บทที่ 7 ซูโม่จวิน
โอ้แม่เจ้า มันสุดยอดไปเลย!
เดิมทีหวังโต้วโต้วเป็นคนที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเมืองซูอยู่แล้ว และได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในหกของดาวมหาวิทยาลัย
การกระทำของเธอจะถูกคนจับตามองอยู่ทุกที่ทุกเวลา
และเรื่องใหญ่ขนาดนี้ การถูกคนพูดถึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องบอกเลยว่าหวังโต้วโต้วเป็นคนหลับเก่งมาก เธอหลับยาวไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเลยตลอดคาบเรียน มีน้ำลายไหลอยู่ที่มุมปาก และใบหน้าข้างหนึ่งของเธอถูกบีบทับจนผิดรูป
แต่ก็ยังไม่สามารถปิดบังใบหน้าที่อ่อนวัยและความน่ารักของเธอได้
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถึงเวลาพักเที่ยง และหวังโต้วโต้วก็ยังคงหลับใหลอยู่
เฉินปู้ฝานลุกขึ้น และออกไปเดินเล่นคนเดียว
เมื่อก่อนเขามักจะอาศัยอยู่แค่บนเขา มีโอกาสลงจากเขาน้อยมาก ตอนนี้อาจารย์แม่ปล่อยให้เขาได้ออกมาใช้ชีวิตเอง ทำให้รู้สึกราวกับว่านกที่หลุดพ้นจากกรงขัง
ความรู้สึกค่อนข้างซับซ้อน ในด้านหนึ่งเขาก็ทนห่างจากอาจารย์แม่ไม่ได้ แต่ในทางกลับกันก็ความปรารถนาอยากจะลองออกมาชีวิตเองดู
เฉินปู้ฝานมาถึงสนามกีฬา เพราะเขาแต่งตัวไม่เหมือนใคร จึงมีคนหันมองเขาตลอดทาง และบางคนก็มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“เฮ้ ผู้ชายคนนี้เหมือนจะเป็นแฟนของหวังโต้วโต้วเลยนะ”
“ฉันก็เห็นในกลุ่มเหมือนกัน ไม่ผิดแน่นอน”
“ผู้ชายคนนี้หล่อมาก ฉันชอบเขา”
“หยุดมโนค่ะสาว หวังโต้วโต้วอยู่ในระดับไหน แล้วเธออยู่ระดับไหน ใบหน้ามีขี้แมลงวันและฝ่าเต็มหน้าแบบนี้ เขาไม่มีทางหันมองเธออย่างแน่นอน”
“ฮัลโหล เด็กสาวที่รวยที่สุดในโลก และมีสนามบินส่วนตัว”
“......”
ขณะที่เฉินปู้ฝานกำลังเดินเล่นอยู่ เฮ่อซานที่อยู่สถานบันเทิงมีสายเรียกเข้า
“สวัสดีครับ พี่ใหญ่ ได้ข่าวคราวของไอ้เด็กคนนั้นแล้วครับ” ชายหนุ่มผมสีแดงกล่าวด้วยความเคารพ
"บอกมา!"
“เขาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองซู เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองซู”
“ข่าวเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน” เฮ่อซานเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เชื่อถือได้100%ครับ ลูกพี่ลูกน้องของผมก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองซู และรูปถ่ายของไอ้เด็กนั้นก็ปรากฏบนกลุ่มของมหาวิทยาลัยด้วยครับ”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” เฮ่อซานวางสาย และยกยิ้มมุมปาก สะท้อนให้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียด
จากนั้นเขาก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต จุดไฟบุหรี่ และพ่นควันออกมา
“ได้อาวุธมาหรือยัง” เฮ่อซานนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู และในมือถือแก้วที่มีไวน์ราคาแพง
“พี่ใหญ่ เวลาค่อนข้างเร่งรีบ ผมเลยหามาได้แค่กระบอกเดียวเท่านั้น” ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาตอบ “ถ้าพี่ให้เวลาผมอีกสองวัน จะสามารถหาเพิ่มได้อีกสองสามกระบอก”
“กระบอกเดียวก็เกินพอแล้ว ลงมือกันวันนี้เลย ฉันต้องการให้ไอ้เด็กนั่นตาย” เฮ่อซานพูดอย่างโกรธแค้น
เขารอไม่ไหวแล้ว!
