บท
ตั้งค่า

บทที่5

สองเดือนต่อมาภายใต้แสงจันทร์เหลืองอร่ามยามค่ำคืนที่งดงามท้องฟ้าปลอดโปร่งดวงดาวทอแสงเจิดจรัส ยามจื่อยามที่ดวงจันทร์เต็มดวงกำลังทอแสงเจิดจ้าทุกสรรพสิ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ณ เรือนหลานหลิงเด็กน้อยหลานหลิงและตาเฒ่าทั้งสองที่กำลังหลับไหล กลับมีสิ่งมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นบนเรือนกายของเด็กน้อย อักขระมากมายพลันปรากฏร่างเล็กร้อนดังเปลวไฟ ตาเฒ่าหยางเซินที่กำลังจะคว้าตัวหลานสาวเข้าไปกกกอดอย่างที่เคยทำทุกคืน กลับต้องสดุ้งแทบตกเตียงความร้อนที่สัมพัสได้ ทำให้ตาเฒ่าหยางเซินผู้เป็นตาตกใจมิใช่น้อย ไม่รอช้าภายใต้แสงสลัวรางที่แสงจันทร์ไม่อาจสาดส่องถึง ตาเฒ่าหยางเซินรีบจุดตะเกียงเพื่อให้เกิดเเสงสว่างภายในห้องนอนของหลานสาว เพื่อที่จะได้มองทุกอย่างได้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อมีการเคลื่อนไหวมีหรือตาเฒ่าหย่งเหอผู้มีวรยุทรและพลังปรานระดับจักรพรรดิขั้นกลางอย่างเขาจะไม่รู้สึกตัว เมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงหมายจะคว้าตัวหลานสาวมาไว้ใกล้ตัวเพื่อป้องกันภัย แต่กลับต้องสดุ้งตกใจเพราะความร้อนที่ร่างเล็กจ้อยปล่อยออกมาแทบเผาเขาเป็นจุน ตาเฒ่าหยางเซินที่รีบร้อนออกไป เพื่อที่จะไปตามหมอมาดูอาการของหลานสาวทำให้ที่จวนตระกูลไป๋ในเวลานี้เกิดความวุ่นวายราวกับกำลังจะเกิดสงคราม

"พ่อบ้านเล่อเจ้าอยู่ไหนไปตามอี้เทียนมาพบข้าเดียวนี้"เสียงคำรามลั่นของตาเฒ่าหยางเซินที่แฝงไปด้วยพลังปรานระดับจักพรรดิขั้นปลายทำให้ทั้งจวนแตกตื่น พ่อบ้านเล่อสะดุ้งตัวตื่นคว้าเสื้อคลุมได้ก็บึ่งมาพบนายแห่งตนทันที เมื่อวิ่งมาได้สักพักก็หันรีหันขวางไม่รู้จะไปทางไหนดี ภายใต้เเสงจันทร์นวลผ่องก็ปรากฏบุรุษชุดขาวเดินวนไปมาท่าทางกระสับกระส่ายกระวนกระวายอยู่หน้าเรือนหลักหลังใหญ่เจ้าพอดี เล่อถงไม่รอช้ารีบบึ่งเข้าไปหาทันที เมื่อพ่อบ้านเล่อมาถึง ไม่ถึงจิบชาบุตรชายทั้งสามร่วมถึงฮูหยินซานซานก็มาถึงเช่นกัน เมื่อตาเฒ่าหยางเซินเห็นหน้าบุตรชายคนโตก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยความต้องการของตนทันที

"อี้เทียนเจ้าช่วยไปตามหมอหลวงมาที ตอนนี้อาหลิงตัวร้อนราวกับไฟ เร็วๆเข้า"ในความสับสนวุ่นวายจู่ๆตาเฒ่าหย่งเหอก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับเอ่ยวาจาเพียงคำว่า

"ตามหมอ ๆๆ"ทุกสายตาจึงมองไปยังตาเฒ่าหย่งเหอเป็นตาเดียว เมื่อทุกคนได้สติกลับมาน้ำเสียงเชิงตำนิจึงถูกสาดใส่ตาเฒ่าหย่งเหออย่างจัง

"แล้วอาหลิงอยู่กับผู้ใด"ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของตาเฒ่าหย่งเหอกลับยิ่งซีดลงกว่าเดิมขาที่กำลังจะก้าวไปยังเรือนหลานหลิงกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อพืชพรรณนานาที่อยู่รอบๆเรือนและบริเวณใกล้เคียงคลายกับมีชีวิตทั้งเรือนถูกปกคลุมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดคลายกับรังไหม เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ิมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนไป๋หนิงอันอายุเจ็ดปีมันเป็นการตื่นของพลังธาตุ แต่ทุกคนจะไม่แปลกใจเลยหากเด็กน้อยที่อยู่ในเรือนแห่งนั้นจะมีอายุระหว่างเจ็ดถึงสิบขวบปี

แต่นี้เด็กน้อยอายุพึงจะห้าขวบปีวันนี้เองทุกคนต่างเพ่งมองไปยังเรือนหลานหลิงด้วยอารมณ์ที่หลากหลายบ้างห่วงกังวล บ้างตื่นเต้นยินดี บ้างถึงกับนิ่งอึงตะลึงลานโดยเฉพาะข้ารับใช้ ไม่นานหลังจากพืชพรรณปกคลุมทั้งเรือน จู่ๆแสงสว่างเจิดจ้าก็สว่างวาบขึ้นเพียงชั่วพริบตาก็ดับไป แต่ทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์กลับเห็นได้ชัด พ่อบ้านเล่อถึงกับอุทานคลายคนละเมอ นั้นใช่ธาตุเเสงหรือไม่

