ตอนที่ 4 เครื่องประทินโฉม
แต่ก็ต้องไว้ซึ่งท่าที คิ้วกระบี่ยกขึ้นเป็นเชิงถามอย่างเจ้าเล่ห์ "เจ้าตามเปิ่นหวางมาถึงที่นี่ต้องการอันใดหรือ"
"เอ่อ…" เปิ่นหวางนี่มันใช่ ผู้คนในราชวงศ์ใช่หรือไม่นะ แต่เมื่อนางเหลือบไปเห็นป้ายที่ติดไว้ยังสถานที่แห่งนั้น ก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเพราะนางไม่สามารถอ่านภาษานั้นออก แค่เพียงพูดได้ก็ดีถมไปแล้ว หญิงสาวจึงได้แต่เดาสถานะของบุรุษตรงหน้า จากสรรพนามที่เขาเอ่ยออกมา
หากเลือกได้เหมยลี่ไม่ได้ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับคนในราชวงศ์แต่อย่างใดเพราะคนพวกนี้ มักจะคิดว่าผู้อื่นต่ำต้อยกว่า และมักจะไม่เห็นหัวของผู้ใด ความเย่อหยิ่งของพวกเขา ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่มาถึงตรงนี้เธอคงไม่สามารถเลือกอันใดได้แล้ว "ได้โปรดมอบที่พักพิงให้กับพวกเราด้วย"
เกาเจี้ยนหานยังคงไม่เอ่ยสิ่งใด ด้วยใบหน้านิ่งๆ ของเขาทำให้เหมยลี่ยากจะคาดเดาได้ว่าบุรุษผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
"แล้วเปิ่นหวางจะได้อันใดจากการกระทำนี้ หากเปิ่นหวางยอมช่วยเหลือเจ้า"
"หากท่านยอมให้ที่พักพิงแก่ข้า แน่นอนว่าข้าต้องตอบแทนท่านอยู่แล้ว"
"ด้วยสิ่งใด? " สายตาของเกาเจี้ยนหาน กวาดมองไปทั่วทั้งเรือนร่างของนางอย่างไม่คิดจะปิดบัง เมื่อเหมยลี่เห็นถึงสายตาของเขา จ้องมองมาเช่นนั้น นางก็รีบกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น พร้อมกับกล่าวออกไปอย่างละล่ำละลัก
"ข..ข้ามีสิ่งของติดตัวมาบางส่วน แน่นอนว่ามันคุ้มค่าพอที่จะให้ท่านยื่นมือเข้าช่วยเหลือข้าอย่างแน่นอน" ถึงแม้นจะรู้สึกหวาดกลัวกับสายตาที่จ้องมองมาอย่างแทะโลมนั้นของเขา แต่นางมีตัวเลือกอื่นที่ไหนกันล่ะ
ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกนางว่าบุรุษผู้นี้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด จากสายตาของเขาในตอนนี้บ่งบอกว่าเขากำลังสนุก ที่เห็นนางจนตรอก จนต้องมาขอร้องอ้อนวอนเขา
"เจ้าลองเสนอมาดูก่อนหากว่าเปิ่นหวางสนใจ อาจจะยอมตกลงก็เป็นได้"
"เอ่อ" เหมยลี่มองสำรวจไปในกระเป๋าสะพายของตนเอง พร้อมกับยื่นมันออกมาให้กับบุรุษตรงหน้า
"นี่อาจจะเป็นสิ่งตอบแทนเล็กน้อย หากท่านยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือข้าในวันนี้ แน่นอนว่าในวันหน้ามันจะมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน" เหมยลี่ยื่นกระบอกไฟฉายพร้อมกับสาธิตวิธีใช้ไปให้กับเขาอย่างไม่ปิดบัง แค่เพียงเกาเจี้ยนหาน มองเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างออกมาจากกระบอกเล็กๆ นั่น ก็สามารถจุดประกายความสนใจให้กับเขาได้ สายตาของเขาหรี่แคบลง เมื่อคิดได้ว่าสตรีผู้นี้ช่างชวนให้เขาพบเจอเรื่องสนุกอย่างไม่ลดละเสียจริง
"ของหนึ่งสิ่ง แลกกับ 1 คน" คำตอบสั้นๆ ของเกาเจี้ยนหาน ถึงกับทำให้เหมยลี่ต้องขบเม้มริมฝีปากของตนเองให้แน่นขึ้น บุรุษผู้นี้ช่างเขี้ยวงอกเสียจริง ต่อรองเก่งยิ่งกว่าพ่อค้าในตลาดที่นางเคยพบเจอมาเสียอีก
นางได้แต่หายใจฟึดฟัด ด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายของตนเองอีกครั้ง เพื่อหาสิ่งที่พอจะเป็นประโยชน์มาแลกเปลี่ยนกับที่พักพิงในคืนนี้ของพวกนาง