ตามที่คาดไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ถูกเผยแพร่จนมีคนได้ยิน
แค่ในช่วงเช้า ก็มีสองสามสายโทรเข้ามา
ปากก็พูดว่าเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริงแค่ต้องการมาเยาะเย้ยเขาเท่านั้น
ถามว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขามั้ย เมื่อวานโดนกระทืบได้รับบาดเจ็บรึเปล่า เป็นอะไรมากมั้ย
ไอ้เด็กนั้นคือใคร จะช่วยจัดการให้เอามั้ย
เสแสร้งจอมปลอมกันมาก
เฮ่อซานกับพวกเขาความสัมพันธ์เป็นยังไง ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
พวกเขาแข่งขันกันอย่างลับๆ และคอยขัด คอยซ้ำเติมตอกย้ำกันมานานหลายปีแล้ว
การโทรมาถามไถ่จะเพราะอะไรน่ะเหรอ นอกจากโทรมาสมน้ำหน้าแล้วก็คงไม่มีเจตนาดีอะไร
อัปยศ!
“พี่ใหญ่ ให้หาลูกน้องเพิ่มมั้ยครับ”
“มีอาวุธจะกลัวอะไรอีก มันเก่งถึงขั้นสามารถหลบกระสุนได้งั้นเหรอ” เฮ่อซานยิ้มอย่างเย็นชา หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มทีเดียวจนหมดแก้ว
ในห้องเต็มไปด้วยแรงอาฆาต!
......
เฉินปู้ฝานเดินเล่นเงียบๆ อยู่คนเดียว เพื่อสัมผัสบรรยากาศของมหาวิทยาลัย
เมื่อมองดูนักเรียนที่อายุไล่เลี่ยกับตัวเอง เขาอยากจะกลมกลืนให้เข้ากับพวกเขา
เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ และแทบไม่รู้จักใครเลย นอกจากศิษย์พี่และอาจารย์แม่
และทันใดนั้น ก็มีมือหนึ่งวางลงบนไหล่ของเขา จากนั้นเสียงก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“เพื่อน นายเป็นแฟนของหวังโต้วโต้วใช่มั้ย”
เมื่อหันกลับไปก็เห็นเด็กผู้ชายผิวขาว สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร หน้าตาใสสะอาด และผิวที่อ่อนโยนราวกับเด็กผู้หญิง
ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าที่สวยกว่าผู้หญิง
เกิดมาเพื่อเป็นรับ
เสียงของเขาบางเบา ฟังแล้วรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าสมบูรณ์แบบฉบับลูกรักพระเจ้า หล่อสูงสง่าผ่าเผย ดั้งจมูกสูง ดวงตากลมโต และออร่าลูกหลานมหาเศรษฐีผู้สูงส่งเอ่อล้น
นี่คือสิ่งที่เฉินปู้ฝานรู้สึกเมื่อเห็นบนใบหน้าของเขา และนี่ก็เป็นความรู้แรกที่มีต่อเขา
“เอ่อ!” เฉินปู้ฝานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ”
“มันเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วกลุ่มมหาวิทยาลัย”
ผู้ชายที่ถูก......ไม่สิ ผู้ชายที่อัธยาศัยดีคนนี้ เมื่อเริ่มพูดไปแล้ว เขาก็จะพูดไม่หยุดเลย
“ในกลุ่มงั้นเหรอ ฉันไม่รู้เรื่อง” เฉินปู้ฝานส่ายหัว “ฉันกับหวังโต้วโต้วเราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
“นายไม่ใช่แฟนของหวังโต้วโต้วจริงๆ เหรอ”
"ไม่ใช่!"
“งั้นก็ดี” ผู้ชายยกมือลูบหน้าอกแล้ว แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดียังไง” เฉินปู้ฝานไม่ค่อยเข้าใจ
“ไม่มีอะไร ทำความรู้จักกันหน่อย ฉันชื่อซูโม่จวิน”
“เฉินปู้ฝาน!”
“เป็นชื่อที่ไม่เลวนะ” ซูโม่จวินหัวเราะเล็กน้อย “นายเพิ่งย้ายมาที่นี่ใช่ไหม”
"อืม!"
