ตอนที่ 5 ความสนิทสนม
เกาเจี้ยนหานอดจ้องมองไปที่ใบหน้างาม ของสตรีที่กำลังเดินย่างกรายเข้ามา ในตำหนักของเขาเสียไม่ได้ บุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเย็นชาดุจน้ำแข็ง ในตอนนี้หัวใจของเขากำลังสั่นไหวอย่างบ้าคลั่งความงามของนาง สามารถสะกดซึ่งทุกสิ่งได้อย่างแท้จริง เหมยลี่เองเมื่อได้รู้ถึงสายตาของเกาเจี้ยนหาน ที่จ้องมองมายังตนอย่างไม่วางตาเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ให้แดงก่ำดั่งผลอิงเถา
"ข้างดงามใช่หรือไม่"
"จะมีสตรีใดที่หลงตนเองได้เท่ากับเจ้าอีก" เกาเจี้ยนหานเอง เมื่อรู้ว่าตนเองได้แสดงกิริยาที่ไม่ควรออกไปเขาก็ได้แต่กล่าวประโยคที่เย็นชาเช่นนั้นออกมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเอง
"งั้นก็รับสำรับเถอะนั่งลงสิ"
"เอ๋ แล้วสตรีอีกผู้หนึ่งที่มากับข้าเล่านางยังไม่มาเลย"
"ข้าหาได้อนุญาตให้สตรีผู้นั้นมาร่วมสำรับกับข้าแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าเท่านั้น และอีกอย่าง เจ้าช่วยเหลือสตรีแปลกหน้าทั้งๆ ที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อแซ่ของนางกระนั้นหรือ"
เมื่อเกาเจี้ยนหานได้ยินสรรพนามที่นางเรียกสตรีที่มากับนางด้วยเช่นนั้น ก็ให้รู้สึกแปลกใจ เพราะมันบ่งบอกว่านางไม่รู้แม้กระทั่งชื่อแซ่ของสตรีที่นางพึ่งช่วยเหลือมา
"ก็นางน่าสงสารนี่เจ้าคะ"
"ภายในแคว้นเหลียวนี้คงจะมีแค่เพียงเจ้ากระมังที่ทำเรื่องเช่นนี้"
เกาเจี้ยนหานกล่าวเสร็จก็คีบอาหารเข้าปากเป็นคนแรก เมื่อเหมยลี่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป นางเริ่มคีบอาหารเข้าปาก โดยที่ไม่รักษากิริยาเช่นเดียวกับสตรีในยุคสมัยนี้ ที่ต้องคอยระวังกิริยาของตนเองอยู่ตลอดเวลา จะให้นางมัวมารักษากิริยาอยู่ได้อย่างไร เพราะตอนนี้นางแทบจะสามารถเคี้ยวลิ้นของตนเองได้อยู่แล้ว ท่าทีเช่นนี้ของหญิงสาวถึงกับทำให้เกาเจี้ยนหาน รู้สึกพอใจอย่างแปลกประปลาด
"เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่"
ท่ามกลางบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร เกาเจี้ยนหานก็ได้เอ่ยถามประโยคนี้ออกมา
"ท่านไม่ได้คิดว่าข้าเป็นปีศาจหรือแม่มดร้ายอย่างที่คนพวกนั้นเข้าใจหรือ"
"ในสายตาของข้าเจ้าเป็นเพียงสตรีที่โง่เงลาผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น" เกาเจี้ยนหาน กล่าวออกมาอย่างหน้าตายและยังคงคีบอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจใบหน้าที่ดูไม่พอใจนั้นของนางแต่อย่างใด
"ข้าก็เพียงแค่เห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้น และยื่นมือเข้าช่วยเพียงเท่านั้น สตรีผู้นั้นน่าสงสาร ข้ามั่นใจว่านางจะต้องถูกใส่ร้ายเป็นแน่ บุรุษผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนางยังไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากนางคบชู้สู่ชายจริง ความผิดของนางมีโทษถึงขั้นต้องแลกมาด้วยชีวิตถึงเพียงนั้นเชียวหรือ นี่มันโทษอันใดกัน แล้วเหตุใดบุรุษในยุคสมัยนี้ถึงได้มีมากภรรยาได้ แต่สตรีเหตุใดจึงต้องมีเพียงแค่บุรุษเพียงผู้เดียวเท่านั้น มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย"
"เจ้ากล่าวเหมือนกับว่าตนเองไม่ใช่สตรีในยุคสมัยนี้"
"แล้วท่านคิดเช่นใดเล่า"