หญิงสาวควานหาในกระเป๋าอยู่นาน ก็ไม่พบว่าจะมีสิ่งใดคู่ควร พอที่จะเป็นจุดสนใจให้กับบุรุษผู้นี้ได้ เพราะในกระเป๋าของสตรีในยุคสมัยใหม่ จะมีสิ่งใดนอกจากเครื่องสำอางน้ำหอม หนังสือเรียนบางเล่ม สมุดและปากกาสำหรับนักศึกษาที่เอาไว้ใช้ขีดเขียนเพียงเท่านั้น หากรู้อย่างนี้ นางคงจะขนทุกสิ่งที่มีค่าในยุคสมัยใหม่ เอามาไว้ในกระเป๋าสะพายใบนี้ไปแล้ว
คนในยุคสมัยนี้จะขาดแคลนสิ่งใดกันนะ เหมยลี่พยายามคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดนางก็คิดได้ว่าสิ่งที่ไม่มีค่าสำหรับนาง แต่มันอาจจะมีค่าสำหรับคนในยุคนี้ก็เป็นได้
"งั้นเจ้าสิ่งนี้ล่ะว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่" เหมยลี่ หยิบสมุดกับปากกาออกมา เขียนให้กับเกาเจี้ยนหานได้เห็น ผู้คนในยุคสมัยนี้ ใช้พู่กันและต้องฝนหมึกในการขีดเขียนมิใช่หรือ หากมีเจ้าสิ่งนี้นางคิดว่าพวกเขาจะต้องให้ความสนใจเป็นแน่ กระดาษและปากกาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในยุคสมัยของนาง แต่มันกลับไม่เคยปรากฏในยุคสมัยนี้ เหมยลี่ได้แต่ลุ้นด้วยใจที่ระทึกว่าเขาจะยอมรับเจ้าของสิ่งนี้ของนางหรือไม่
"ให้พวกนางเข้ามา"
เหมยลี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดนางก็สามารถหาสถานที่พักพิงในโลกที่ไม่คุ้นเคยใบนี้ได้แล้ว
ความโอ่อ่าในการตกแต่งสถานที่ในยุคโบราณนี้ ถึงกับทำให้สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางกวาดมองไปทั่วบริเวณด้วยความตื่นตาตื่นใจ คล้ายกับเด็กได้พบเจอของเล่นชิ้นใหม่อย่างไรอย่างนั้น และทุกการกระทำของนาง ก็ได้ตกอยู่ในสายตาของชินอ๋องเกาเจี้ยนหานทั้งหมด
"หึ…!!!" เกาเจี้ยนหาน เผลอจ้องมองรอยยิ้มของนางอย่างตกตะลึง เมื่อเหมยลี่หันกลับไป ก็พบเข้ากับสายตาที่จ้องมองมาที่นางอยู่พอดี ทั้งสองสบสายตากัน ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มออกมา อย่างจริงใจ "ขอบคุณเจ้าค่ะที่ช่วยเหลือข้าเอาไว้"
"เปิ่นหวางหาได้ยอมช่วยเหลือเจ้าอย่างไร้ประโยชน์เสียเมื่อใด เปิ่นหวางก็ถือว่าได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า แลกกับให้ที่พักพิง กับลูกหมาลูกแมว ที่ไร้ที่พึ่งพิงเช่นนี้ถือว่าไม่ได้ยากลำบากอะไรนัก"
"หึ…!!!" เหมยลี่ ถึงกับคิ้วกระตุก เมื่อได้ยิน ประโยคเปรียบเทียบของเขา แต่หญิงสาวก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจนี้เอาไว้ พร้อมกับก่นด่าเขาในใจแทน 'ฝากไว้ก่อนเถอะ ผู้ชายในยุคโบราณช่างปากคอเราะร้ายเสียจริง'
"เจ้ามีนามว่าอันใด"
"เหมยลี่นั่นคือนามของข้า แล้วท่านล่ะ"
"เกาเจี้ยนหาน"
"ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ"
"หึ…!!!" เกาเจี้ยนหาน ได้แต่ส่งเสียงในลำคอ พร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา หลังจากที่นางได้ยินชื่อแซ่ของเขาแล้ว นอกจากนางจะไม่มีทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใดนางยังยกยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนอีกด้วย นั่นบ่งบอกว่า นางไม่ใช่คนในแคว้นนี้
แล้วนางเป็นใคร…
"ไปจัดตำหนักหลันฮวาให้กับนาง"
