บทที่ 5 ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์
“รับประกันความปลอดภัยของแขกงั้นรึ? น้องสาวผมเกือบโดนคนอื่นเอาเปรียบ แล้วทำไมนายถึงไม่มีคำอธิบาย” เฉินปู้ฝานถามกลับ
“สถานที่อย่างไนต์คลับ จะโดนเอาเปรียบก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง?”
เป็นความจริง!
ไนต์คลับ เด็กสาวโดนคนเอาเปรียบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
“ตามที่นายพูด ผมจะตีคนก็เป็นเรื่องปกติเหมือนกัน” เฉินปู้ฝานก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง มองคู่ต่อสู้โดยตรง ดวงตาประหนึ่งดาบสองเล่ม ไม่มีแววขลาดกลัวแม้แต่น้อย
“ไอ้หนู อวดดีนักนะ” เฮ่อซานหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา ฉายแววโหดอำมหิต เต็มไปด้วยความเย็นเยือก
“อาจารย์แม่สอนผมว่า หลังจากลงเขาแล้วอย่าได้ยอมใคร เวลาที่ควรจัดการก็จัดการ เวลาที่ควรจะเปิดเผยก็เปิดเผย”
เฮ่อซานก็เดินก้าวไปข้างหน้าตาม ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ด้วยระยะไม่ถึงหนึ่งเมตร กลายเป็นการเผชิญหน้ากัน
“กูจะให้เส้นทางที่ถูกต้องแก่มึง อย่าได้มองข้ามความหวังดีของกู”
“โอ้? ผมอยากได้ยินสิ่งที่นายเรียกว่าเส้นทางที่ถูกต้องสักหน่อย” เฉินปู้ฝานใช้นิ้วแคะหู สีหน้าดูผ่อนคลาย
ดูเหมือนเขาจะไม่กลัว และก็ไม่เห็นคนผู้นี้อยู่ในสายตา
“ตัดแขนตัวเองซะ” เฮ่อซานระบุเงื่อนไข จากนั้นก็โยนกริชแหลมคมมาให้
“ถ้าผมไม่ทำล่ะ?”
“เช่นนั้น ก็ได้แต่ให้คนของกูเป็นคนจัดการมึงเอง เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จะสูญเสียแขนเท่านั้น แต่จะเสียทั้งแขนทั้งขา จากนั้นก็จะเป็นคนพิการที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้” เฮ่อซานเอ่ยเน้นแต่ละคำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
หวังโต้วโต้วเบะปากแล้วพูดว่า "นายเก่งขนาดนี้ แม่ของนายรู้ไหม"
“สาวน้อย แกพูดอะไรน่ะ?” คนที่อยู่ข้างหลังเฮ่อซานตะคอกใส่
“แกเป็นน้องชายของเขา มีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ?”
หวังโต้วโต้วเอามือบีบเอว ใบหน้าตึงเครียด
“บังอาจทำให้ฉันโกรธ เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะพังร้านของนายได้”
“เพล้ง เพล้ง เพล้ง และเสียงติงตังจะทำให้ไนต์คลับของนายกลายเป็นร้านผีนรก”
เฮ่อซานมองหวังโต้วโต้ว เพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่กลับคิดไม่ออกในทันทีทันใด
ทว่า เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาเห็นผู้คนนับไม่ถ้วนทุกวัน
ที่ดูคุ้นเคย อาจจะเป็นเพราะมาประจำก็เป็นได้
นอกจากนี้ เขาเป็นพี่ใหญ่ในพื้นที่นี้ มีหน้ามีตา เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเขากลัวจนหัวหดก็เท่ากับว่าตบหน้าตัวเองไม่ใช่หรือไง?
เฮ่อซานแค่นเสียงเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาถอยกลับไปสามเมตรแล้วโบกมือให้สัญญาณ
“ลุย ตัดแขนขาของเจ้าหนุ่มนั่นซะ ส่วนผู้หญิงก็มัดตัวไว้”
เฉินปู้ฝานคิดไม่ถึงว่า มาถึงเมืองซูวันแรกก็ต้องลงไม้ลงมือชกต่อยทะเลาะวิวาทถึงสองครั้ง
“อ๊าก!”
“ไอ๊หยา!”
“กร๊อบ!”
“ตุบ!”
ทักษะของเฉินปู้ฝานย่อมไม่จำเป็นต้องพูดมาก เขาสามารถจัดการกับสิบกว่าคนได้อย่างง่ายดาย
รวดเร็ว แม่นยำ ไร้ความปรานี ขอแค่คนไหนแตะต้องเขา ไม่ใช่กระดูกหักก็ต้องกระแทกลงพื้นอย่างแรง
การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ไม่เยิ่นเย้ออืดอาด
เหมือนในหนังกังฟู คนคนหนึ่งต่อสู้กับสิบกว่าคนโดยไม่ต้องลงแรงเยอะ
ทุกคนมองตาค้าง จ้องมองการต่อสู้ที่น่ามหัศจรรย์ในสนามเหมือนห่านสมองทื่อ
ในใจรู้สึกประหลาดใจไม่หยุด แม่งเอ้ย ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? มียอดฝีมือในโลกแห่งความเป็นจริงเช่นนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
อยากจะตบหน้าตัวเองเพื่อยืนยันว่าเป็นความจริง ไม่อย่างนั้นก็สงสัยว่าจะเกิดภาพลวงตา
ชั่วพริบตาที่จำนวนคนล้มลงกับพื้นสิบกว่าคน เฉินปู้ฝานก็ยังไม่ยอมหยุด เงาร่างขยับไหวอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าสู่เฮ่อซาน
เฮ่อซานตกใจจนหน้าถอดสี ก่อนจะรีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยหมัดทรงพลัง
ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชีวิตบนเส้นทางนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นคนมีความสามารถ
“ผัวะ!” หมัดทั้งสองชนกัน เกิดเสียงอู้อี้
เฮ่อซานกระถดถอยไปสองสามก้าว มือที่โดนกระแทกใส่ห้อยลงมา และสั่นระริกเล็กน้อย
อยากจะควบคุมให้อยู่แต่ร่างกายก็ไม่เชื่อฟัง ร่างกายพลันสั่นอย่างรุนแรง
ในทางกลับกัน เฉินปู้ฝานนิ่งสงบดั่งขุนเขา สุขุมมั่นคง
ใครสูงใครต่ำ มองปราดเดียวก็รู้
“ตอนนี้นายยังต้องการแขนขาของผมอยู่หรือเปล่า?” เฉินปู้ฝานปรบมือ และยิ้มราวกับปีศาจร้าย
สุขุมเยือกเย็นเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แดง หายใจไม่ถี่รัว เห็นได้ชัดว่าเขายังรักษากำลังเอาไว้ได้
“นายเป็นใคร” เฮ่อซานถาม
“ผมก็คือผม” เฉินปู้ฝานยักไหล่ “การต่อสู้ในวันนี้ส่งผลกระทบต่อกิจการไนต์คลับ ถ้านายจะจัดการผม ผมก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป”
“ถ้าต้องการแก้แค้น ผมรับรองได้ว่านายจะต้องอนาถอย่างแน่นอน”
“อย่างน้อยก็ไม่ได้จบง่ายเช่นนี้”
เขาพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย
“พี่ปู้ฝานเจ๋งเป้งมาก!” หวังโต้วโต้วลิงโลด และพูดด้วยความตื่นเต้น
การชกต่อยเมื่อครู่ เธอจับจ้องอยู่ตลอด ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ไปกันเถอะ” เฉินปู้ฝานลูบศีรษะของสาวน้อย
“จะไปแล้วเหรอ? ไม่พังร้านสักหน่อยเหรอ”
“…”
“ญาติผู้พี่ของเธอส่งข้อความเร่งให้เรากลับไปได้แล้ว”
“โอ้ งั้นไปกันเถอะ” หวังโต้วโต้วพยักหน้า
ทั้งสองออกจากไนต์คลับอย่างรวดเร็ว เฮ่อซานมองแผ่นหลังของพวกเขา มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่น ข้อต่อกระดูกกลายเป็นสีขาว กลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา
วันนี้เสียหน้า แถมยังเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายอีก
หากไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิด พรุ่งนี้ก็คงจะแพร่สะพัดไปถึงหูของคนส่วนหนึ่ง
หลังจากนี้จะอยู่ต่อไปอย่างไร เวลาเจอหน้ากันก็คงจะโดนหัวเราะเยาะอย่างหนัก
ไม่ว่าจะหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเปิดเผยหรือลับหลัง จะเย้ยหยันข้างนอกหรือภายใน ก็กวาดเขาเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย
ดูเฮ่อซานสิ เขาโดนเด็กต่อย และยังได้ยินว่าเป็นแค่เจ้าเด็กยากไร้คนหนึ่ง ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร
อายแทบแทรกแผ่นดินหนี ยากที่จะเงยหน้าขึ้นมา
“พี่ชาย ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเถอะ ไม่งั้นพวกเราก็ไปขอให้ท่านหม่าซื่อออกหน้าให้เถอะ”
“แค่คนกระจอกคนหนึ่งต้องไปเชิญเขามาออกหน้าให้ ก็เท่ากับบอกว่ากูเป็นสวะไม่ใช่เหรอวะ?” เฮ่อซานพูดอย่างเย็นชา
“แล้วควรทำยังไงกันดี?”