“ฉันก็เหมือนกัน เพิ่งย้ายมาได้แค่อาทิตย์เดียว” ซูโม่จวินยื่นมือออกมา ซึ่งผิวขาวและเรียบเนียนกว่าผู้หญิง “นับจากนี้เราถือว่ารู้จักกันแล้วนะ”
เฉินปู้ฝานไม่ตระหนี่ และยื่นมือทั้งสองข้างไปจับ
“เราไปคุยกันที่นั่นกันเถอะ จะได้คบหาเป็นเพื่อนกัน”
"ได้สิ"
ทั้งสองมาถึงศาลา ซึ่งมีต้นไม้และดอกไม้มากมายล้อมรอบ
ตอนนี้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว นั่งอยู่ในศาลา มีลมพัดเย็นสบาย
“เฉินปู้ฝาน นายกับหวังโต้วโต้วรู้จักกันได้ยังไง ว่ากันว่าวันนี้นายนั่งรถมากับเธอด้วย แล้วพวกนายสองคนเป็นอะไรกัน”
ดูเหมือนว่าซูโม่จวินจะรักความสะอาดมาก เพราะก่อนจะนั่งเขาเช็ดเก้าอี้ไม้หินด้วยกระดาษทิชชู
ตั้งแต่ประโยคแรก ซูโม่จวินก็พูดถึงแต่หวังโต้วโต้วไม่ขาดปากเลย
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน หวังโต้วโต้วเป็นลูกพี่ลูกน้องของศิษย์พี่ เนื่องจากเป็นวันแรกที่ฉันเข้าเรียน ยังไม่ค่อยคุ้นเคย ก็เลยนั่งรถมาเรียนกับเธอ”
“แบบนี้นี่เอง” ซูโม่จวินเข้าใจขึ้นมาทันที
“นายชอบหวังโต้วโต้วเหรอ” จู่ๆ เฉินปู้ฝานก็เอ่ยถามขึ้น
“ไม่......ไม่ใช่” ซูโม่จวินหน้าแดงขึ้นมาทันที และรีบปฏิเสธออกไป
เฉินปู้ฝานไม่ใช่คนโง่ สามารถมองออกได้ทันที
ผู้ชายออกสาวคนนี้ชอบหวังโต้วโต้วอย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถามเรื่องเกี่ยวกับหวังโต้วโต้วไม่หยุดแบบนี้หรอก
หวังโต้วโต้วหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็จริง แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นคนอารมณ์ร้าย
ในสายตาของเฉินปู้ฝาน ซูโม่จวินคนนี้ไม่มีทางสมหวังอย่างแน่นอน
เขาชายผู้อ่อนโยน ไม่มีทางเอาชนะใจสาวแกร่งอย่างหวังโต้วโต้วได้อยู่แล้ว
และทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของเฉินปู้ฝานก็ดังขึ้น
“ว่าไง โต้วโต้ว”
“พี่ปู้ฝาน พี่อยู่ไหน ฉันเพิ่งตื่น”
“......”
“ว่าไงล่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปหา”
“นั่งอยู่ที่ศาลาตรงสนาม” เฉินปู้ฝานพูดจบก็กดวางสายไป
“หวังโต้วโต้วจะมาที่นี่งั้นเหรอ” ดวงตาของซูโม่จวินเปล่งประกายฉายแววดีใจ
"อืม!"
“นายกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันแน่นะ”
เฉินปู้ฝานยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า "ฉันเพิ่งเจอหวังโต้วโต้วเมื่อวานครั้งแรก นายคิดว่าเราจะเป็นอะไรกันได้มั้ยล่ะ"
ซูโม่จวินหัวเราะแห้ง จากนั้นหยิบกระจกและหวีเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
ส่องกระจกเพื่อจัดทรง และฉีดน้ำหอมกลิ่นผู้ชาย
เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับพกหวีและกระจกติดตัว นี่มันอ่อนช้อยกว่าผู้หญิงเสียอีก
ไอ้บ้านี้น่าจะเป็นพวกแรดเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน หวังโต้วโต้วก็เดินเข้ามาด้วยความร่าเริง
กระโดดโลดเต้นขนาดนี้ ไม่กลัวตะขอชุดชั้นในหลุดเหรอ?
ที่สำคัญมันค่อนข้างสะดุดตา
“พี่ปู้ฝาน ฉันมาแล้ว” หวังโต้วโต้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“หือ เด็กคนนี้ดูคุ้นตามากเลย”
ทันทีที่มาถึง หวังโต้วโต้วก็มองซูโม่จวินด้วยสายตาประหลาดใจ
“พี่โต้วโต้ว ผม......ผมคือโม่จวินเอง”
ซูโม่จวินลุกขึ้นยืนด้วยความประหม่า