1
เด็กเสี่ย หมายถึง ผู้หญิง ที่ มีความสัมพันธ์ กับ ผู้ชายคนหนึ่ง แบบที่ ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่ภรรยา เลี้ยงกันด้วยเงิน มากน้อย ตามตกลง
พันธะชั่วคราวที่กำหนดระยะเวลาเอาไว้แบบยืดหยุ่น แล้วแต่ความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย... หรืออาจจะฝ่ายเดียว ก็แล้วแต่คู่
“วันนี้เสี่ยจะไม่มาหาหนูจริงๆหรือคะ?” เด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม...นั่งอยู่ในร้านกาแฟชิลล์ๆ ร้านหนึ่ง แต่งตัวด้วยเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นสีขาว
คุยโทรศัพท์ในระดับเสียงที่ไม่ใคร่จะสนใจใครเท่าไหร่
ผู้คนในร้านต่างมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ “ได้ค่ะเสี่ย...หนูคิดถึงเสี่ยนะคะ”
แต่คนที่ไม่ได้สนใจใคร ก็ไม่สนใจต่อไป ออดอ้อนเสี่ยที่อยู่ปลายสายด้วยน้ำเสียงสอง...สามสี่ห้า
“ดูสิแก คนอะไรยางอายก็ไม่มี เด็กเสี่ยสมัยนี้มีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง” เสียงซุบซิบเริ่มตามมา
แก้วกาแฟสีขาวขนาดกลางถูกวางลงระหว่างเสียงซุบซิบจากพนักงานร้านที่ส่งยิ้มมาเหมือนรู้ทัน
“จริงเหรอคะพี่ หนูหามาตั้งนานไม่เห็นจะได้เลย เขาไปสมัครกันย่านไหนคะเนี่ย” ถามแบบไม่ได้ต้องการคำตอบ
แม่สาวน้อยเดินไปเสิร์ฟกาแฟอีกโต๊ะต่อทันที
“ดูสิ! พูดจาไร้ยางอาย ผู้หญิงสมัยนี้ ใครมันอยากจะเอามาทำแม่ของลูก พูดแล้วก็ห่วงลูกชาย”
“จริงแก! ฉันรับไม่ได้!”
ถัดไปจากโต๊ะช่างเมาส์...หญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวสบายตาตัดกับกางเกงสีเลือดนกขายาว
เหมือนจะกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของร้าน มองการแยกชั้นของกาแฟร้อน...เหมือนหาสัจธรรมจากมัน
คนเราก็เป็นเฉกเช่นนี้...ไม่เหมือนกัน อยู่คนละส่วนกัน ซึ่งเธอมองว่าไม่แปลก...ไม่ควรเลยด้วยซ้ำที่ใครจะไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร
เพราะความที่เขาไม่เหมือนตัวเอง
“คาราเมลมัคคิอาโต หวานน้อย ได้แล้วค่ะ” เสียงหวานๆ จากพนักงานร้านที่พูดจาได้น่าชอบใจเมื่อสักครู่
ส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้กับโต๊ะที่ตรงกันกับเธอ แต่อยู่คนละฝั่ง...
ไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองเสี้ยวหน้าของคนที่สั่งเหมือนตัวเองเพียงครู่
แก้วกาแฟร้อนทรงยาว...ที่มีนมร้อนผสมคาราเมล ก่อนที่จะทำเครื่องหมายด้วยเอสเปรสโซ่
ปิดด้วยฟองนม...และตบหน้าด้วยคาราเมลอีกที
มันดูเหมือนจะไม่ตรงไปตรงมาเท่าไหร่...ที่จะกิน คาราเมลแล้วสั่งหวานน้อย
แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้...มันตรงไปตรงมาซะเมื่อไหร่ เรื่องแปลกมากมายโผล่ผุดกันไปทั่ว...
เหมือนที่ร้านนี้ ทำเมนูคาราเมลมัคคิอาโตหวานน้อย ได้อร่อยที่สุด ตั้งแต่เธอเคยกินมา
นั่นแหละ...คือเหตุผลที่ต้องมานั่งที่ร้านนี้ทุกวัน
“แก...แล้วเสี่ยเขาให้แกเดือนละเท่าไหร่” เมื่อเพื่อนสาวมาถึง ก็รีบถามไถ่เสียงดัง เสียจนคนในร้านหันไปมองเป็นตาเดียวกันอีกรอบ
เหมือนสองสาวจะภูมิใจนักหนาในสถานะที่ตัวเองเป็นอยู่ คนอื่นคิดยังไงไม่รู้ แต่คนมองโลกตามความจริงอย่างเธอ
ก็ยินดี...ที่คนๆหนึ่งจะเจอกับความภูมิใจในชีวิต ไม่ว่ามันจะดูเป็นยังไง ในสายตาคนอื่นก็ตาม
“ก็...พื้นฐานที่ห้าหมื่นนะ ไม่รวมค่าช๊อปปิ้งแล้วก็ค่าอื่นๆ เวลาไปเที่ยว ไปกินด้วยกัน”
“โอ้โห! โคตรอยากเป็นเลยว่ะ เสี่ยแกรับเด็กเพิ่มมั้ย?”