เหมยลี่ถามกลับเขาออกไปอย่างไม่กลัวเกรง ถูกหาว่าเป็นปีศาจหรือแม่มดร้ายก็เป็นแล้ว ยังจะมีสิ่งใดน่ากลัวไปมากกว่านี้อีกเล่า หากเขาจะรู้ว่านางไม่ใช่คนในยุคนี้ก็คงไม่มีเรื่องอันใดให้นางต้องรู้สึกหวาดกลัวแล้ว
"เจ้าไม่ใช่คนในแคว้นนี้ใช่หรือไม่"
เหมยลี่ถอนหายใจออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่จะตอบเขาออกไป "ไม่ใช่ในแคว้นนี้แต่เป็นในยุคนี้ต่างหาก"
เกาเจี้ยนหานถึงกับชะงักตะเกียบในมือพร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้างามของหญิงสาวอย่างไม่วางตา ความสงสัยฉายชัดขึ้นมาบนดวงหน้าของเขาอย่างชัดเจน
"ข้าเป็นคนในยุคอนาคตที่ไม่รู้เช่นกันว่ามาโผล่ในยุคนี้ได้เช่นไร ในตอนนั้นข้ากำลังเลือกซื้อสินค้าโบราณอยู่ในร้านขายของเก่าอยู่ พอมารู้ตัวอีกที ก็พบว่าตนเองมาอาศัยอยู่อย่างยุคนี้เสียแล้ว กล่าวไปผู้ใดจะเชื่อได้กันเล่า คงหาว่าข้าเป็นสตรีสติวิปลาส"
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้คิดว่าข้าจะเชื่อคำกล่าวนี้ของเจ้า"
"เพราะท่านใจดีกับข้า ข้าเลยรู้สึกว่าท่านแตกต่างกับผู้คนในยุคสมัยนี้อย่างไรเล่า" เหมยลี่ยิ้มจนตาหยีไปให้กับเขา ซึ่งการกระทำที่ไร้เดียงสาและคำพูดที่บอกว่าตนเองเป็นคนใจดีนี้ของนางชวนให้เขาต้องจ้องมองไปที่นางใหม่อีกครั้ง จะมีผู้คนในแคว้นนี้สักกี่คนกัน ที่กล้าจ้องมองและกล่าวกับเขาตรงๆ เช่นนี้
"ข้านะหรือใจดี"
"ใช่เจ้าค่ะ ข้าดูออก" ถึงแม้นท่าทีของเขาจะดูเย็นชา แต่เหมยลี่ก็ดูออกแหละว่าเขาจะต้องรู้สึกดีกับนางอยู่อย่างแน่นอน นี่ไม่ได้หลงตัวเองเลยแต่อย่างใดจริงๆ นะ
"ถ้างั้นสิ่งของที่เจ้ามีทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นสิ่งของในยุคอนาคตกระนั้นหรือ"
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เหมยลี่ หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของตนเองออกมาพร้อมกับเลื่อนหน้าจอให้เขาดูอย่างกระตือรือร้น โดยไร้ซึ่งท่าทีหวาดกลัวกับใบหน้าเคร่งขรึมนั้นของเขา
"นี่เรียกว่าโทรศัพท์เอาไว้โทรติดต่อสื่อสาร แทนนกพิราบ ในสมัยปัจจุบันอุปกรณ์สื่อสารนี้ยังมีทุกอย่างไว้ครบครันทั้งฟังเพลงดูหนัง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการใช้ชีวิตไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่าย และยังสามารถถ่ายภาพเพื่อบันทึกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ด้วยนะเจ้าคะ ดูนี่นะข้าจะทำให้ท่านดู"
พร้อมกับถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งข้างเกาเจี้ยนหาน เธอยกถือโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายรูปคู่ของเขาและเธอเสียอย่างนั้น ความรวดเร็วในการกระทำที่ไม่คาดคิดของหญิงสาวทำให้เกาเจี้ยนหาน ไม่สามารถหยุดการกระทำของเธอได้ทัน เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองเจ้าสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเหมยลี่อย่างสงสัย
"โธ่..!!! ทำไมเจี้ยนเกอถึงทำหน้าที่เคร่งขรึมปานนั้น ดูสิรูปออกมาไม่สวยเลยถ่ายใหม่คราวนี้ยิ้มหน่อยนะเจ้าคะ" ริมฝีปากที่บิดโค้งลงของเหมยลี่ ได้สร้างความขบขันให้กับเขาอยู่ไม่น้อย ด้วยความไม่คาดคิดเหล่านางกำนัลที่จ้องมองพวกเขาอยู่อย่างตาไม่กระพริบ ทันใดพวกนางก็ได้เห็นว่าบุรุษหน้านิ่งที่ไม่เคยยิ้มให้กับผู้ใดกำลังยกยิ้ม ตามคำขอของหญิงสาวด้านข้างอย่างคาดไม่ถึง
