บทที่16 เหล่ากรรมการที่ตกตะลึง
ในขณะที่รอนักแสดงบนเวทีเตรียมตัว ทางด้านคณะกรรมการที่นั่งอยู่ ก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการตัดสิน
“ เกิดอะไรขึ้นกับทีมของเด็กสาวคนนั้น ทำไมเพื่อนร่วมทีมของเธอถึงถอนตัวกันหมด ” นักไวโอลินชาวฝรั่งเศสถามขึ้น
“ นั่นสิ…หรือว่าเตรียมตัวมาไม่ดี ” ดาราชายก็ตั้งข้อสงสัย
“ เธอคงจะไปทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่พอใจแน่นอน หรือไม่ก็เพราะรู้ตัวว่าจะต้องขายหน้าเลยไม่กล้าขึ้นเวที ฉันว่าเราอย่าไปสนใจเรื่องของเด็กคนนั้นเลย มาพูดถึงเรื่องคนที่จะเป็นตัวแทนของโรงเรียนดีกว่า ฉันขอเสนอชื่อ ไป๋ฮัวหลิง ” อาจารย์สอนดนตรีพูดขึ้น
“ แต่พวกเรายังชมการแสดงยังไม่ครบทุกทีมเลยนะ…คุณจะไม่ด่วนตัดสินใจไปหน่อยเหรอ ” นักไวโอลินชาวฝรั่งเศสพูดแย้งขึ้น
“ คุณเฉินอี้…ฉันรู้สึกว่าคุณจะอยากให้ไป๋ฮัวหลิงเป็นผู้ชนะจังเลยนะ จากที่ฉันทราบมาแขกรับเชิญของไป๋ฮัวหลิง ก็เป็นคนในสังกัดของคุณใช่ไหม ” นักจัดรายการเพลงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ลี่ฉุย! นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ” เฉินอี้พูดขึ้นเสียงดัง เขาเป็นอาจารย์สอนดนตรีที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ ไม่มีทางยอมให้ใครมาทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย
“ คุณก็รู้อยู่แก่ใจ…ตัวผมเองก็รู้จักกับเด็กสาวที่กำลังจะแสดง เธอมาทำงานพิเศษที่บริษัทผม ด้วยนิสัยที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้พนักงานทุกคนต่างก็รักเธอ ผมยังเคยยืนดูการซ้อมของเธอกับเพื่อนมาหลายครั้งแล้ว พวกเธอไม่ใช่คนที่เตรียมตัวมาไม่ดีแน่นอน” ลี่ฉุยพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“ ผมสงสัยว่าเหตุผลที่เพื่อนๆของเธอถอนตัวจะเป็นฝีมือของ ไป๋ฮัวหลิง ” ลี่ฉุยพูดสิ่งที่เขาคิดขึ้น เพื่อนๆของจ้าวหยูเหมยเคยเล่าเรื่องการกระทำของไป๋ฮัวหลิง ให้เขาฟัง
“ นายอยากจะพูดอะไรก็พูดได้…ฉันว่าเป็นนายมากกว่า ที่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาใช้ แล้วฉันอยากจะบอกอะไรไว้อย่าง ต่อให้จ้าวหยูเหมยโดนกลั่นแกล้งจริงๆ การที่เธอไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ นั่นก็เพราะเธออ่อนแอเอง ”
“ ความคิดไร้เดียงสาที่คิดว่ามีแต่พรสวรรค์ที่ดีแล้วจะทำได้ทุกอย่างน่ะ มันใช้ไม่ได้กับวงการนี้ พวกคุณทุกคนที่เป็นกรรมการก็น่าจะรู้ดี เส้นสายก็เป็น1ในความสามารถที่สำคัญเหมือนกัน ”
“ หากเธอได้รับเลือกไป แล้วเจอเหตุการณ์แบบวันนี้อีก คนที่ขายหน้าที่สุดก็คือพวกเราที่เป็นกรรมการคัดเลือกเธอ!” เฉินอี้พูดขึ้นอย่างถือดี
กรรมการทุกคนก็ได้แต่นิ่งเงียบไป ไม่มีใครพูดขัดขึ้น ทุกคนก็รู้ดีว่าสิ่งที่เฉินอี้พูดมานั้นเป็นความจริงทุกอย่าง
ในวงการเพลงหรือวงการบันเทิง หากคุณไม่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ก็เป็นได้แค่หินให้คนอื่นเหยียบขึ้นไปเท่านั้น
แม้แต่ตัวลี่ฉุยเองก็เข้าใจเรื่องนี้ เพียงแต่เขารู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรมต่อความพยายามตลอดมาของจ้าวหยูเหมยเท่านั้นเอง เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียใจ
หืม
“ คุณเป็นอะไรไป ” ลี่ฉุยหันไปถามดาราชายที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความสงสัย ตอนนี้ใบหน้าเขาแข็งค้างไปแล้ว
“ พวก…พวกคุณลองฟัง ” ดาราชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงติดขัด ใบหน้าเขาฉายแววตื่นเต้นสุดกำลัง
!!