“อีบ้า มึงจะมาใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับกูเหรอ!”
“ทำไมอ่ะ กูก็ใช้มาตลอดนะ ผัวเพื่อนก็เหมือนผัวกูแหละ ฮ่าๆ” คำพูดแซวกันขำๆ นั่น ยิ่งทำให้เสียงซุบซิบในร้านหนาหูขึ้นมา
“เช็คบิลค่ะ” ผู้ที่ไม่ได้สนใจที่จะฟังเรื่องของคนอื่นต่อ เพราะมีธุระที่จะต้องไปทำนั้น เรียกชำระเงินพร้อมเดินออกไปอย่างสง่า
และไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายที่โทรเข้ามาพอดี
“ค่ะเสี่ย...ใกล้จะถึงแล้วค่ะ ค่า...อดใจรอหนูสักแป๊บนะคะ” สองสาวใหญ่ช่างเมาท์หันไปมองเธอเป็นตาเดียวกัน
“โอ๊ย...กลางวันแสกๆ ไม่อายเทวดาฟ้าดิน!!”
กางเกงขายาวสีเลือดนกกับเสื้อเชิ้ตสุภาพสีขาวที่เธอสวมทับอยู่ มันไม่ได้ทำให้เธอดูเหมือน ‘เด็กเสี่ย’ สักเท่าไหร่
ก็อย่างว่า...จะมองกันแต่ภายนอกอย่างเดียวได้ยังไง
“ตกลงข้อเสนอที่อั๊วยื่นไป ลื้อพอใจหรือเปล่า อาปั้นหยา” สายตากรุ้มกริ่มของชายวัยกลางคนร่างอวบ มองหุ่นเพรียวสมส่วนของเธอ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็น่าสนใจค่ะ...” ตอบแบบเรียบพร้อมหยิบเครื่องคิดเลขคู่กายเครื่องที่ใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือ มากดคำนวณความคุ้มค่าอย่างจริงจัง
“อั๊วไม่เคยให้ใครมากขนาดนี้เลยนา...แต่ถ้าลื้อไม่พอใจ อยากเรียกเพิ่มอั๊วก็จ่ายได้ไม่อั้น” โยศิตา ราชพฤกษ์ ครุ่นคิดอยู่ในหัวราวๆ สามวินาทีกว่า
“แล้วเสี่ยจะมาได้วันไหนบ้างละคะ”
“อาทิตย์ละวันในช่วงแรก แต่ถ้าลื้อทำให้อั๊วติดใจได้...อั๊วก็จะมาบ่อยขึ้น”
“มาบ่อย แล้วจะได้เพิ่มไหมคะ?”
“ไม่อั้น!”
“งั้น...ก็เอาตามนั้นไปก่อนค่ะ อย่าลืมส่งตารางมาให้หนูด้วยนะคะ หนูจะได้จัดคิวถูก” ว่าพร้อมเหลือบมองนาฬิกาสีเงินเรือนงามแบรนด์หรู อย่างเหมือนจะรีบร้อน
“ลื้อมีธุระต้องไปต่องั้นรึ อาปั้นหยา” เสี่ยใหญ่พูดเหมือนเสียดาย และไม่ลืมที่จะสำรวจอกอวบอิ่มที่แม้แต่เสื้อตัวโคร่งก็ปิดเอาไว้ได้ไม่มิดของเธอนั่น
“พอดีว่า..นาฬิกาหนูมันเก่าแล้วน่ะค่ะ มันเดินเร็วแปลกๆ ต้องรีบไปดีลงานต่อน่ะค่ะ”
“งั้นไม่ต้องรีบไป...อั๊วซื้อให้ลื้อใหม่ ไปกินข้าวกับอั๊วมื้อนี้สิ” เธอยิ้มพรายเหมือนดีใจนักหนา
“พอดีว่า...หนูมีคิวแล้ว ไว้เจอกันใหม่ตามวันเวลาที่เริ่มข้อตกลงนะคะ สวัสดีค่ะ” แล้วเสี่ยใหญ่ ก็ต้องรับไหว้ลมฟ้าอากาศ จากที่เธอสะบัดสะโพกเดินออกไปเมื่อสักครู่
“แจ่มสมคำร่ำลือมั้ยครับเสี่ย” ลูกน้องคนสนิทถามอย่างเจ้าเล่ห์ เพรามันเองก็มองเธอแบบไม่วางตาเหมือนกัน
“อั๊วทุ่มไม่อั้นบอกเลย! ฮ่าๆ”