บทที่ 1
เผ่าอัยรีน...
ชนเผ่าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินทะเลทรายทางตอนใต้ของประเทศอัลนูรีน มีหัวหน้าเผ่าเป็นหญิงสาวเลือดผสมอังกฤษ-อาหรับ ที่ฉลาดเฉลียว การศึกษานั้นจบถึงระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดา
ฮาริย่า อัยรีน คาร์ริค คือหญิงสาวผู้รับหน้าที่เป็นเป็นหัวหน้าเผ่าอัยรีนหลังจากมารดาได้เสียชีวิตลงแล้ว
“กองคาราวานมาถึงหรือยัง”
ฮาริย่าถามคนสนิทเมื่อเดินกลับมาถึงบ้านพัก หลังจากไปเก็บค่าเช่าจากจิ้งจอกเฒ่าที่ชื่ออาดีบ ผู้มาขออาศัยเช่าอยู่ในเผ่าอัยรีนชั่วคราว
ฮาริย่ายังจำได้ดีในวันที่ตาเฒ่าอาดีบกับลูกน้องคนสนิท เดินทางมาถึงเผ่าอัยรีนและขอเช่าพื้นที่เล็กๆ ภายในเผ่าของเธอ เพื่อพักอาศัยและปลูกดอกกุหลาบพันธุ์พิเศษที่เขาคิดขึ้นมาเอง หญิงสาวไม่สนใจว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จะมีพิษสงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากเพียงใด ไม่สนใจว่าเขาทำชั่วอะไรไว้ในเมืองหลวงอัลนูรีน จนต้องถูกหนีซมซานมาอยู่ที่นี่ สิ่งเดียวที่เธอสนใจคือค่าเช่าที่อีกฝ่ายสามารถจ่ายให้ตามที่เธอเรียกร้องเป็นทองคำแท่งจำนวนมากโข
ทองคำแท่งเหล่านี้ หญิงสาวสามารถเอาไปแปรสภาพเป็นเงิน เพื่อนำมาทำนุบำรุงให้คนในเผ่าของเธอ ให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ประมุขแห่งแผ่นดินอัลนูรีน
“คาราวานกองแรกมาถึงแล้วค่ะนายหญิง ตอนนี้คนของเรากำลังเข้าไปตรวจสินค้าอยู่ค่ะ”
นัยดา หญิงรับใช้ผู้มีเรือนร่างใหญ่โตแข็งแกร่งไม่แพ้บุรุษเพศ เอ่ยรายงานหัวหน้าหญิงที่เธอรักและให้ความเคารพไม่แพ้ท่าน อัยรีน คาร์ริค หัวหน้าเผ่าคนก่อนซึ่งเป็นมารดาของฮาริย่าที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
“สั่งให้คนของเราเช็คให้ละเอียด อย่าให้ยานรกเล็ดลอดเข้ามาในเผ่าของเราได้”
ฮาริย่าสั่งเสียงเข้ม เผ่าอัยรีนของเธอถือว่าเป็นเขตการค้าเสรีในแถบดินแดนทะเลทราย ที่มีอาณาบริเวณติดกับประเทศใหญ่ๆ อย่างประเทศอัลนูรีน พ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางไกลมาถึงที่อัยรีนจะค้าจะขายอะไรก็ได้ จะเป็นของหนีภาษีหรือลอกเลียนแบบมาหญิงสาวก็ไม่เคยห้าม แต่มีสองสิ่งที่เธอไม่ยอมให้ย่างกรายเข้ามาในเผ่าได้ คือยานรกอย่างเฮโรอีนและอาวุธสงคราม
“ค่ะนายหญิง นัยดาสั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ คนของเราไม่มีใครละเลยเรื่องนี้แน่”
ด้วยทุกคนในเผ่าเห็นประจักษ์แจ้งว่า ยานรกที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางมาถึงเผ่าอัยรีน ในสมัยที่หัวหน้าเผ่าคนเดิมปกครองอยู่ ได้คร่าพี่น้อง ลูกหลานของพวกตนให้ล้มตายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับคนเป็นเหลือคณานับ เมื่อไม่อาจช่วยลูกหลานของตนได้ นอกจากปล่อยให้หมดลมหายใจไปทีละเฮือก นับตั้งแต่นั้นมาชาวเผ่าอัยรีนจึงสาบานว่าจะไม่ให้ยานรกเหล่านี้ ได้ย่างกรายเข้ามาในแผ่นดินของพวกตนเป็นครั้งที่สอง
“อ้อ! นายหญิงคะ หัวหน้ากองคาราวานบอกว่า รอบนี้มีพ่อค้าเร่คนใหม่ขอเข้าร่วมคาราวานด้วย”
คำรายงานของนัยดา ทำให้เท้าเล็กที่กำลังจะกลับเข้าไปในบ้านพักของตัวเอง เพื่อนำทองคำไปเก็บไว้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคและสินค้าจำเป็นอีกมายมาย เท่าที่ทองคำแท่งจะแลกมาได้ๆ หยุดชะงักอยู่กับที่ ก่อนจะหันมาถามคนสนิท
“ยังงั้นหรือ...หัวหน้ากองคาราวานได้บอกไหมว่าเขาขายอะไร”
“เอ่อ...เขาบอกนัยดาเพียงเท่านี้ค่ะ ถ้าไงนัยดาจะไปดูสินค้าของเขาเอง แล้วจะมารายงานให้นายหญิงทราบอีกทีค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกนัยดา เดี๋ยวเราไปเองก็ได้” ฮาริย่าบอกหญิงรับใช้ ก่อนจะยื่นทองคำแท่งให้อีกฝ่าย
“เอาไปเก็บให้มิดชิด พรุ่งนี้ค่อยเอามาแลกกับสินค้า”
“ค่ะนายหญิง”
นัยดารับผ้าขาวสะอาดซึ่งห่อทองคำแท่งไว้มากอดแน่น จากนั้นก็รีบเดินตรงไปยังบ้านพักของนายหญิง เพื่อนำทองคำไปเก็บไว้
ฮาริย่าก้าวเท้าอย่างรีบเร่งไปยังกองคาราวานสินค้า เพื่อตรวจสินค้าที่มีหลาก
หลาย จากทั่วมุมโลกที่ได้นำมาขายให้กับคนในเผ่าของเธอ หญิงสาวตรงไปยังกองเกวียนของหัวหน้ากองเกวียน ที่ล่วงเข้าวัยหกสิบปีเป็นอันดับแรก ด้วยอยากรู้ว่ากองเกวียนลำใหม่ที่มาขายสินค้านั้น เป็นใครมาจากไหน จึงสามารถเข้าร่วมกองคาราวานของผู้เฒ่ากาติย์ ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘งก’ เป็นที่หนึ่งได้
เพราะผู้เฒ่ากาติย์จะไม่ยอมให้ใครเข้าร่วมกองคาราวานได้ง่ายๆ ด้วยเกรงว่าผู้คนเหล่านั้นจะมาแย่งลูกค้าไปจากตนเอง
“ท่านผู้เฒ่า”
ฮาริยาเรียกผู้ที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเกวียนลำใหญ่ ซึ่งบรรทุกสินค้ามาจนเต็มลำเกวียน โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายหันมามอง จากนั้นก็ได้เอ่ยถามทันทีอย่างคนใจร้อนอยากได้คำตอบฉับพลัน
“ได้ยินมาว่าท่านผู้เฒ่ารับพ่อค้าเร่มาเพิ่มอีกหนึ่งรายหรือคะ”
ตาเฒ่ากาติย์ผู้ช่ำชองพื้นที่แถบชายแดนทะเลทรายเป็นอย่างดี ด้วยย่ำเท้าเดินทางเร่ขายสินค้ามานานนับยี่สิบปี ได้คลี่ยิ้มกว้าง เมื่อหันมามองเจ้าของน้ำเสียงหวานๆ
“อ้อ! นายหญิงฮาริย่านั่นเอง เรานึกว่าใครที่เรียกเราเสียงดัง จนแสบแก้วหูไปหมด”
ฮาริย่ามองค้อนผู้เฒ่ากาติย์ ที่รู้จักมานานนับแรมปี เกือบจะเท่าๆ กับอายุของเธอก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นผู้เฒ่าท่านนี้นำกองเกวียนมาขายสินค้าให้คนในเผ่าของเธอในทุกๆ สามเดือน
“ท่านผู้เฒ่ายังไม่ตอบฮาริย่าเลยว่ารับใครเข้ามาร่วมกองเกวียน เป็นคนดีหรือเปล่า แล้วเขาขายสินค้าอะไร หวังว่าไม่ใช่ยานรกที่ฮาริย่าห้ามไว้น่ะ”
ตาเฒ่ากาติย์หัวหน้ากองคาราวานหัวเราะร่วน ขณะได้ยินคำถามรัวเร็วเป็นชุดที่หัวหน้าเผ่าแสนสวยมากความสามารถ ได้ปล่อยออกมาจากริมฝีปากสีสวยอวบอิ่ม
“ทีละคำถามก็ได้นายหญิงฮาริย่า เล่นถามเป็นชุดแบบนี้ คนแก่อย่างตาเฒ่ากาติย์ก็มึนเป็นเหมือนกัน”
ฮาริย่าสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อระงับอาการโมโห พร้อมกับทำใจให้เย็นลงอีกนิดหนึ่ง หญิงสาวลืมไปว่าหากเมื่อใดที่เธอใจร้อน อยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากตาเฒ่าผู้นี้ เธอจะไม่มีทางได้รับคำตอบกลับมา แต่หากเธอเย็นลง ตะล่อมถามทีละนิด ทุกสิ่งที่อยากรู้ก็จะพร่างพรูหลุดออกมาจากปากของตาเฒ่ากาติย์เป็นชุด
“ก็ได้ค่ะ ฮาริย่าจะถามทีละคำถาม แต่สิ่งแรกที่ท่านผู้เฒ่าต้องตอบฮาริย่าคือ พ่อค้าเร่คนนี้เขาขายสินค้าอะไร”
ตาเฒ่ากาติย์ผู้มีสาลิกาลิ้นทอง ไม่ว่าค้าขายที่ไหนก็ทำกำไรได้มากมายมหาศาล ได้หันหลังให้ผู้ถาม แสร้งทำเป็นยกผ้าใบที่ปกคลุมสินค้าของตนเองออก ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่ตรงกับคำถามสักเท่าไร
“เขาก็ขายสินค้าทั่วๆ ไปนั่นแหละ นายหญิงฮาริย่าไปถามเขาเองเถอะ อยู่เกวียนสุดท้ายของขบวน”