ทุกคนต่างหันมามองหน้าพ่อบ้านเล่อ แต่ก็แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะทุกคนกำลังจดจ่ออยู่ที่เรือนหลานหลิงไม่ถึงจิบชาหลังจากแสงสว่างเจิดจ้าดับลงก็ปรากฏเปลวไฟบรรลัยกัลไฟที่มีเปลวเพลิงเป็นสีน้ำเงินฟ้า

ไฟที่มีเพียงแต่ในตำนานว่ากันว่าเปลวไฟสีน้ำเงินฟ้าไม่อาจเผาทำลายสิ่งใดได้นอกจากภูตผีและปีศาจ และยังกล่าวไว้อีกว่าไฟบรรลัยกัลนั้นยังช่วยรักษาอาการบาทเจ็บหรือถูกพิษร้ายจากเผามาร

เผามารนั้นเกิดมาจากเหล่าวิญญาณร้ายที่อยู่ในขุมนรกอเวจีที่อยู่ลึกที่สุดหลอมรวมกันกลายเป็นจิตมารและเมื่อก่อเกิดเป็นจิตมารขึ้น จิตมารนั้นก็หลอมรวมเอาความโสมมความอิจฉาริษยาความดำมืดในจิตใจคน แฝงกายอยู่ภายใต้ความนึกคิดควบคุมและครอบครอง

จนในที่สุดพวกมารก็แผ่ขยายและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆพลังของพวกมันแข็งแกร่งยากต้านทาน เมื่อการขยายเผาพันธุ์ของเผามารรู้ไปถึงหูของเผาเทพ เผาเทพจึงส่งเทพหลิงซานลงมาพร้อมกับสัตว์เทพทั้งสี่ก็คือเสือขาว หงส์ไฟ มังกรน้ำแข็ง และเต่าดำ ด้วยเทพหลิงซานนั้นมีพลังเป็นเปลวไฟบรรลัยกัลที่สามารถชำระล้างจิตมารได้ สงครามระหว่างเทพและมารในครั้งนั้นทำให้จิตมารกระจัดกระจายแทรกซึมอยู่ทุกที่และพลังของสี่สัตว์เทพเองก็เช่นกัน สัตว์น้อยใหญ่ที่สัมผัสโดนกลายเป็นสัตว์ที่มีพลังวิญญาณไม่เว้นแม้แต่พวกมนุษย์สงครามในครั้งนั้นยาวนานนับพันปีจนในที่สุดเทพหลิงซานที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานนับพันปีและสี่สัตว์เทพก็เกิดความอ่อนล้า

เทพหลิงซานจึงตัดสินใจสละจิตเทพที่เฝ้าบำเพ็ญเพียรมานานหลายหมื่นปีเพื่อสะกดจิตมารด้วยจิตมารที่ถูกสั่งสมมานานหลายหมื่นปีทำให้พลังของเทพหลิงซานไม่อาจชำระล้างให้หมดไปได้และขณะนั้นพลังของเทพหลิงซานก็เหลือเพียงสามในสิบส่วนสัตว์เทพทั้งสี่เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน จึงทำให้เทพหลิงซานตัดสินใจสละจิตเทพ

เมื่อองค์รัชทายาทเเห่งเผาเทพทราบว่าหญิงในดวงใจจะสละจิตเทพเพื่อสะกดจิตมารก็รีบเสด็จลงมาเพื่อจะขัดขวางหากแต่เมื่อมาถึงทุกอย่างกลับสิ้นสุดลงแล้ว จิตมารถูกสะกดดวงจิตของเทพหลิงซานแตกกระจัดกระจายสัตว์เทพทั้งสี่ร่างกายหดเล็กเหลือเท่าสัตว์ธรรดาทั่วไปและเฝ้ารอการกลับมาของเทพหลิงซาน

เรื่องเล่าปรัมปราที่ถูกเล่าขานต่อๆกันมา และไฟบรรลัยกัลที่ถูกล่าวถึงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขางดงาม มีเพียงคำนี้เท่านั้นที่กล่าวออกมาได้ แสงสีฟ้าเปล่งประกายลุกโชติช่วงชัชวาล ไม่นานก็ดับลงและทุกอย่างก็หายไป การหายไปของเรือนที่ถูกห่อหุ้มด้วยพืชพรรณต่างๆสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้เฝ้ามองยิ่งนัก ตาเฒ่าหย่งเหอที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกละคนหวาดหวั่น ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปยังที่ตั้งของเรือนหลานหลิงเป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อแขนอีกข้างถูกรั้งไว้ด้วยใครอีกคน

"ช้าก่อน"ตาเฒ่าหยางเซินที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างตาเฒ่าหย่งเหอตั้งแต่เมื่อใดนั้น ได้เอ่ยรั้งอีกฝ่ายไว้ตาเฒ่าหย่งเหอเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยแต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายกล่าวเตือนอย่างว่าง่าย สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนยิ่งนักแม้ภายในใจจะหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่รอยยิ้มกับประดับอยู่บนใบหน้าอย่างมิอาจห้าม ไม่นานเรือนทั้งหลังที่หายไปก็กลับมาราวกับไม่เคยหายไปไหนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนยิ่งนัก เรือนที่เคยปกคลุมไปด้วยพืชพรรณนานาก็กลับมาเหมือนเดินทุกประการเมื่อทุกอย่างสงบลงเสียงสั่งการเด็ดขาดของตาเฒ่าหยางเซินก็ดังขึ้น

"เก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับหากมีใครแพร่งพรายออกไปจัดการมันชะ"ว่าจบก็เดินไปยังเรือนที่หลานสาวเพียงคนเดียวกำลังนอนหลับอยู่ตามมาติดๆคือตาเฒ่าหย่งเหอและคนอื่นๆ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปภายในเรือนกลับต้องหยุดชะงัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel