ตอนที่ 4
“ว่าไงนะ?! นี่นายสะเพร่าขนาดนี้เชียวหรือ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะท้องก็ได้...” เอโดเกลอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ แต่ลูเซียโนผ่านจุดนั้นมาแล้ว
“ตอนนั้นฉันคิดเพียงแค่ว่าตอนเช้าจะบังคับให้หล่อนกินยาคุมแบบฉุกเฉิน แต่แม่นั่นเจ้าเล่ห์มาก หายหัวไปตั้งแต่ตอนที่ฉันยังไม่ตื่น ฉันพลิกแผ่นดินตามหาหล่อน และสุดท้ายก็เจอ”
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่อิสตันบูลหรือ”
ลูเซียโนพยักหน้ารับ ดวงตากร้าวกระด้างน่ากลัวขึ้น “ใช่ หล่อนหนีมาหลบอยู่ที่นี่ และอีกไม่นานฉันจะลากคอแม่นั่นกลับไปอิตาลี รอจนกว่าฉันจะแน่ใจว่าหล่อนไม่ได้มีสายเลือดของฉันอยู่ในครรภ์ จากนั้นฉันก็จะปล่อยหล่อนไป”
“ฉันหวังว่านายจะไม่โชคร้ายแบบนั้น” เอโดเกลอวยพรให้เพื่อน ขณะยกแก้ววิสกี้เทลงคออย่างต่อเนื่อง
“นั่นคือสิ่งที่ฉันวิงวอนต่อพระเจ้าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา”
ลูเซียโนถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะพูดกับเพื่อนรักเมื่อนึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้
“นี่เอดี้... ฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งในงาน เธอสวยมากเลย”
เอโดเกลยังตั้งหน้าตั้งตาดื่มเช่นเดิม “ใครล่ะ ในงานก็เห็นสวยเกลื่อนไปหมด แต่ไม่มีเสน่ห์พอที่ฉันจะมองเลยสักคน”
“แต่คนนี้สวยมากนะ หน้าหวานๆ แต่ตาเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันเห็นเธอเดินออกไปทางสวนนอกงานนู้น ว่าจะเดินตามไปสักหน่อย”
ลางสังหรณ์บางอย่างในใจระเบิดขึ้น เอโดเกลวางแก้ววิสกี้และจ้องหน้าลูเซียโนเขม็ง
“ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ใส่ชุดราตรีสีทองยาวกรอมเท้า และเปลือยหลังเปิดไหล่ใช่ไหม”
“เฮ้ย! ทำไมนายรู้ล่ะเอดี้ แสดงว่านายเห็นผู้หญิงคนนี้แล้วน่ะสิ สวยใช่ไหมล่ะ ถึงจำได้ติดตาแบบนี้”
ท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนรักยิ่งทำให้เอโดเกลลุกเป็นไฟ เขาคว้าแก้ววิสกี้จากถาดของบริกรขึ้นมาดื่มจนหมดอีกแล้ว จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นยืน
“ผู้หญิงเน่าๆ แบบนั้น ทำไมฉันจะจำไม่ได้” คนพูดลุกขึ้นยืน หน้าตาเต็มไปด้วยโทสะร้าย
“นั่นนายจะไปไหนเอดี้”
“ไว้ฉันจะโทรไปก็แล้วกัน ขอตัว”
ร่างของเอโดเกลพรวดพราดเดินออกไปทางสวนนอกงานแล้ว แต่ลูเซียโนก็ยังคงอดแปลกใจกับท่าทางรีบร้อนของเพื่อนรักไม่ได้
“มันเป็นอะไรของมันนะ ไม่เคยเห็นรีบร้อนแบบนี้เลย”
น้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้งดีเลยเสียงของมัจจุราชจากขุมนรกก็ดังขึ้นที่ด้านหลังซะก่อน ลียาเม้มปากแน่นจะเดินหนีลงอีกทางจากศาลาสวย แต่ข้อมือของหล่อนก็ถูกคนตัวโตที่แสดงท่าทางว่ารังเกียจหล่อนนักหนาคว้าเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็กระชากให้หล่อนหันกลับไปเผชิญอย่างแสนเผด็จการ
“จะรีบไปอ่อยผู้ชายคนไหนอีกล่ะ”
“ปล่อยดิฉันนะคะ คุณเอดี้”
แม้จะแสนแปลกใจที่เห็นเอโดเกลมาร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ปฏิเสธนักหนา แต่ความแปลกใจนั้นก็จำต้องเก็บซ่อนเอาไว้ เพราะตอนนี้สิ่งที่ควรคิดคือการเอาตัวรอดจากน้ำมือของมัจจุราชตนนี้ให้ได้เร็วที่สุดต่างหาก
“คิดว่าอยากจะแตะ อยากจะจับนักหรือไง” เขาตวาดใส่ แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือหล่อนเช่นเคย
