บทนำ
โลก ปี ค.ศ. 3798.....
ณ ห้องพักอาจารย์ประจำภาควิชาการศึกษามิติคู่ขนาน โรงเรียนมัธยมสตรีอาร์เทมิส....
เด็กสาวสามคนกำลังยืนฟังอาจารย์หัวหน้าภาควิชาอบรมด้วยกิริยาท่าทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เด็กสาวคนแรกท่าทางเรียบร้อยยืนประสานมือก้มหน้าราวกับกำลังสำนึกผิด ผมสีทองยาวสลวยทิ้งตัวลงมาปิดใบหน้าสวยใสไร้เดียงสาเสียเกือบครึ่งจึงทำให้อาจารย์ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าลิงหลอกเจ้าที่หล่อนแอบทำใส่เป็นระยะๆ ขณะที่อาจารย์มัวแต่หันไปดึงหูเด็กสาวผมดำหน้าตายียวนกวนประสาทที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ส่วนเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนอีกคนกำลังหัวเราะขำหน้าตาเหยเกของเพื่อนที่ถูกดึงหู
"โอ๊ย เจ็บนะอาจารย์ นี่มันยุคไหนแล้ว อาจารย์ยังมาทำโทษลูกศิษย์แบบนี้อยู่อีก" เด็กสาวผมดำประท้วงพลาง หันไปถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนชั่วร้ายอีกสองคนพลาง นอกจากพวกมันจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังมีหน้ามาขำคนโดนทำโทษอีก ความจริงสองคนนั่นผิดมากกว่าหล่อนด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากแม่หัวโจกผมทองนามซิตริน เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ดูภายนอกเป็นคุณหนูเรียบร้อย อาจารย์จึงเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนโดนเพื่อนๆ ชักจูงไปในทางที่ผิด หารู้ไม่ว่าความผิดแทบจะทุกเรื่องเริ่มจากความคิดแผลงๆ ของคุณหนูซิตรินผู้บอบบางคนนี้แหละ ส่วนเพื่อนตัวแสบอีกคนที่กำลังหัวเราะร่วน มีฉายาว่าเจ้าแม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนประจำกลุ่ม หล่อนเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอดเวลาจนใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครหลง หล่อนมีชื่ออันไพเราะเพราะพริ้งว่าแอมเบอร์ ที่ได้ชื่อนี้มาก็เพราะมีดวงตาสีทองอำพัน เพื่อนทั้งสองคนกำลังเอาตัวรอดจากวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างง่ายดาย คงเหลือแต่ลาพิสผู้โชคร้ายคนนี้ที่กำลังถูกดึงจนหูจะหลุดอยู่รอมร่อ เพราะความเป็นคนแรงและหน้าตากวนบาทามาแต่กำเนิด ทำให้ใครเห็นใครหมั่นไส้ ไม่เว้นแม่แต่อาจารย์สาวแก่สุดโหดคนนี้
"ไม่ต้องมาร้องนะยะ คิดจะสำนึกผิดซักนิดก็ยังไม่มีเลยนะเธอ ดูอย่างเพื่อนเธออีกสองคนมั่งสิ อ้าวมิสซิตรินร้องไห้ทำไม อาจารย์ยังไม่ได้ว่าอะไรเธอซักคำเลยนะจ๊ะ" อาจารย์ที่กำลังเสียงเขียวใส่ลาพิสพอหันไปเห็นเด็กสาวผมทองยืนน้ำตาหยดแหมะๆ ก็เสียงอ่อนลงทันที
"ก็... ก็ หนูสงสารเพื่อนที่โดนอาจารย์ดุนี่คะ" หล่อนพูดเสียงเบาปนสะอื้น น้ำตาไหลพรากๆ ราวกับกำลังเสียญาติผู้ใหญ่ ฝ่ายลาพิสเห็นเพื่อนตีบทแตก ก็ได้แต่กลอกตาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย จนโดนอาจารย์หันมาหยิกให้อีกที
