ
ตัวกระตุ้นอาการโกรธในร่างกาย
“ทำตัวเป็นหมาบ้าแบบนี้ไงผู้ชายเขาถึงไม่แลมองแม้หางตา มีสมองก็หัดคิดเสียบ้างไม่มีใครอยากเอาดอกทองไปเป็นแม่ของลูกหรอกเพราะเขากลัวว่าเชื้อแม่จะแรง!”
ฉันมองตายัยลาวาพร้อมกับพูดขึ้นหรือจะเรียกว่าตวาดก็ไม่ผิดด้วยความจริงสภาพการแต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงขายตัวเสียอีก
การกระทำยิ่งกว่าชอบวิ่งแร่หาผู้ชายจนเสียสถาบันเพศแม่
“อีบ้า!”
ด่าได้แค่นี้?
คำก็บ้า สองคำก็บ้า
“เอาเวลาไปเสียกับการพัฒนาสุขภาพจิตของตัวเองดีกว่านะอีกหน่อยถ้าไม่รักษาจะเป็นบ้าโดยไม่รู้ตัว” คิดแล้วก็ปวดหัวแทนพ่อแม่คงไม่มีใครเอาอยู่แล้วแบบนี้ “ถ้าสมองของคนอย่างเธอคิดว่าการที่ฉันไปนั่งบนตักผู้ชายคนนี้มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกลียดมากก็เอาไปเปรียบเทียบกับตัวของเธอได้เลย การกระทำของฉันมันด้อยลงไปเลยล่ะที่สำคัญฉันทำเพื่อเงินที่เธอจ้างทำนั้น!”
“กรี๊ดด นังปีศาจ!”
เสียงกรี๊ดแปดหลอดมันยิ่งเรียกความสนใจจากผู้คนรอบๆ คลับเป็นอย่างดีจนทำให้คนข้างๆ โต๊ะอื่นๆ หันมาสนใจยิ่งกว่าพระเอกละครมาเสียอีก
“จะบอกให้เอาบุญฉันชื่อ ‘ญานิน’ ไม่ใช่ยัยปีศาจ อีบ้าอย่างที่เธอคิด”
ฉันบอกผู้หญิงตรงหน้า
จะไม่ต้องเรียกอีบ้าอะไรอีก สงสาร
