บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ตลาดของเก่าเมืองหลีฮวา

บทที่ 9 ตลาดของเก่าเมืองหลีฮวา

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จางหมี่ก็นั่งปรึกษากับแม่เรื่องแผนการที่จะไปเยือน 'ตลาดของเก่าเมืองหลีฮวา' ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมง

จางเจินฟังแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ลูกสาวของเธอเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จะให้เด็กสาวตัวคนเดียวเดินทางไกลไปเดินเบียดเสียดในตลาดที่พลุกพล่านแบบนั้น นางทำใจไม่ได้จริงๆ

"รอวันเสาร์เถอะลูก วันหยุดแม่จะไปเป็นเพื่อน" จางเจินยื่นคำขาดด้วยความเป็นห่วง

"แม่ไม่อยากให้ลูกไปคนเดียว มันอันตราย"

จางหมี่มองแววตาที่เป็นห่วงเป็นใยของแม่แล้วก็ใจอ่อน ยอมพยักหน้าตกลง

"ก็ได้ค่ะแม่ งั้นเรารอวันเสาร์นะคะ"

...

เช้าวันเสาร์มาเยือนพร้อมกับอากาศสดใส สองแม่ลูกออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองหลีฮวาทันที ครั้งนี้พวกเธอเลือกใช้บริการรถรับจ้างเหมาคันเพื่อความสะดวกสบาย เงินในบัญชีที่มีอยู่ตอนนี้ทำให้พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเล็กน้อยพวกนี้อีกต่อไป

เมื่อมาถึงตลาดของเก่าเมืองหลีฮวา ภาพเบื้องหน้าทำเอาสองแม่ลูกต้องหยุดยืนมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ

แสงแดดยามสายสาดส่องลงมากระทบหลังคาสังกะสีเก่าคร่ำคร่าที่เรียงรายสลับซับซ้อน สะท้อนประกายระยิบระยับแสบตา แต่กลับดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด ร่องรอยสนิมที่เกาะกินตามโครงเหล็กและป้ายร้านไม้เก่าๆ คือหลักฐานชั้นดีที่บ่งบอกถึงกาลเวลาอันยาวนานที่สถานที่แห่งนี้ได้ผ่านพ้นมา

กลิ่นอายของอดีตลอยอวลอยู่ในอากาศ... กลิ่นกระดาษเก่า กลิ่นไม้เนื้อแข็ง กลิ่นกำยานจางๆ และกลิ่นสนิมเหล็ก ผสมปนเปกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่กระตุ้นจินตนาการของผู้มาเยือนให้โลดแล่น

เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณ พ่อค้าแม่ขายตะโกนเรียกลูกค้าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น บ้างก็ยืนคุยทักทายกันอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมิตรไมตรี

สองแม่ลูกเดินจับจูงมือกันเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอยเล็กๆ ผ่านร้านรวงที่วางขายของเก่าละลานตา มีทั้งเครื่องปั้นดินเผาเคลือบเงาวาว เหรียญกษาปณ์โบราณสนิมเขรอะ โต๊ะตู้เตียงไม้สักแกะสลักลวดลายวิจิตร ของเล่นสังกะสีไขลาน หนังสือเก่าปกซีดเหลือง นาฬิกาไขลานที่หยุดเดินไปนานแล้ว และเข็มทิศทองเหลืองที่เข็มทิศชี้ทางอย่างเลือนราง

ข้าวของทุกชิ้นล้วนมีเรื่องราว มีประวัติศาสตร์ และมีจิตวิญญาณซ่อนอยู่ รอคอยให้ใครสักคนมาค้นพบและนำกลับไปดูแล

จางหมี่รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นรัว สถานที่แห่งนี้คือขุมทรัพย์ชัดๆ! สำหรับคนที่มี 'ตาทิพย์' อย่างเธอ การเดินตลาดของเก่าก็เหมือนกับการเดินเก็บทองที่หล่นอยู่ตามพื้น

เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างพิจารณา ซึมซับบรรยากาศความเก่าแก่ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ความสกปรกทรุดโทรมในสายตาคนทั่วไป กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจสำหรับนักล่าของเก่า

จางหมี่เดินจูงมือแม่แวะดูร้านนั้นออกร้านนี้อย่างเพลิดเพลิน แม่ของเธอก็ดูมีความสุขที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา ทั้งสองผลัดกันชี้ชวนดูของแปลกตา พูดคุยกับพ่อค้าแม่ขายอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าของทั้งคู่ตลอดเวลา

เดินมาได้สักพัก พวกเธอก็มาหยุดอยู่หน้าร้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หน้าร้านมีคนมุงดูกันอยู่หนาตา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จางหมี่จึงจูงมือแม่แทรกตัวเข้าไปดูใกล้ๆ

ภายในร้าน... ชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งกำลังยืนสงบนิ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้เนื้อแข็ง ในมือถือแว่นขยายส่องดูแหวนหยกวงหนึ่งอย่างพินิจพิเคราะห์

ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ริ้วรอยแห่งวัยบ่งบอกถึงประสบการณ์อันโชกโชน แววตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นจดจ้องอยู่ที่แหวนหยกราวกับจะมองให้ทะลุถึงเนื้อใน บรรยากาศรอบตัวเขาดูน่าเกรงขามจนคนรอบข้างไม่กล้าส่งเสียงดัง

จางหมี่เกิดความสนใจขึ้นมาทันที เธออยากรู้ว่าแหวนวงนั้นมีดีอะไร ทำไมชายผู้นี้ถึงได้ดูจริงจังขนาดนั้น

ชายสูงวัยวางแหวนลงบนถาดผ้ากำมะหยี่สีดำ แสงไฟดาวน์ไลท์ส่องกระทบหัวแหวนหยกสีเขียวมรกตจนเปล่งประกายวาววับจับตา

"แหวนวงนี้เป็นของแท้แน่นอน"

ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

"คุณแน่ใจหรือคะ?" หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มลูกค้าถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

"แน่นอนครับ ผมอยู่ในวงการหยกมาหลายสิบปี สายตาผมไม่เคยพลาด" ชายสูงวัยตอบเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

"แล้วราคาเท่าไหร่คะ?"

"ประเมินจากเนื้อหยกและความเก่าแก่... น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าแสนหยวน"

"โอ้โห! ห้าแสน!"

เสียงอุทานดังขึ้นรอบทิศ ทุกคนมองแหวนวงนั้นด้วยสายตาตาลุกวาว

จางหมี่หรี่ตาลงเล็กน้อย 'ห้าแสนหยวนเชียวหรือ...' ความอยากรู้อยากเห็นผลักดันให้เธอตัดสินใจใช้ตัวช่วย

เด็กสาวสูดหายใจลึก รวบรวมสมาธิกำหนดจิตไปที่จุดกึ่งกลางหน้าผาก พลังปราณหมุนวนอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งตรงสู่ดวงตา

วูบ!

ประกายแสงสีทองวาบผ่านนัยน์ตาสีดำขลับเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะจางหายไป เหลือไว้เพียงสายตาที่คมกริบดุจเหยี่ยว

จางหมี่เพ่งมองไปที่แหวนหยกวงนั้น...

ฉับพลัน! ภาพนิมิตบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด

ภาพของหญิงสาวแรกรุ่นในชุดจีนโบราณงดงามราวกับภาพวาด เธอกำลังสวมแหวนวงนี้ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ใบหน้าหวานซึ้งประดับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข เธอยกมือขึ้นชื่นชมแหวนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความคะนึงหา

ภาพตัดสลับไปมา...หญิงสาวคนเดิมในวัยที่ร่วงโรย แต่แหวนวงนั้นยังคงอยู่บนนิ้วไม่เคยห่างกาย จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต...ภาพนิมิตเลือนหายไป จางหมี่กะพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติกลับมา

'ของจริง...' เธอสรุปในใจ แหวนวงนี้ไม่ใช่แค่หยกเก่า แต่เป็นของแทนใจที่มีคุณค่าทางจิตใจมหาศาลของผู้เป็นเจ้าของ พลังงานความรักที่สถิตอยู่ทำให้แหวนวงนี้มีออร่าที่แตกต่าง

ขณะที่จางหมี่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เธอไม่ทันสังเกตเลยว่า หลี่หลินฟง ชายสูงวัยเจ้าของร้านได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

จางหมี่ดึงมือแม่เดินออกมาจากร้านนั้น ปล่อยให้คนอื่นตื่นเต้นกับแหวนห้าแสนต่อไป สำหรับเธอ แค่ได้รู้ความจริงก็พอใจแล้ว

"น้องสาว! น้องสาวคนสวย! แวะดูชามโบราณที่ร้านผมก่อนสิครับ!"

เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังมาจากร้านข้างๆ ดึงความสนใจของสองแม่ลูก

"ของดีๆ เพิ่งเข้ามาใหม่เมื่อวานนี้เอง ได้มาจากหมู่บ้านโบราณแท้ๆ เลยนะ ไม่แน่ว่าโชคใหญ่อาจจะเป็นของน้องสาวก็ได้!"