“ ไม่…เป็นไปไม่ได้ ” เฉินอี้ พึมพำขึ้นด้วยความตกใจ ตัวเขากำลังจะพูดเยาะเย้ยลี่ฉุยอีกซักหลายประโยค แต่เมื่อได้ยินเสียงเพลงบนเวที ก็พูดไม่ออกไปในทันที
“ My heart already fly to the other side of the city ”
“ I wanna see you and tell you all the feelings in my heart ”
“ เสียงนี้มัน…เป็นไปไม่ได้ ” นักไวโอลินชาวฝรั่งเศส ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“ ไม่มีทาง!…คนระดับนั้นจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง ” เฉินอี้พูดขึ้นให้กรรมการทุกคนได้ยิน เขารู้ข้อมูลของจ้าวหยูเหมยดี
เด็กสาวยากจนที่ไม่มีตังจ่ายค่าเทอม จะไปรู้จักคนระดับนั้นได้อย่างไร คงเป็นคนที่เสียงคล้ายมากกว่า
กรรมการคนอื่นที่ได้ยินก็เริ่มสงบลง พวกเขาเองก็ลืมคิดไป
“ I want you by my side. Share everything in life
I want to say every day ”
“ My love only for you… ”
“ คุณหนู…” ลี่ฉุยพึมพำออกมาเสียงเบาไม่ให้ใครได้ยิน คนอื่นอาจจะไม่แน่ใจว่าคนที่ร้องเพลงนั้นคือใคร
แต่ตัวเขานั้นรู้ดี เพราะท่านผู้เฒ่าลี่ให้เขาเป็นคนไปรับคุณหนูจากสนามบินมาเอง ซึ่งการกลับมาของคุณหนูนั้นได้ถูกปิดเอาไว้เป็นความลับ
แต่ตอนนี้ตัวเขากลับรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไหนคุณบอกว่าอยากอยู่เงียบๆเพื่อพักผ่อน…
ไหนคุณบอกว่าไม่ชอบให้มีคนมาติดตาม ไม่อยากเป็นจุดสนใจ…
แล้วตัวคุณทำไมเล่นใหญ่ขนาดนี้…
เขาเอามือก่ายหน้าผากตัวเองด้วยความเหนื่อยหน่าย เอนหลังพิงไปทางพนักเก้าอี้ด้วยความหนักใจ
“ ไม่เป็นไร…พวกผู้ชมคงยังไม่รู้หรอก อาจจะคิดว่าแค่เสียงคล้ายก็ได้ สมัยนี้พวกcoverเพลงเก่งๆก็มีเยอะที่เสียงร้องเหมือนต้นฉบับ ” ลี่ฉุยคิดเข้าข้างตัวเอง
ตอนนี้คุณหนูใส่วิกผมสีดำยาวถึงกลางหลัง แล้วสวมหมวกปีกกว้างทับ อีกทั้งยังมีแว่นกันแดด คงดูไม่ออกหรอก
ปกติผมของลี่เหยาเหยามีสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่า ทำให้จ้าวเทียนที่มีความทรงจำจากภาพถ่ายจำเธอไม่ได้ในตอนแรก
หลังการแสดงจบลง เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นกว่าครั้งไหนๆ มันดังก้องไปเป็นเวลานาน จนพิธีกรต้องพูดให้ผู้ชมสงบลง
“ เอาละครับการแสดงรอบสุดท้ายก็ได้จบลงไปแล้ว ทางคณะกรรมการมีอะไรจะแนะนำผู้แสดงไหมครับ ” พิธีกรชายพูดขึ้น สายตาเขาแอบมองไปที่ลี่เหยาเหยาหลายครั้ง ตัวเขาเองก็ตกใจกับเสียงร้องที่แสนไพเราะนี้มาก
แต่ก็คิดเช่นเดียวกันกับกรรมการคนอื่น ที่คงเป็นนักร้องรับเชิญที่เสียงคล้ายมากกว่า อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นแฟนคลับของลี่เหยาเหยา เขารู้ดีว่าตอนนี้เธอยังอยู่ที่ฝรั่งเศส