เพียงสิ้นคำสั่งนี้เหล่านางกำนัลในตำหนักถึงกับ ตาโตเท่าไข่ห่าน พวกนางไม่คาดคิดเลยว่า ชินอ๋องจะรับสั่งเช่นนี้ออกมา จะมีผู้ใดไม่รู้บ้างล่ะว่าตำหนักหลันฮวานั้น เป็นตำหนักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้กับพระชายา ของชินอ๋องที่ได้ถูกจัดตกแต่งไว้เป็นอย่างดี และก็ไม่เคยมีผู้ใดได้เข้าไปอยู่
ที่ผ่านมาถึงแม้นว่าชินอ๋องจะมีสาวใช้อุ่นเตียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีสตรีใดพอที่จะถูกอกถูกใจ มากพอที่จะให้ได้รับความโปรดปรานไปมากกว่าถูกเรียกมารับใช้เพื่อปลดปล่อยในยามที่มีอารมณ์กำหนัดและสตรีเหล่านั้นต่างก็รู้จักหน้าที่ของตนเองดี มิเคยเรียกร้องอันใดมากกว่าที่ชินอ๋องจะเป็นผู้ประทานให้ เพราะบทเรียน ที่ผ่านมาได้สอนให้พวกนางรับรู้ว่าบุรุษผู้นี้นั้นไร้ใจอย่างชัดเจน
เหล่านางกำนัลต่างก็ให้ความเคารพนบน้อมเหมยลี่เป็นอย่างมาก ด้วยคิดว่า ฐานะของนางในพระทัยของชินอ๋อง จะต้องมีน้ำหนักอยู่พอควร เหมยลี่เองก็รับรู้ได้ถึงท่าทีนบน้อมเหล่านั้น นางได้แต่รู้สึกแปลกใจ ว่าเหตุใดนางกำนัลเหล่านี้ถึงได้มีท่าทีเช่นนี้
"พวกบ่าวได้เตรียมน้ำร้อนไว้ให้กับแม่นางอาบเรียบร้อยแล้ว" ด้วยความที่เป็นนางกำนัลถูกฝึกมาอย่างดี พวกนางจึงไม่รอช้ารีบเข้ามาเพื่อที่จะถอดเสื้อคลุมนั้นของเหมยลี่ออก สายตาของพวกนางต่างวูบเมื่อได้เห็นว่าเสื้อคลุมนี้เป็นของผู้ใด นี่ท่านอ๋องถึงกับสละเสื้อคลุมตัวโปรดนี้ให้กับสตรีผู้นี้กระนั้นหรือ ช่างเป็นเรื่องที่หาดูได้ยากเสียจริง
เหมยลี่เองไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน นางจึงต้องรีบหยุดการกระทำของนางกำนัลเหล่านั้นเอาไว้ด้วยความตกใจ
"ข...ข้าอาบเองได้ พวกเจ้าออกไปเถิด"
"จะดีหรือเจ้าคะ"
"ดีสิ แล้วสตรีที่มากับข้าเล่าตอนนี้นางเป็นเช่นไรบ้าง"
"สตรีผู้นั้นถูกนำไปปรนนิบัติอยู่ยังอีกห้องในตำหนักแห่งนี้ แม่นางอย่าได้กังวล หากแม่นางอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว ให้เรียกพวกบ่าวจะได้ช่วยเข้ามาแต่งตัวให้ และออกไปรับสำรับพร้อมกับท่านอ๋องที่ตำหนักใหญ่"
"อือ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวนะเมื่อกี้เจ้าเรียกบุรุษผู้นั้นว่าอะไร 'ท่านอ๋อง' กระนั้นหรือ"
ในตอนแรกเหมยลี่ไม่ได้สนใจกับชื่อแซ่ของเขาเท่าใดนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นบุรุษที่น่าหวาดกลัวสำหรับผู้คน โดยรอบ
"บุรุษที่แม่นางกำลังกล่าวถึงนั้นเป็นเจ้าของตำหนักแห่งนี้ บรรดาศักดิ์ของ พระองค์คือชินอ๋องแห่งแคว้นเหลียว ซึ่งเป็นพระอนุชาเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน"
"ว้าว มีเชื้อเจ้าจริงด้วย เลิศอ่ะ"
นางกำนัลเหล่านั้นต่างก็ไม่เข้าใจในประโยคที่เหมยลี่กล่าวออกมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกนางเข้าใจอย่างถึงที่สุดคือ ชินอ๋องไหนเลยจะเคยรับสำรับร่วมกับผู้อื่นมาก่อนแสดงว่าสตรีผู้นี้ต้องมีความสำคัญเป็นอย่างมากแน่นอน ถึงขนาดรับสั่งให้นาง ไปรับสำรับที่ตำหนักใหญ่ด้วยพระองค์เองเช่นนี้ พวกนางจะต้องดูแลปรนนิบัติสตรีผู้ดีเป็นอย่างดี ไม่ให้ขาดตกหากเกิดเรื่องผิดพลาดอันใดขึ้น เกรงว่าแม้แต่หัวของพวกนางก็คงจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้