“งั้นก็ปล่อยสิคะ อย่ามาแตะต้องของต่ำๆ อย่างดิฉันเลย คุณเอดี้จะเปื้อนเชื้อโรคจากเนื้อตัวดิฉันเสียเปล่าๆ”
แทนที่เขาจะมองเห็นความหวังดีของหล่อน ตรงกันข้ามเขากลับยิ่งแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดและจงใจหาเรื่องมากขึ้นอีกจนน่าตกใจ
“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นในงานจับ เธอคงจะยิ้มกริ่มด้วยความดีใจสินะ”
เขาจงใจหาเรื่องหล่อนอย่างร้ายกาจ และหล่อนเองก็ไม่มีปัญญาพอที่จะไปสู้รบตบมือกับผู้ชายบ้าเลือดอย่างเขาแม้แต่น้อย
“ก็แล้วแต่คุณเอดี้จะคิดเถอะค่ะ ปล่อยดิฉันเถอะ”
หล่อบิดข้อมือสุดความสามารถ จนเกือบจะหลุด แต่แทนที่จะได้อิสรภาพคืนมา ตรงกันข้ามเขากลับรวบเอวคอดของหล่อน และดึงร่างอรชรเข้าไปกอดรัดแนบอกแทน หล่อนดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นบางสิ่งบางอย่างที่หล่อนแนบชิดอยู่ก็ยิ่งสำแดงฤทธิ์เดช แม้จะไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ก็พอจะรู้ว่ามันคืออะไร หล่อนหน้าแดงก่ำ พยายามอ้อนวอนให้เขาปรานี
“ได้โปรด... ปล่อยดิฉันไปเถอะค่ะ”
ยิ่งเจ้าหล่อนดิ้นรน ยิ่งเจ้าหล่อนพยายามผลักไสเท่าไหร่ เอโดเกลก็ยิ่งบ้าคลั่ง เขาดันร่างอรชรจนแผ่นหลังเปลือยไปชนกับเสากลมของศาลา จากนั้นก็ตามเข้าไปประกบ ขณะที่สองมือน้อยๆ ถูกรวบเอาไว้ด้วยมือหนาเพียงมือเดียวที่ด้านหลัง
“ฉันไม่ได้อยากแตะต้องเธอ”
คำพูดของเขาช่างแตกต่างจากสายตา และการกระทำป่าเถื่อนของตัวเองเสียเหลือเกิน สายตาคมกริบแม้จะมืดมิดเพราะเป็นยามราตรีแต่มันก็สร้างความร้อนผ่าวให้กับหล่อนได้อย่างมหาศาลเพียงแค่เขาจับจ้องลงไปที่เนินอกอวบที่ทะลักโผล่ขึ้นมาจากขอบชุดราตรี ยิ่งเขาตรึงข้อมือบางเอาไว้แน่นเท่าไหร่ ปทุมถันคู่งามก็ยิ่งผงาดอวดสายตาของเขามากเท่านั้น
หล่อนเห็นเขากลืนน้ำลายลงคอ และก้มต่ำลงมาหา ซึ่งนั่นก็พอจะทำให้หล่อนรู้ว่าคนตัวโตกำลังถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ควบคุม
“คุณเอดี้เมา...”
เจ้าของชื่อแสยะยิ้ม ส่ายหน้าดิก “คนอย่างฉันไม่เมาง่ายๆ หรอก”
เขาพูดชิดกลีบปากของหล่อน
หญิงสาวพยายามเบือนหน้าหนีจากความสนิทสนมนั้น แต่เขาก็ไม่ยินยอมให้หล่อนทำได้สำเร็จเขาตรึงปลายคางมนของหล่อนเอาไว้แน่น บังคับให้หล่อนต้องสบประสานสายตากับเขาอย่างไม่มีทางเลือกอื่นอีก
“คงจะภูมิใจมากสินะ ที่ผู้ชายทุกคนในงานต่างหมายปองตัวเธอ”
“เอ่อ... คุณเอดี้พูดอะไรคะ ฉัน... ไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นถ่อมตัวหน่อยเลย เธอน่ะมันมากเล่ห์ร้อยมารยา ทำตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาเพื่อหลอกล่อให้ไอ้ผู้ชายหน้าโง่พวกนั้นมาติดกับใช่ไหมล่ะ”
น้ำตาจากความขมขื่นที่ถูกเหยียดหยามไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้อีก ในที่สุดมันก็ไหลทะลักออกมา หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยคมมีด
“ใช่ค่ะ ดิฉันมันเลว ดิฉันมันสำส่อน พอใจหรือยังคะ” หล่อนตะเบ็งเสียงตอบกลับออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลไม่หยุด
เอโดเกลอึ้งไปเลยทีเดียว
ลียาเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบจึงพูดประชดขึ้นด้วยความเจ็บช้ำอีกครั้ง “ถ้าพอใจแล้วก็กรุณาเอามือแสนสะอาดของคุณเอดี้ออกไปจากเนื้อตัวอันแสนสกปรกของดิฉันสักทีเถอะค่ะ”
“ไม่...”