ตอนนี้จ้าวหยูเหมยได้มายืนอยู่กลางเวทีกับลี่เหยาเหยา สายตาเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าสวมแว่นกันแดดสีดำ ด้วยสายตาเป็นประกาย
คนอื่นอาจจะไม่แน่ใจ แต่ตัวเธอยืนใกล้ชิดกับซุปเปอร์สตาร์ที่ชื่นชอบขนาดนี้ หากยังมองไม่ออกอีก ก็คงต้องพิจารณาตัวเองแล้ว
ผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอเอาดีทางด้านดนตรี ก็คือพี่สาวคนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆเธอนี้เอง
ความใฝ่ฝันของเธอ ก็คืออยากยืนอยู่บนเวทีเดียวกับซุปเปอร์สตาร์คนโปรด และร่วมแสดงด้วยกัน ไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นจริงได้เร็วขนาดนี้
“ พี่เหยาเหยาคะ…หนูจะไม่บอกใครค่ะ” จ้าวหยูเหมยกระซิบออกมาเบาๆ ถึงเธอจะยังเด็กแต่ก็มีความคิด อีกฝ่ายลงทุนปกปิดตัวเองขนาดนี้แสดงว่าไม่อยากให้ใครรู้
เธอเองก็อยู่ในกลุ่มแฟนคลับเช่นกัน จึงคิดได้ว่าลี่เหยาเหยาคงจะกลับมาจากฝรั่งเศสแบบเป็นความลับ
“ ขอบใจจ๊ะ…เดี๋ยววันนี้เราไปทานข้าวด้วยกันนะ ” ลี่เหยาตอบด้วยรอยยิ้ม เด็กคนนี้น่ารักจริงๆที่รู้ใจเธอ
หลังจากนั้นคณะกรรมการก็เริ่มให้คำแนะนำ
“ ผมก็คิดว่าเธอพยายามได้ดีนะ แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะเตรียมตัวไม่พอแต่เธอก็ยังขึ้นมาแสดงต่อ โดยเฉพาะแขกรับเซิญของเธอนั้นเสียงเพาะมาก ” เฉินอี้รีบพูดขึ้นก่อน เขาพยายามพูดกดจ้าวหยูเหมยลง ทั้งยังเป็นการสื่อไปว่าที่การแสดงออกมาดีเพราะแขกรับเชิญ
“ แต่ผมว่า…เธอเล่นได้ดีมาก การแสดงของเธอสื่อความรู้สึกของเพลงออกมา มันได้จับใจผู้ฟังมากที่สุดในวันนี้ ” ลี่ฉุยก็รีบพูดขึ้นบ้าง เขาไม่ยอมให้เฉินอี้ทำสำเร็จ
“ ผมก็ว่าเธอเล่นได้โอเคนะครับ ” ดาราชายเอ่ยออกมาสั้นๆ ไม่ได้มีคำชื่นชมเหมือนตอนไป๋ฮัวหลิง เพราะที่จริงเขามัวแต่สนใจนักร้องรับเชิญจนไม่ได้สนใจนักแสดงเลย
ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับนักไวโอลินจากฝรั่งเศส ตัวเขาเองก็เป็นแฟนคลับของลี่เหยาเหยาเหมือนกัน ทำให้สนใจแต่เสียงร้องอย่างเดียว
ลี่เหยาเหยาที่ได้ยินคำพูดของกรรมการนั้น มีแววตาเปลี่ยนไปทันที การแสดงของจ้าวหยูเหมยนั้นดีมาก แม้เธอจะขึ้นมาแสดงคนเดียว แต่กลับดีกว่าทีมก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แต่พวกกรรมการกลับพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเบื้องหลัง
เมื่อมองไปที่แววตาเศร้าเสียใจของจ้าวหยูเหมย มันก็ได้กระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเธอขึ้น ในอดีตเพราะได้คุณปู่ของเธอคอยช่วยเหลือ ทำให้มีตัวเธอในทุกวันนี้