เหมยลี่ในตอนนี้กำลังมึนงงสับสน เมื่อนางเดินออกมาจากในห้องน้ำก็พบเข้ากับอาภรณ์ที่วางเรียงรายเอาไว้ นางพยายามที่จะสวมใส่มันด้วยตนเอง แต่ก็พบว่ามันไม่สามารถทำได้โดยง่ายจริงๆ เสื้อผ้าของสตรีในยุคโบราณนี้ช่างยุ่งยากเหลือเกิน ทำไมจะต้องใส่หลายชั้นขนาดนี้ ด้วยเล่า
เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงได้เรียกนางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยนางสวมใส่อาภรณ์ที่ยุ่งยากเหล่านี้ และในขณะที่นางกำนัลเหล่านั้นกำลังจะเข้ามาตกแต่งใบหน้าให้ เหมยลี่จึงจดจ้องไปที่สีชาด และเครื่องสำอางในยุคโบราณเหล่านี้ นางก็ได้แต่ส่ายศีรษะหากนางยอมแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่ดูสีสันฉูดฉาดเหล่านี้ คงไม่พ้นตัวตลกเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงได้นำเครื่องสำอางของตนเอง ออกมาจากในกระเป๋าสะพายวางเรียงรายยังเบื้องหน้าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
"พวกเจ้าดูนะ เครื่องประทินโฉมเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของข้า เพราะฉะนั้นเครื่องประทินโฉมที่พวกเจ้า ได้จัดวางไว้นี้ไม่จำเป็นสำหรับข้าเลย"
เหล่านางกำนัลได้แต่มองเครื่องประทินโฉม ที่เหมยลี่นำออกมาอย่างไม่เข้าใจ รูปลักษณ์อันแปลกประหลาด เหล่านั้น จะสามารถสู้เครื่องประทินโฉมที่ชินอ๋องทรงประทานให้กับนางซึ่งเป็นของหายากจากต่างแคว้นได้เช่นไรเล่า
"นี่เรียกว่าลิปสติกหรือสีชาด อันนี้คือสีส้มอิฐ เป็นสีที่ข้าชอบมาก และนี่เรียกว่าบลัชออก อายไลเนอร์ อายแชโดว์ ยังเป็นรุ่นกันน้ำด้วยนะ บอกเลยว่าดีกว่าที่พวกเจ้าหามาเป็นไหนๆ " น้ำเสียงของเหมยลี่ยังคงกล่าวออกไปอย่างมีความสุข พร้อมกับสาธิตวิธีการใช้เครื่องประทินโฉมในแบบฉบับของสตรีสมัยใหม่ให้กับพวกนางได้เห็น ในตอนแรกพวกนางต่างก็รู้สึกมึนงง แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าหลังจากประทินโฉมเสร็จของเหมยลี่แล้ว พวกนางได้แต่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แม้นแต่คันฉ่องสีใสนั้น พวกนางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยปกติพวกนางจะมีเพียงแค่คันฉ่องทองเหลือง เพื่อเอาไว้ส่องดูใบหน้าของตนเองเพียงเท่านั้น แต่นี่คันฉ่องอันใดถึงได้ใสแจ๋วถึงเพียงนั้น มันสามารถมองเห็นสีหน้าของตนเองได้อย่างชัดเจน
เพราะสตรีที่ตัวเปียกคล้ายกับลูกหมาตกน้ำในตอนแรก ในตอนนี้นางคล้ายกับนางเซียนบนสวรรค์ที่มีใบหน้างดงาม อย่างที่พวกนางไม่เคยพบเจอ แม้แต่ หญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงอย่างคุณหนูไป๋เยว่ชิง ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ พวกนางจึงได้แต่เผลอจ้องมองไปที่ใบหน้างามนั้น คล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ จนเหมยลี่เองยังอดรู้สึกภาคภูมิใจไปกับใบหน้างดงามของตนเองเสียไม่ได้
"เห็นแล้วใช่หรือไม่ เอาไว้มีเวลาข้าจะสอนวิธีการประทินโฉมที่งดงามเหล่านี้ให้กับพวกเจ้าด้วยตนเองดีหรือไม่ วันนี้ข้ารู้สึกหิวจนไส้กิ่วแล้ว" พูดเสร็จนางก็ทำท่าจะลุกขึ้นไป เพื่อที่จะออกไปยังด้านนอก แต่ก็ได้ถูกหยุดโดยนางกำนัลเหล่านั้นเสียก่อน "แม่นางยังไม่ได้ทำผมเลยเจ้าค่ะ"
"ข้าลืมไปเสียสนิทเลย ว่าสตรียุคนี้จะต้องเกล้าผม ด้วย งั้นเจ้าก็ดูแลจัดการให้ข้าเถิด เอาที่ง่ายๆ ก็พอ ไม่ต้องทำทรงให้ยุ่งยากนะ"
"เจ้าค่ะ"