“ดิฉันจะต้องไปล่าตัวผู้ชายรวยๆ ในงานสักคนสองคน แล้วหิ้วกลับบ้านค่ะ”
หล่อนดิ้นอีกครั้ง อย่างสุดความสามารถ แต่ผลที่ได้ตอบกลับมาคือหล่อนยังอยู่ในพันธนาการเถื่อนของเอโดเกลเช่นเคย
“ไม่ต้องไปตามล่าที่ไหนหรอกมั้ง ฉันนี่ไง... หล่อ รวย ครบสูตร”
น้ำตาของลียายิ่งไหลพรากออกมา
“ดิฉันไม่ต้องการตำแหน่งคุณนายการ์รัสโซ่ค่ะ ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ”
คราวนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหล่อนถึงได้หลุดจากพันธนาการของเขาได้ แต่พอได้รับอิสรภาพหล่อนก็รีบกระโจนลงจากศาลาทันที จากนั้นก็รีบจ้ำอ้าวเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยไฟของเอโดเกลเลยสักนิด
“ผู้หญิงแพศยา! ฉันเกลียดเธอนัก”
สองมือกำเข้าหากันแน่น และแน่นอนที่สุดว่าแอลกอฮอล์เท่านั้นที่จะทำให้โทสะของเขาทุเลาลงได้ แม้จะชั่วคราวก็ยังดี
=====================================
แม้หยาดน้ำตาจะถูกเช็ดจนหายไปจากใบหน้าในระหว่างทางที่เดินเข้ามาจนแห้งเหือดแล้ว แต่กระนั้นดวงหน้าของลียาก็ยังเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานไม่เสื่อมคลาย
เอโดเกลเป็นเหมือนปีศาจที่คอยตามหลอกหลอนหล่อนให้จมอยู่กับความขมขื่นตลอดเวลา แม้แต่ในความฝันเขาก็ยังคงไม่ปรานีหล่อน หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่กระนั้นดานีนที่เดินเข้ามาหาก็ยังเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“หายไปไหนมาลียา ฉันตามหาซะทั่วเลย”
“เอ่อ... คุณดา” ลียาฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนา แต่รอยยิ้มมันก็เศร้าหมองเสียเหลือเกิน
“หน้าตาไม่มีความสุขเลยนะ อยากกลับหรือยังล่ะ” ดานีนถามอย่างเข้าใจ
“เอ่อ ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ เชิญคุณดากับคุณแดนตามสบายเถอะค่ะ อย่ากังวลเกี่ยวกับดิฉันเลย”
ความเกรงใจที่ลียาแสดงออกมานั้นยิ่งทำให้ดานีนรู้สึกเห็นใจลียาเป็นที่สุด “ฉันกำลังจะกลับอยู่พอดีเหมือนกันแหละลียา ก็อย่างที่เธอรู้ฉันตั้งท้องมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ช่วงนี้เลยนอนดึกไม่ค่อยได้”
ลียายิ้มเศร้าๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เอ่อ คุณแดนคะ เรากลับกันเถอะนะคะ ดามึนๆ หัวน่ะค่ะ” ดานีนรีบบอกสามีรูปหล่อของตัวเองทันทีเมื่อเขาเดินเข้ามาสมทบ
เดนิเรลโอบประคองภรรยาอย่างรักใคร่ พลางถามด้วยความห่วงใย จนคนมองอย่างลียาอดอิจฉาในความรักของคนทั้งคู่ไม่ได้ ความรักที่หล่อนจะไม่มีทางสมหวัง หากหล่อนยังใฝ่สูงหมายปองเทพบุตรอย่างเอโดเกลอยู่แบบนี้
“เป็นอะไรมากไหมครับดา...”
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่มึนๆ และก็ง่วงนอน” คนพูดซบศีรษะลงกับต้นแขนกำยำของผู้เป็นสามีอย่างประจบประแจง
“งั้นเราก็กลับกันเลย ไปที่รัก...”
ดานีนหันมายิ้มให้กับลียาก่อนจะเดินเคียงคู่ออกไปกับเดนิเรล ลียายิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเดินตามทั้งสองคนไปที่รถด้วยหัวใจที่แสนจะเจ็บปวดทรมาน