และเพราะเหตุการณ์ในอดีต ทำให้เธอเป็นคนที่ปกป้องพวกพ้องของเธออย่างถึงที่สุด กระบวนการความคิดของเธอนั้น ตอนนี้ได้นับเอาจ้าวหยูเหมยเป็นน้องสาวของเธอโดยไม่รู้ตัว
สายตาของเธอมองไปทางจ้าวเทียนครู่หนึ่งแล้วคิดขึ้น
‘ พรุ่งนี้จ้าวเทียนจะต้องไปรักษาคุณปู่ ฉันจะปล่อยให้น้องสาวเขาโดนรังแกต่อหน้าได้ยังไง’
ตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนประกาศผลแล้ว ซึ่งผู้แสดงทุกทีมขึ้นมาอยู่บนเวทีจนหมด รายชื่อผู้ชนะถูกส่งมาอยู่ในมือของพิธีกรเรียบร้อยแล้ว เขาก็ประกาศขึ้นในทันที
“ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของเมืองเทียนจินได้แก่ ”
“ ไป๋ฮัวหลิง”
“ ขอให้ทุกคนปรบมือแสดงความยินดีกับผู้ชนะด้วยครับ”
หลังจากพิธีกรพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังสนั่นทันที
ทางฝั่งของกรรมการ ลี่ฉุยได้นั่งมองไปยังจ้าวหยูเหมยด้วยความเสียใจ กรรมการอีกสามคน เห็นด้วยกับเหตุผลของเฉินอี้ ทำให้ผลเป็นแบบนี้
“ ฉันบอกแล้ว…เธอมันเทียบฉันไม่ได้หรอก” ไป๋ฮัวหลิงได้หันไปพูดใส่หน้าจ้าวหูยเหมยด้วยความสะใจ
จ้าวเทียนที่แม้จะอยู่ไกล แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของเด็กสาวคนนั้นชัดเจน ความโกรธเกรี้ยวของเขาก็ระเบิดออกมา บรรยากาศกดดันรอบๆตัวจ้าวเทียนกระจายไปทั่ว จนคนที่อยู่ด้านข้างแทบจะหายใจไม่ออก
“ นี่…มันเกิดอะไรขึ้น ” ชายใส่แว่นที่นั่งข้างจ้าวเทียนพูดขึ้นแบบอ่อนแรง อยู่ดีๆเขาก็รู้สึกมือไม้อ่อน หายใจไม่ค่อยออก
จ้าวหยูเหมยที่ได้ยินคำเยาะเย้ยของไป๋ฮัวหลิงนั้น ได้แต่กัดฟันแน่น น้ำตาแห่งความเสียใจที่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมา
มือทั้งสองของเธอนั้นกำแน่น เมื่อคิดถึงความทุ่มเทที่พยายามตลอดมา
“ พี่เหยาเหยาคะ…หนู ” เมื่อหันไปสบตากับซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจ ความเข้มแข็งของเธอที่ฝืนไว้ก็พังทลายลง
เธอพุ่งเข้าไปกอดลี่เหยาเหยาไว้แน่น แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“ เธออย่าพึ่งสิ้นหวัง…เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอก ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้น เธอลูบหัวเด็กสาวในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
“ รออยู่ตรงนี้นะ ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปหาพิธีกรชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ ขอโทษนะคะ…ฉันขอยืมไมค์หน่อยได้ไหม”