“พรุ่งนี้ไปหาคนมาให้กู แล้วกูจะทำลายเขาเอง”
“ดี!”
…
ระหว่างทางกลับบ้าน!
“พี่ปู้ฝาน พลังบู๊ของพี่ทะลุปรอทไปแล้ว เมื่อครู่นี้โคตรยอดเยี่ยมเลย”
หวังโต้วโต้วเวลาพูดมักจะเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม และไม่ค่อยสนใจภาพลักษณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
"ก็งั้นๆ"
“นี่ยังเรียกว่างั้น ๆ แล้วอะไรที่เรียกว่าความร้ายกาจกัน”
“ถ้าจะบอกว่า วันนี้ยังแสดงความสามารถออกมาไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ จะเชื่อไหม”
“โอ้อวดให้น้อยหน่อยเถอะ ทำไมไม่ติดจรวจไว้ที่ก้นแล้วพุ่งขึ้นไปอยู่เคียงข้างพระอาทิตย์กันล่ะ” เห็นได้ชัดว่าหวังโต้วโต้วไม่เชื่อ
“จะว่าไป พี่ไปเรียนการต่อสู้มาจากใคร”
หวังโต้วโต้วอดไม่ได้ที่จะถาม หัวเล็ก ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อาจารย์แม่น่ะ” เฉินปู้ฝานโพล่งตอบโดยไม่คิด
“ไม่ถูก พี่เป็นศิษย์น้องของพี่สาว แต่ดูเหมือนพี่สาวจะไม่ได้วรยุทธ์”
“ศิษย์พี่ก็พอจะได้บ้าง แต่ได้เพียงผิวเผิน แต่เธอได้วิชาอย่างอื่นต่างหาก”
"ได้วิชาอะไร?"
“เป็นความลับ!” เฉินปู้ฝานยิ้มอย่างลึกลับ
ศิษย์พี่ทั้งสี่คนไม่ได้ดูง่าย ๆ เหมือนรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขาล้วนมีความถนัดอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นของตนเอง
ถานไถฮ่าวเยว่เป็นอัจฉริยะด้านการทำธุรกิจ แต่นั่นเป็นเพียงความร้ายกาจที่เห็นจากภายนอกต่างหาก
ความร้ายกาจที่แท้จริงก็คือ......
จินซาย่วน!
“พวกนายไปทำอะไรกันมา ดึกป่านนี้เพิ่งจะกลับมา ดูสิตอนนี้กี่โมงแล้ว” ถานไถฮ่าวเยว่สวมชุดนอนกระโปรงสีขาว เผยให้เห็นน่องทั้งตรงแหน็ว และสีขาว
เธอยืนอยู่ในห้องรับแขก เอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
“พี่สาว นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ปู้ฝานมาเมืองซูไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็เลยพาเขาไปเที่ยวเล่น”
หวังโต้วโต้วพูดโกหกโดยไม่กะพริบตา เป็นธรรมชาติมาก
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก รีบไปนอนซะ”
ถานไถฮ่าวเยว่ไม่อยากจะซักไซ้ไล่เลียงมากกว่านี้ในยามดึกดื่น
“โอ้!” หวังโต้วโต้วเดินขึ้นบันไดไปสองสามขั้น ก่อนจะหยุดชะงัก และหันกลับมาถาม
“พี่สาว ทำไมไม่ขึ้นข้างบนล่ะ”
จากนั้นก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เข้าใจแล้ว พี่อยากนอนกับพี่ปู้ฝานนี่เอง”
“ฮิฮิ น่าจะใช่แล้วละ!”
“แม้ญาติผู้พี่คนนี้จะเย็นชาไปหน่อย แต่ก็ยังเป็นผู้หญิง ในเมื่อเป็นผู้หญิง โลภในร่างบุรุษก็เป็นสัญชาตญาณ”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นศิษย์น้องชายของตัวเอง ดังนั้นมีอะไรดี ๆ ก็อย่าไปให้คนอื่นล่ะ”
"ไปให้พ้น!" ใบหน้าสวยของถานไถฮ่าวเยว่แดงระเรื่อฉับพลัน ดวงตาคู่งามจ้องเขม็งอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยปากติเตียน
“ไปก็ได้!” หวังโต้วโต้ววิ่งขึ้นชั้นบน