5
…ย้อนไปก่อนหน้านั้น... (หลายเดือนอยู่)
“โอ๊ย ปั้นหยาลูกรัก...กลับมาแล้วเหรอจ้ะ มาๆ มาทางนี้เลยจ้ะ...มาทางนี้ค่ะลูก” ร่างเพลียเหนื่อยล้าจากการทำงาน เผยความฉงนบนใบหน้าเล็กน้อย
วันนี้มารดาโทรแจ้งเธอตั้งแต่เช้าว่าให้กลับเข้าร้าน ร้านอาหารปักษ์ใต้ชื่อดังในย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร
ร้านที่เธอแทบจะไม่ค่อยได้มาเหยียบเพราะออฟฟิศของเธออยู่แถวชานเมือง และเธอก็เช่าห้องเล็กๆ อยู่ให้สมกับเงินเดือนที่ได้
เธอสุขสบายดี...สุขสบายเสียยิ่งกว่าการมาอยู่ในความดูแลของมารดา ที่มีทรัพย์สมบัติแสนมากมายนี้
“โอ๊ยสวยสมคำล่ำลือ แม่เนี่ยได้ยินเรื่องของหนูมาตั้งนานแล้ว เพิ่งมีโอกาสเข้ามาในกรุงเทพ ก็เลยแวะมาดูเสียหน่อย”
ฝ่ายแขกผู้มาเยือน ที่รุ่นราวคราวเดียวกับมารดา ก็รีบพูดเสียงดังต้อนรับ จนเธอรู้สึกว่าตอนนี้กำลังมีแม่สองคนอยู่
ผู้หญิงคนนี้พูดจาคล้ายแม่ของเธอไม่มีผิด!
“สวัสดีค่ะคุณ...” เธอยกมือไหว้แบบไม่ให้เสียมารยาท แต่ถึงอย่างนั้นก็เหลือบไปมองมารดา เชิงขอคำตอบว่า จะให้เรียกผู้หญิงตรงหน้าว่าอะไร?
“นี่คุณแม่ทิพย์ภมณ เพื่อนรักของแม่ มาจากนครศรีธรรมราช ตอนนี้เป็นภรรยานายหัวคนดังของจังหวัด โอ๊ย เจ้าของโรงงานยางใหญ่โต มีสาขาเป็นสิบๆ ที่เชียว”
โยศิตาอยากเอาหน้าซบกับเหล่าอาหารเรียงรายนี่เสียจริงๆ
เธออับอาย...ที่มารดาพูดถึงความรวยของเขาอย่างตื่นเต้น หากแต่คนที่ถูกพูดถึงกลับตื่นเต้นกว่า แถมเชิดใบหน้าขึ้นอย่างภูมิอกภูมิใจ
“ไหว้พระเถอะลูก ยิ่งโตยิ่งสวย สวยกว่าพ่อกว่าแม่” โยธกา ค้อนเพื่อนรักเล็กน้อยแบบไม่ได้คิดอะไร ก่อนส่งสายตาให้เพื่อนรักทำตามที่คุยกันไว้
โยศิตารับรู้ทุกอย่างได้...หากแต่ทำเป็นนิ่งเสีย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่มารดาหลอกให้เธอมานั่งให้คนมาดูตัว แต่เป็นครั้งแรก...หลังจากที่หายเงียบไปหลายเดือน
‘วันเกิดแกปีนี้ก็ 31 บริบูรณ์แล้ว เมื่อไหร่ฮึ เมื่อไหร่จะมีผัวเป็นตัวเป็นตนสักที’ คำอวยพรของมารดาในวันนั้น ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำสั่ง...
เธอได้รับการจูงไปนั่นมานี่...เพื่อให้ครอบครัวฝ่ายชายชื่นชม พวกผู้ชายพวกนั้นชื่นชอบในความสวยงามของเธออย่างล้นหลาม หากแต่ก็ไม่มีใคร
ที่ทำให้เธอถูกใจได้ ภายนอกโยศิตาอาจจะดูนิ่งๆ เป็นผู้หญิงเรียบร้อยคนหนึ่ง
แต่แท้จริงแล้ว...เธอไม่ใช่คนยอมคน และมีความคิดและทัศนคติที่เป็นอิสระเกินกว่าจะอยู่ในกรอบความคิดของใคร
ไม่ว่าใครคนนั้นจะหมายถึงมารดาแท้ๆ ของเธอก็ตาม!