"เลิศ!!! น่ารักที่สุด ข้าจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะเจ้าคะ เจี้ยนเกอ"
ท่าทีที่ไร้ซึ่งการวางตัวและคำพูดที่ดูสนิทสนมของเหมยลี่ในตอนนี้ คล้ายกับจะสั่นคลอนหัวใจที่เย็นชาของ ชินอ๋องได้เสียแล้ว ดูเอาเถิดทั้งคำกล่าว และท่าทีของนางไม่ได้มีความหวาดกลัวใด และยังรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาตินั้น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจไปด้วย นี่เพียงแค่ระยะเวลาเพียงวันเดียว นางสามารถมีผลให้ก้อนเนื้อข้างซ้ายของเขา มันเต้นผิดจังหวะได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
"เจ้ามีคู่ครองแล้วหรือยัง"
คำกล่าวที่มาอย่างกะทันหันนี้ ถึงกับทำให้เหมยลี่ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ แต่นางก็เลือกที่จะยิ้มละไมไปให้กับเขาก่อนที่จะตอบคำถามนั้น "ข้าเพิ่งจะอายุได้ 18 หนาวเองนะเจ้าคะ จะรีบแต่งงานเพื่อทำให้ตนเองลำบากไปทำไม ยังมีเรื่องที่ข้าต้องทำอีกตั้งเยอะ ตอนนี้เพิ่งเข้ามหาลัยได้ปีเดียวเอง ข้าไม่รีบหรอกเจ้าค่ะ"
ถึงแม้นคำกล่าวของนางจะฟังดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นัก แต่เขาก็สามารถจับใจความได้ว่านางยังไร้คู่ครอง แล้วไอ้ที่ว่ายังไม่รีบนั้นคืออันใด 18 หนาวแล้วมิใช่ว่าจะต้องรีบหาคู่ครองก่อนที่จะกลายเป็นสาวทึนทึกกระนั้นหรือ เหตุใดในยุคสมัยของนางถึงได้แปลกประหลาดนัก แล้วยังคำกล่าวที่ว่า ต้องเรียนรู้อีกมากมายนั้นคืออันใด เรื่องทุกข์ใจจากการแต่งงานคืออันใด เหตุใดความคิดของนางถึงได้พลิกคว่ำพลิกหงาย ไร้ซึ่งเหตุผลที่พอจะเข้าใจได้เช่นนี้เล่า
"เจ้ากล่าววาจาอันใดเหตุใดถึงได้เข้าใจยากนัก"
"เอาเป็นว่าผู้คนในยุคสมัยของข้าไม่รีบแต่งงาน และสตรีก็มีบทบาทมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเท่าเทียมกับบุรุษ แล้วเจี้ยนเกอเล่าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ"
"29 หนาว"
"ห๊า ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจี้ยนเกอมีลูกเต็มตำหนักแล้วกระนั้นหรือ"
"เจ้ารู้ด้วยหรือว่าข้ามีบรรดาศักดิ์เป็นเชื้อพระวงศ์และเหตุใดถึงไม่เคยเรียกข้าอย่างเคารพเช่นผู้อื่นกระทำ"
"เพราะข้ารู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับข้าเป็นพิเศษหาไม่แล้วท่านคงแทนตนเองด้วยบรรดาศักดิ์ไปก่อนหน้านี้แล้วกระมัง แต่นี่ท่านยังคุยกับข้าด้วยความสนิทสนมเช่นกัน ท่านยังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะเจ้าคะ ว่าแท้จริงแล้วท่านมี 3 ภรรยา 4 อนุจริงหรือไม่"
"ข้ายังไม่ได้แต่งงาน"
"เป็นไปได้เช่นไรบุรุษในยุคสมัยนี้อายุเท่านี้แล้วยังไม่ได้แต่งงาน แสดงว่าท่านจะต้องมีสาวใช้อุ่นเตียงอยู่บ้างกระมัง"
"เจ้าจะอยากรู้ไปทำไมหรือว่าหลงใหลในความหล่อเหลาของข้าเข้าให้แล้ว"
"เปล่าเสียหน่อยก็แค่ถามเพราะความอยากรู้เพียงเท่านั้น" เหมยลี่ถึงกับตอบออกมาอย่างเลิกลักนางไม่เข้าใจว่า ถามกันไปมาอยู่ดีๆ เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้ แต่คำกล่าวของเขา ก็มีความจริงอยู่บางส่วน นางเองก็พยายามที่จะเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่เช่นกัน เพราะรูปร่างและหน้าตาที่ดูกร้าวใจของบุรุษผู้นี้ ช่างตรึงใจของนางยิ่งนัก