"โอ๊ย อะไรเนี่ยอาจารย์ ทำไมมาลงแต่ที่หนูล่ะ" หล่อนรีบกระโดดหลบฉากไปยืนหลังแอมเบอร์กับซิตริน ทำให้อาจารย์ตาเขียวปั้ดได้อีก
"เย็นไว้ค่ะอาจารย์" แอมเบอร์พูดด้วยเสียงกลัวหัวเราะ พร้อมกับทำตาออดอ้อนบ้องแบ๊ว "อาจารย์อย่าทำโทษพวกเราเลยนะคะ พวกเราก็แค่สนใจวิชาของอาจารย์มากไปนี๊ดดดดเดียวเองค่ะ แหะๆ "
"ใช่ค่ะ... ฮึก ๆ.... เป็นความผิดหนูเองค่ะ หนูไม่น่าทำเครื่องแปลงมวลสารพวกนั้นหลุดมือตกลงไปในอุโมงค์มิติเลย ฮึก ๆ" ซิตรินเสริมด้วยเสียงปนสะอื้นขึ้นอีกคน
ศาสตราจารย์การ์เซียถอนหายใจเฮือก "พวกเธอรู้มั้ยว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหน หากเครื่องมือพวกนั้นตกลงไปยังมิติที่มีมนุษย์อยู่แล้วถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นกับโลกในมิติเหล่านั้น ซึ่งอาจถึงขั้นสงครามล้างเผ่าพันธุ์ หรือสงครามระหว่างมิติเลยทีเดียวนะ นี่เป็นความผิดที่ฉันไม่อาจเพิกเฉยได้ แม้พวกเธอจะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่ก็ต้องถูกส่งตัวไปให้กรมสอบสวนคดีความมั่นคงระหว่างมิติสอบสวนในวันพรุ่งนี้"
"ฮ้า!!!" สาวน้อยทั้งสามอุทานด้วยความตกใจด้วยพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
แอมเบอร์ถึงกับยิ้มไม่ออก ซิตรินก็น้ำตาแห้งในบัดดล ส่วนลาพิสก็หน้าเหวอด้วยความตกใจ ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะเรียกสติกลับคืนมาเพื่อกอบกู้วิกฤต ศาสตราจารย์การ์เซียก็รีบชิงโบกมือไล่ซะก่อน
"ไป ๆ ๆ พวกเธอกลับห้องพักไปได้แล้ว คืนนี้พวกเธอจะถูกกักบริเวณ ห้ามออกไปข้างนอก ฉันจะรายงานผู้ปกครองของพวกเธอเอง แล้วอย่าก่อเรื่องเพิ่มอีกล่ะ ฉันล่ะปวดหัวกับพวกเธอจริงๆ " เด็กสาวทั้งสามได้แต่เดินหงอยกลับไปยังหอพัก
โรงเรียนมัธยมสตรีอาร์เทมิส เป็นโรงเรียนประจำสำหรับนักเรียนหญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ผู้ที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ได้ต้องมีทั้งผลการเรียนเป็นเลิศและฐานะการเงินระดับเศรษฐี นักเรียนทุกคนที่เรียนจบจากที่นี่จะมีมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกมาทาบทามให้ไปเรียนต่อโดยไม่ต้องสอบเข้า เด็กนักเรียนหญิงของที่นี่นอกจากจะเก่งกาจและร่ำรวยแล้วยังมีหน้าตาที่ดีมากๆ อีกด้วย เพราะคนมีเงินส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จะให้แพทย์คัดกรองเอาแต่ ดี.เอ็น.เอ ส่วนที่ดีที่สุดของพวกตนมาใส่ให้กับลูก เพื่อให้ลูกที่เกิดออกมาสมบูรณ์แบบ