“เสียดาย แม่ไม่ได้เอาพี่ธรเขามาด้วย มัวแต่วุ่นอยู่กับการขยายสาขาโรงงานที่ตรัง สวนยางทางนู้นก็เยอะ ลูกชายคนเดียว ดูแลไม่ครบไม่ถ้วน”
“จริงเหรอ? ปั้นหยาเขาก็ทำงานที่บริษัททำผลิตภัณฑ์จากยางพาราเหมือนกัน ลองคุยกันดู น่าจะดีลเรื่องงานกันได้นะ แลกเบอร์กันเอาไว้ดีมั้ย?”
สองเพื่อนรักคุยกันอย่างออกรส ไม่ได้สนใจคนนั่งหน้านิ่งอย่างเธออยู่
ตั้งแต่หลังวันเกิดเธอมาได้ 5-6 เดือน มารดาพาเธอไปเจอคนโน้นคนนี้ น่าจะร่วมสิบกว่าคนได้
แล้วก็หายไป 1 เดือนหลังจากที่เธอออกมาค้านอย่างจริงจัง...
‘แม่คะ...ถ้าแม่ยังไม่หยุดพาหนูไปให้คนนู้นคนนี้ดู หนูจะไม่อยู่กับแม่แล้วนะคะ’ แม้โยธกาจะเป็นคนชอบบังคับแค่ไหน
แต่พอเธอเอาจริงเอาจังขึ้นมาทีไร ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ลูกสาวเพียงคนเดียวอยู่ดี
ประโยคนั้นไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะเธอลงทุนหางานที่อยู่แสนไกลจากมารดา พอได้ เธอก็รีบหาเหตุผลย้ายไปเช่าห้องราคาไม่แพงมากอยู่
ครั้นจะออกไปอยู่ต่างจังหวัดเลย เธอก็ห่วงมารดา เพราะถึงแม้จะไม่พอใจในสิ่งที่มารดาทำ แต่ความเป็นลูกเธอทำขนาดนั้นไม่ได้
เหมือนมันจะได้ผล ถ้าไม่ได้มาเจอเหตุการณ์วันนี้เสียก่อน
“ลูกชายของแม่เนี่ย บ้างาน บ้างานมาก ไม่มีเวลาหาผู้หญิงมาดูแล แม่ก็เลยอยากอาสาจะหาให้”
ความตรงๆ ไม่อ้อมค้อมของทิพย์ภมณ ทำเอามือที่ตั้งใจจะตักอะไรเข้าปาก แล้วเคี้ยวๆ ให้หูไม่ต้องฟังบทสนทนาสะเทือนหูของพวกผู้ใหญ่เสียหน่อย
ต้องชะงัก...เหมือนรถเบรกกะทันหัน!
“เหมือนหนูเลยค่ะ บ้างาน บ้างานมาก...เวลาดูแลตัวเองก็แทบจะไม่มี”
“แม่ก็เลยต้องอาสาหาให้เหมือนกัน เหมือนกันขนาดนี้...ต้องทำความรู้จักกันแล้วนะเธอ” คนที่โดนลูกสาวแหกหน้ากลางงานดูตัวกับครอบครัวจีนใหญ่มาแล้ว
รีบดักเอาไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง
สายตาพิฆาตมองลูกสาวให้พอรู้กันสองคน ก่อนหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนรัก ที่เคยเล่ากิตติศัพท์ลูกสาวของตนให้เพื่อนฟังมาก่อนแล้วบ้าง
ทิพย์ภมณพยักหน้าน้อยๆ ก่อนฉีกยิ้มกว้างให้เท่าเพื่อนรัก..
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เพราะว่าสะใภ้บ้านแม่เนี่ย ไม่ต้องทำงานจ้ะ อยู่แบบสบายๆ มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติพัดวี มีเวลาดูแลสามีได้เต็มที่...”
“พอดีว่า...หนูเป็นคนชอบทำงานน่ะค่ะ ไม่ชอบอยู่แบบสบาย น่าจะไม่ใช่ทางอ่ะค่ะ” โยศิตาฉีกยิ้มให้กว้างเท่ามารดาและเพื่อนรัก จนสองสาววัยกลางคนถึงกลับหุบยิ้มคู่