บทที่ 3 สมภารกินไก่วัด 1.2
สองวันต่อมาครอบครัวเนติรัตน์พิบูลและรวิษาก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศที่จังหวะกระบี่ การท่องเที่ยวในครั้งนี้มีระยะเวลาร่วมเจ็ดวัน ทั้งหมดจะพักที่บ้านพักหลังนี้หนึ่งคืน พรุ่งนี้เดินทางต่อไปยังเกาะไหง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะลันตา แล้วพักอยู่ที่นั่นสามคืน ก่อนจะเดินทางกลับมาพักที่นี่ต่ออีกสองคืน จากนั้นจึงเดินทางกลับ
“ค่ำนี้เราไปทานอาหารกันที่โรงแรมนะลูก พ่อจองโต๊ะเอาไว้แล้ว” อรรคเดชพูดขึ้นเมื่อทุกคนกลับมานั่งที่โซฟาหลังจากที่นำกระเป๋าเดินทางไปเก็บในห้องพัก
“มิ้นไปด้วยกันนะ” อินทุอรหันมาบอกรวิษาที่มานั่งสมทบเป็นคนสุดท้าย และมาทันคำพูดของอรรคเดชพอดี
“ค่ะคุณท่าน” เธอรับคำเสียงเบา มองสบตาทุกคนยกเว้นอัคราที่วันสองวันนี้เธอพยายามเลี่ยงจะเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง เหตุการณ์เมื่อวานซืนยังตราตรึงในจิตใจ ดวงใจดวงน้อยๆ เต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่นึกถึง กลัวอัคราจูบเธอก็กลัว แต่ทว่าความกลัวในเรื่องนั้นน้อยกว่ากลัวหัวใจตัวเอง รวิษากลัวว่าตนเองจะกลายเป็นคนใจง่าย ยอมให้เขาทำอะไรต่อมิอะไรมากกว่าการจูบ เพราะหัวใจทั้งดวงยกให้เขาไปหมดแล้ว
“มิ้น เดี๋ยวไปจัดกระเป๋าให้ฉันด้วยนะ”
คนที่รวิษาไม่อยากจะชิดใกล้เวลานี้หันมาสั่ง รวิษาพยายามเก็บกักความกลัวและความตื่นเต้นเอาไว้ รับคำเสียงแผ่วเบา
“ค่ะคุณโอม”
“โอมก็โตแล้วนะลูก ทำไมไม่รู้จักทำเอง มันง่ายจะตายไปแค่เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ไปแขวนไว้ในตู้” อรรคเดชเอ็ดลูกชาย “อีกอย่างนะพรุ่งนี้เราก็ต้องไปพักที่อื่นต่อ ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าก็ได้ อยากใส่ชุดไหนก็หยิบมันมาใส่”
“ผมก็หมายถึงเสื้อผ้าที่ผมจะต้องใส่วันนี้กับวันพรุ่งนี้ไงครับ ผมขี้เกียจทำเองก็เลยให้มิ้นทำให้ ปกติแล้วเวลาผมไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ มิ้นก็จัดกระเป๋าให้ผมอยู่แล้ว จะทำให้ผมวันนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครับ” เขาโต้กลับบิดา “หรือว่ามิ้นไม่อยากทำ” ก่อนจะหันมาถามคนที่ตัวเองสั่ง
“ไปพูดอย่างนั้นมิ้นก็ต้องทำนะสิ” ผู้เป็นพ่อตอบแทนรวิษา ส่งสายตาดุๆ ให้ลูกชาย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เดี๋ยวมิ้นไปจัดเสื้อผ้าให้คุณโอมเองค่ะ คุณโอมคงไม่รู้ที่เพราะมิ้นเป็นคนจัดกระเป๋าให้คุณโอมเองค่ะ”
รวิษาหันไปแก้ต่างให้คนที่ตัวเองรัก เธอไม่ต้องการให้อัคราถูกอรรคเดชตำหนิ แล้วมันก็จริงตามที่อัคราพูด ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เธอจะเป็นคนจัดกระเป๋าเดินทางให้ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอเข้าไปจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางตอนที่เขาไม่อยู่ ทุกอย่างที่เขาจะต้องใช้พร้อมสรรพในกระเป๋า
“เห็นมั้ยครับคุณพ่อ ผมไม่ได้บังคับมิ้นซะหน่อย” เขาพูดหน้าตาย
“มิ้นขอตัวไปจัดเสื้อผ้าให้คุณโอมก่อนนะคะ” รวิษาปลีกตัวไปทำตามคำสั่งของอัคราทันที พอคล้อยหลังหญิงสาวแสนสวย อินทุอรเปิดปากต่อว่าลูกชายจอมเอาแต่ใจ
“โอมก็ใช้มิ้นเกินไปแล้วนะ แค่จัดกระเป๋าแค่นี้ก็ทำเองไม่ได้ แทนที่มิ้นจะได้พักผ่อนกลับต้องมาเหนื่อยทำโน่นทำนี่ให้โอมอีก”
“โธ่...คุณแม่ครับ ไม่ได้งานหนักงานหนาอะไรเลยก็แค่เอาชุดนอน เสื้อผ้าที่ผมจะใส่พรุ่งนี้ออกมาเตรียมให้ผมเท่านั้น แล้วก็มีของใช้ส่วนตัวอีกสองสามอย่าง แค่นี้ไม่เหนื่อยหรอกครับ” อัคราโต้อินทุอร
“แล้วแค่นั้นทำไมไม่ทำเองล่ะโอม มันไม่เหนื่อยเหมือนกับที่โอมพูดไม่ใช่เหรอ” ผู้เป็นมารดาหาช่องสวนกลับ
“แต่ผมทำแค่นั้นมันเหนื่อยนี่ครับ คุณแม่ลองคิดดูผมไม่รู้ว่าชุดนั้นชุดนี้อยู่ไหน ก็ต้องรื้อก็ต้องหาทั่วกระเป๋า พอรื้อก็ต้องเก็บเข้าที่อีก ทำงานหลายทอด ให้มิ้นไปเตรียมให้ดีกว่าครับ ง่ายดี ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องหงุดหงิดเวลาหาไม่เจอ” อัคราแก้ตัวไปเรื่อย
“หาคำพูดแก้ตัวจนได้ ระวังเถอะไม่มีมิ้นจะกลายเป็นพิการเอา ทำอะไรไม่เป็น” ผู้เป็นแม่อดที่จะค่อนขอดไม่ได้ นึกหมั่นไส้ลูกชายตัวดีขึ้นมาทันทีทันใด
“ทำไมผมจะไม่มีมิ้น ก็มีอยู่ทนโท่” เขายังเถียงต่อ
“แล้วเรื่องงานที่จะขยายโครงการไปญี่ปุ่น ไปถึงไหนแล้วโอม”
อรรคเดชถามแทรกขึ้น เบี่ยงประเด็นสนทนาไปในที เพราะรู้จักนิสัยอัคราดีว่า หาทางแก้ตัวไปได้เรื่อยๆ แล้วอาจจะทำให้บรรยากาศในการไปเที่ยวหมดลง
“ตอนนี้ก็คุยกันเรื่อยๆ ครับ อีกสามเดือนผมต้องไปญี่ปุ่น เพื่อคุยรายละเอียดต่างๆ กับคุณอามาคาวะครับ หากตกลงกันได้ก็จะเซ็นสัญญากันเลยครับ” อัคราตอบคำถามบิดา ท่าทางจริงจังขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องงานสำคัญ
“ตอนนี้ประสานงานอยู่กับบริษัทลูกของคุณอามาคาวะใช่มั้ย” ผู้เป็นพ่อถามต่อ
“ใช่ครับ ติดต่อผ่านทางบริษัท อามาโนะงาวะ ประจำประเทศไทยครับ เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณประดิษฐ์เข้าไปพรีเซ็นต์งานรอบนึงแล้วครับ ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของผมครับ”
“ทำให้เต็มที่ล่ะ ถ้าเราได้งานนี้จะได้กำไรมากโขทีเดียว”