แล้วซิตริน แอมเบอร์ และลาพิส ก็เป็นดาวเด่นประจำโรงเรียน มีฉายาว่าสามอัญมณี (สุดแสบ) แห่งอาร์เทมิส เพราะพวกหล่อนรวยที่สุด ฉลาดที่สุด สวยที่สุด (ข้อนี้พวกหล่อนได้จากการโหวตของนักเรียนชายทั่วโลก) และแสบที่สุดในบรรดานักเรียนกว่าแปดร้อยคน ซิตรินเป็นลูกสาวของพ่อค้าอัญมณีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หล่อนมีผมสีทองสุกปลั่งราวกับทองคำยาวสลวยจรดเอว และดวงตาเขียวสดใสเหมือนอัญมณีซิตริน พ่อบังเกิดเกล้าของหล่อนจึงตั้งชื่อให้ว่า "ซิตริน" ตามชื่ออัญมณีสุดโปรดของเขาโดยไม่ต้องคิดมาก รูปร่างหน้าตาหล่อนก็สวยใสเพอร์เฟ็คตามแบบฉบับคุณหนูลูกผู้ดีมีสตางค์ทั้งหลาย ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักซึ่งหล่อนมักจะใช้มันเป็นเครื่องมือหลอกให้คนอื่นเข้าใจว่าหล่อนใสซื่อบริสุทธิ์ บวกกับรูปร่างผอมเพรียวแต่ไม่ขาดส่วนโค้งส่วนเว้า ทำให้ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด หล่อนได้รับฉายาว่า "นางฟ้าอาร์เทมิส" จะมีก็แต่เพื่อนในกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วหล่อนคือ "นางมาร" ต่างหาก
แอมเบอร์ หญิงสาวที่มีจุดเด่นอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานยิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอดเวลา ยามยิ้มหล่อนทำให้โลกทั้งโลกสว่างไสว ทุกคนที่อยู่รอบข้างจึงรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้หล่อน โดยหารู้ไม่ว่าภายใต้รอยยิ้มสดใสนั้น สมองน้อยๆ ของหล่อนกำลังวางแผนหาเรื่องสนุกมากลั่นแกล้งผู้คนอยู่ตลอดเวลา การมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นคืองานอดิเรกที่หล่อนโปรดปรานที่สุด เนื่องจากมีบิดาเป็นเจ้าของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีอิทธิพลเหนือวงการสื่อสารและเทคโนโลยีทั้งหมด ชื่อเสียงและเงินทองจึงมีมากตามไปด้วย ไม่มีใครแปลกใจที่เจ้าของสถาบันวิจัยจะมีลูกสาวที่สวยหวานหยาดเยิ้มและฉลาดเฉลียวราวกับผ่านการคัดครอง ดี.เอ็น.เอ. มาไม่ต่ำกว่าสิบชั้น เพราะเขาได้ทำแบบนั้นจริง ๆ
ส่วนลาพิส เป็นหญิงสาวที่ฉลาดปราดเปรียวและเซ็กซี่ที่สุดในกลุ่ม หล่อนมีผมตรงยาวสีดำสนิทเหมือนม่านรัตติกาล ดวงตาหงส์สีน้ำเงินเข้มล้ำลึกเหมือนผลึกลาพิสลาซูรี่ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อลาพิส ผิวขาวอมชมพูเนียนละเอียด แม้จะมีส่วนสูงปานกลางแต่กลับมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบจนทำให้ผู้ชายน้ำลายหก เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บิดาหล่อนเป็นมาเฟียชาวรัสเซีย ส่วนมารดาเป็นทายาทตระกูลยากูซ่าจากญี่ปุ่น หล่อนเลยมีนิสัยที่ไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงมากนัก อีกทั้งยังเป็นคนค่อนข้างจะขวางโลกและเลือดเย็น ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนมาแต่ไหนแต่ไร เพื่อนในกลุ่มชอบใช้หล่อนเป็นไม้กันหมาเวลามีคนมาหาเรื่อง หรือกระทั่งเวลามีหนุ่มน่ารำคาญมาจีบ เพียงแค่ได้สบตาที่เย็นเยียบปานน้ำแข็งขั้วโลกของหล่อน พวกนั้นก็เผ่นกระเจิดกระเจิงแล้ว ยังไม่นับรวมฝีมือการต่อสู้ที่หล่อนชำนาญทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นยูโด ยิวยิตสู นินจัสสุ (วิชาของเหล่านินจา) เทควันโด้ มวยไทย มวยจีน ฟันดาบ หรือแม้แต่อาวุธหนักอย่างพวกปืนผาหน้าไม้ ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาจีบ เพื่อนสาวอีกสองคนจึงชอบว่า ว่าหล่อนมีรูปร่างหน้าตาดีให้เสียของเปล่าๆ เพราะไม่เคยนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เลยสักนิด
แต่บัดนี้แม้แต่พ่อแม่ที่รวยและทรงอิทธิพลมากที่สุดของพวกหล่อนก็คงมิอาจช่วยเหลือใดๆ ได้ เพราะเป็นที่รู้กันว่ากรมควบคุมความมั่นคงระหว่างมิตินั้นเป็นองค์กรอิสระที่ไม่เคยมีใครซื้อได้ และไม่เกรงกลัวอิทธิพลมืดใดๆ หากใครโดนตัดสินโทษแล้วก็ไม่มีสิทธิ์อุทรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
นี่พวกหล่อนยังเป็นสาวน้อยอายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเองนะ ทำไมโลกถึงได้โหดร้ายอย่างนี้
"ฉันคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว" อยู่ ๆ ซิตรินก็โพล่งออกมาท่ามกลางความเงียบ นัยน์ตาสีเขียวใสเป็นประกายแวววาว
"นี่เธอยังคิดจะทำเรื่องดีๆ อะไรให้พวกเราเดือดร้อนไปมากกว่านี้อีกห๊ะ" ลาพิสตะคอกใส่เพื่อนสาวด้วยเสียงไม่เบานัก
"ไม่เอาน่าลาพิส อารมณ์เสียไปได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ฮะ ๆ ๆ" แอมเบอร์ห้ามทัพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนลาพิสโกรธไม่ลง ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความขัดใจ
"ว่าแต่เธอคิดอะไรออกน่ะ" แอมเบอร์หันไปถามซิตรินที่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์
"ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถือโอกาสที่พวกเรายังอายุไม่ถึงสิบแปด ความผิดที่หนักที่สุดก็คงแค่ไปบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสาธารณะ..."
"ประมาณว่าต้องไปขัดส้วมอยู่ที่ดาวอังคารสักปีสองปีใช่ม๊ะ" ลาพิสอดสอดปากขึ้นมาไม่ได้
"อี๋ย์ ไม่เอานะ ฉันไม่ยอมไปทำอะไรอย่างนั้นเด็ดขาด แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว" แอมเบอร์ทำท่าขนพองสยองเกล้า จนลาพิสต้องตบไหล่เพื่อปลอบใจ ก็ส้วมบนดาวอังคารน่ะ ขึ้นชื่อเรื่องความสกปรกที่สุดในระบบสุริยะเลยเชียวนะ
"นั่นแหละ ไม่อยากทำใช่มั้ยล่ะ ฉันเลยกำลังจะเสนอทางออกให้กับพวกเราอยู่นี่ไง" ซิตรินเอ่ยยิ้มๆ
"ว่ามาเพื่อน"
"ก็ทำไมเราไม่ไปตามเก็บไอ้ของเล่นสองสามชิ้นพวกนั้นกลับมาล่ะ เป็นการแสดงความรับผิดชอบไง เผื่อโทษหนักจะกลายเป็นเบา"
"และถ้าทำไม่สำเร็จ ก็จะได้กลายเป็นโทษหนักกว่าเดิมด้วยใช่มั้ย"
"เอ๊ ลาพิสนี่ยังไง ชอบขัดคอคนสวยอยู่เรื่อย ก็เมื่อกี๊เพิ่งบอกอยู่หยก ๆ ไง ว่าไม่มีโทษที่หนักไปกว่านี้หรอก เพราะเรายังเป็นเยาวชนอยู่ไง เหอ ๆ ๆ ๆ" สาวน้อยผมทองหัวเราะชั่วร้ายขัดกับรูปร่างหน้าตา
"ฮะ ๆ ๆ จริงด้วย การไปท่องมิตินี่ก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ ฉันชักเห็นด้วยแล้ว อย่างน้อยก็ยืดเวลารับโทษออกไปได้อีกหน่อย ไม่ดีเหรอลาพิส จะได้ไปเที่ยวสนุกก่อนกลับมารับโทษไง"
"ชิ พวกเธอไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะสามารถใช้อุโมงค์มิติได้สักหน่อย เพราะการกำหนดพิกัดสถานที่และเวลาที่แน่นอนนั้นเป็นเรื่องยากมาก ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับสูงยังทำไม่ค่อยจะได้เลย"
"แต่พวกเราก็รู้ว่าลูกสาวเจ้าของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำได้ ถ้าของเล่นพวกนั้นมีเครื่องติดตามพิกัดของหายติดอยู่ และคนอย่างแอมเบอร์คงไม่พลาดเรื่องแบบนี้ใช่มั้ย" ซิตรินบอกพร้อมกับส่งสายตาระยิบระยับฉีกยิ้มมาด้วยความเชื่อมั่น
“ของมันแน่อยู่แล้ว” แอมเบอร์ขยิบตา
"ฉันไม่น่าเป็นเพื่อนกับพวกเธอเลย ให้ตายสิ!!!" สาวน้อยผมดำกลอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเหนื่อยหน่าย
คืนนั้นเงาร่างในชุดดำสามร่างก็พากันย่องลับๆ ล่อๆ ไปยังห้องแล็ปภาคปฏิบัติของภาควิชาการศึกษามิติคู่ขนาน แต่ละคนแบกเป้ที่บรรจุของใช้จำเป็นสำหรับการ "ผจญภัย" มาเต็มพิกัด การแฮ็คข้อมูลเพื่อหารหัสเปิดประตูห้องนี้ไม่ใช่เรื่องยากสักนิดสำหรับอัจฉริยะอย่างแอมเบอร์ หญิงสาวพรมนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์รหัสหน้าประตูไม่กี่ทีประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย
ภายในห้องมีเครื่องสร้างอุโมงค์เชื่อมมิติขนาดเล็กอยู่หนึ่งเครื่องตรงกลางห้อง เด็กสาวทั้งสามคนพากันไปยื่นก้มๆ เงยๆ ตามแผงวงจรรอบเครื่องเพื่อทำการเปิดเครื่องตามวิธีที่เคยเรียนมา เมื่อแอมเบอร์เปิดเครื่องสำเร็จก็หันมาแลบลิ้นใส่เพื่อนด้วยหน้าทะเล้น ไม่นานใจกลางของวงกลมที่พื้นเครื่องก็ปรากฏเป็นหลุมดำขนาดเท่าลูกฟุตบอล
"ว่าแต่เธอแน่ใจนะว่าไอ้เครื่องติดตามพิกัดของหายของเธอเนี่ย เชื่อถือได้" ลาพิสกระซิบถามแอมเบอร์
"ชัวร์น่า เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนหวงของขนาดไหน และฉันก็ติดเครื่องติดตามสัญญาณไว้ที่ของเล่นของฉันทุกชิ้นด้วย ฉันถึงไม่เคยทำอะไรหายเลยไง"
เด็กสาวผมดำหรี่ตามองเพื่อนที่ยังทำหน้าระรื่นไปพูดไป นี่ตกลงพวกแกจงใจทำของเล่นแกหลุดมือลงไปในอุโมงค์มิติเพื่อหาเรื่องให้ฉันไปผจญภัยกับพวกแกใช่มั้ยเนี่ย ยัยเพื่อนตัวแสบ ลาพิสได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ
เมื่อเห็นสายตาเป็นคำถามปนความอาฆาตมาจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มของอีกฝ่าย แอมเบอร์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชิ ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็อย่าหวังว่าคนสวยจะยอมรับให้โง่เลย ฮ่า ๆ ๆ เอิ๊ก
"พวกแกเลิกจิกกัดกันทางสายตาได้แล้ว มาช่วยฉันใช้เครื่องย่อมวลสารนี่ก่อนเถอะ ขืนไม่รีบเดี๋ยวก็ถูกจับได้กันพอดี" ซิตรินขัดขึ้นด้วยเสียงกระซิบ
เนื่องจากอุโมงค์ที่อยู่ในห้องแล็ปนี้เป็นเพียงอุโมงค์มิติขนาดเล็กเพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าระดับมัธยมปลายเท่านั้น จึงเล็กเกินกว่าที่มนุษย์ปกติจะลอดผ่านเข้าไปได้ มันมีขนาดใหญ่เท่าลูกฟุตบอลลอดผ่านได้เท่านั้น ส่วนอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ใช้เดินทางข้ามมิติกันจริงๆ นั้น ในโลกมีเพียงสามแห่งเท่านั้น และแน่นอนว่าหนึ่งในสามแห่งที่ว่า ก็ย่อมอยู่ที่สถาบันวิจัยของครอบครัวแอมเบอร์ เพียงแต่ที่นั่นมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้แม้แต่จอมแสบอย่างพวกหล่อนก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ในรัศมีห้าร้อยเมตร แต่เนื่องจากเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว สถาบันวิจัยของพ่อแอมเบอร์เพิ่งจะประดิษฐ์เครื่องย่อ-ขยายมวลสารเครื่องแรกของโลกสำเร็จ ทำให้สามารถย่อ-ขยายของทุกอย่างในโลกให้เล็กหรือใหญ่ตามต้องการได้ เพียงแต่ขนาดที่ถูกย่อ-ขยายนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน และไม่มีระยะเวลาการคงอยู่ที่แน่นอน บางครั้งก็หนึ่งวัน บางครั้งก็เป็นเดือนกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม จึงทำให้ยังไม่สามารถนำออกมาใช้อย่างเป็นทางการได้ แต่เนื่องจากแอมเบอร์เป็นลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเจ้าของสถาบันวิจัย ทำให้หล่อนไม่พลาดที่จะขอเอามาทดลองใช้สักสองสามเครื่องก่อน และเมื่อมีเครื่องย่อ-ขยายมวลสารนี้แล้ว ขนาดของอุโมงค์มิติก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกหล่อนอีกต่อไป เพราะพวกหล่อนสามารถย่อร่างกายตัวเองและยานเดินทางข้ามมิติให้เล็กแค่ไหนก็ได้
"เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้ตกลงกันเลยว่าใครจะไปมิติไหน ของสามชิ้นไปอยู่คนละมิติกันหมด เราก็ต้องแยกกันไปตามหาไม่ใช่เหรอ" แอมเบอร์ค้าน
"ต้องเลือกด้วยเหรอยะ ทำอย่างกับจะรู้ว่าแต่ละมิติมีสภาพเป็นยังไง ดูจากพิกัดนี่ ของเล่นแต่ละชิ้นของเธอบังเอิ๊ญบังเอิญไปตกอยู่ในมิติที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อนซะด้วย" ลาพิสประชดด้วยสีหน้ากวนโอ๊ย "ฉันว่าเพื่อความปลอดภัย เราไปช่วยกันหาแต่ละชิ้นพร้อมๆ กันดีกว่า จะได้เสร็จเร็วด้วย"
"แต่ฉันว่าเพื่อความสนุก เรามาแข่งกันหาก็ดีเหมือนกันนะ คนที่ได้ของและกลับมายังโลกใบนี้ได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ หากต้องกลับมารับโทษขัดส้วม ก็สามารถใช้ให้อีกสองคนที่เหลือทำแทนได้ดีม๊ะ" แอมเบอร์กล่าวยิ้มๆ ทำให้เพื่อนสาวอีกสองคนหันมาสบตากัน... ให้ตายยังไงหล่อนก็ไม่ยอมไปขัดส้วมที่ดาวอังคารใช่มั้ยนี่ยัยแอมเบอร์ แต่ข้อเสนอนี้ก็เย้ายวนใจใช่เล่นนะ
"ตกลง!!" ซิตรินและลาพิสพยักหน้าพร้อมกัน และแล้วการเดินทางของจอมแสบทั้งสามก็เริ่มขึ้น