จางหมี่หันไปมองร้านต้นเสียง ป้ายหน้าร้านเขียนว่า ร้านของเก่าตระกูลซุน เถ้าแก่ร้านเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง หน้าตาดูเจ้าเล่ห์นิดๆ กำลังกวักมือเรียกพวกเธออย่างกระตือรือร้น

จางหมี่ลอบยิ้มมุมปาก... 'หมู่บ้านโบราณ' งั้นเหรอ? มุกตื้นๆ ที่พ่อค้าของเก่าชอบใช้หลอกนักท่องเที่ยว 10 ร้านจะมีสัก 9 ร้านที่อ้างแบบนี้ ส่วนอีกร้านก็จะบอกว่าเป็นมรดกตกทอด

"ไปดูกันเถอะลูก เผื่อมีอะไรน่าสนใจ" จางเจินชวนอย่างสนใจ

จางหมี่พยักหน้า เดินตามแม่เข้าไปในร้าน

เถ้าแก่ซุนรีบปรี่เข้ามาต้อนรับ หยิบชามลายครามใบเล็กสีน้ำเงินสดใสขึ้นมานำเสนอทันที

"ตาถึงจริงๆ แม่คุณ! นี่คือชามลายครามเขียนลายดอกเหมยพันเกลียว งานเก่าสมัยราชวงศ์ชิง หายากมากนะครับเนี่ย สภาพสมบูรณ์กริ๊บ!"

เถ้าแก่บรรยายสรรพคุณน้ำไหลไฟดับ พยายามโน้มน้าวใจลูกค้าสุดฤทธิ์ จางหมี่รับชามใบนั้นมาถือไว้ พลิกดูซ้ายขวา ผิวสัมผัสดูเก่า รอยรานดูเป็นธรรมชาติ ถ้าคนดูไม่เป็นคงหลงเชื่อได้ง่ายๆ

แต่สำหรับจางหมี่...

เธอแอบเปิดใช้งานตาทิพย์อีกครั้ง เพ่งมองเจาะลึกเข้าไปในเนื้อกระเบื้อง ภาพที่ปรากฏไม่ใช่โรงเตาเผาโบราณในราชวงศ์ชิง... แต่กลับเป็นภาพโรงงานเซรามิกสกปรกๆ แถบชานเมือง เครื่องจักรเก่าๆ กำลังปั๊มชามพวกนี้ออกมาเป็นร้อยๆ ใบ แล้วนำไปผ่านกรรมวิธี 'ทำเก่า' ด้วยสารเคมีและการฝังดิน!

ของเก๊ทำเหมือน! แถมยังเพิ่งทำออกมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง!

จางหมี่ลอบถอนหายใจ ส่งชามคืนให้เถ้าแก่โดยไม่พูดอะไร

"เอ่อ... ใบนี้ยังไม่ถูกใจเหรอครับ? งั้นลองดูใบนี้..." เถ้าแก่หน้าเสียนิดหน่อย รีบจะหยิบอีกใบมาให้ดู

แต่จางหมี่ไม่สนใจแล้ว สายตาของเธอพุ่งทะลุผ่านข้าวของที่วางโชว์อยู่หน้าร้าน ไปหยุดอยู่ที่มุมอับด้านหลังเคาน์เตอร์

ตรงนั้น... มีกองชามเก่าๆ เปื้อนฝุ่นเขรอะ 3-4 ใบวางซ้อนกันอยู่อย่างไร้ค่า เหมือนของที่เตรียมจะทิ้ง แต่ในสายตาเทพของจางหมี่ เธอมองเห็นออร่าแสงสีขาวนวลตาสว่างวาบออกมาจากกองชามสกปรกพวกนั้น!

เธอเพ่งมองให้ชัดขึ้น...ภาพนิมิตปรากฏขึ้นอีกครั้ง

หมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา...ชายชราผมขาวในชุดผ้าฝ้ายโบราณกำลังนั่งปั้นดินด้วยความตั้งใจ มือเหี่ยวย่นบรรจงวาดลวดลายลงบนถ้วยชามทีละใบด้วยพู่กันจีน...บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสงบและประณีต

'ของแท้!'

จางหมี่หัวใจเต้นแรง นี่แหละของดีที่ซ่อนอยู่! เธอแสร้งทำเป็นมองไปรอบๆ ร้านด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ก่อนจะชี้มือไปที่กองชามหลังเคาน์เตอร์ เธอก็รู้ว่าชามโบราณเหล่านี้เป็นของจริงแน่แล้ว จางหมี่ละสายตาจากกองชามด้านหลังและหันมาพูดกับเจ้าแก่เจ้าของร้าน

“ชามใบนี้ฉันยังไม่สนใจค่ะ แต่ฉันสนใจกองชามเก่าๆ 3-4 ใบที่วางอยู่ตรงมุมนั้นมากกว่า ขอดูหน่อยได้ไหมคะ?"

เถ้าแก่ซุนหันไปมองตามนิ้วมือ แล้วก็ทำหน้าประหลาดใจ

"อ๋อ... กองนั้นน่ะเหรอ? นั่นมันของแถมที่ติดมากับล็อตรวมๆ กัน สภาพดูไม่ได้เลยนะน้องสาว จะเอาจริงๆ เหรอ?"

"ค่ะ ขอดูหน่อย" จางหมี่ยืนยันเสียงเรียบ แต่ในใจกลับยิ้มกว้าง

เสร็จฉันล่ะ!

***น้องตาดีมาก ราวกับมีตาทิพย์เลยนะเนี่ย!!***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel