บทที่ 3
ภาวินทร์กลับเข้ามาห้องทำงานของตนพร้อมเอกสารที่อมรเพิ่งเซ็นชื่อกำกับ เขาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ เปิดดูเอกสารที่มีความหนาประมาณสิบหน้าแล้วยิ้ม ก่อนจะพลิกเปิดไปหน้าที่มีลายเซ็นของอมร เขาดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมา กระตุกยิ้มกับสิ่งที่ตนเพิ่งได้ครอบครอง
อนุมัติผลิตแป้งรองพื้นจำนวนหนึ่งล้านตลับ...
ซึ่งเป็นการผลิตที่มากเกินกว่ายอดสั่งซื้อถึงยี่สิบเท่า นั่นหมายถึงสินค้าจะถูกดองอยู่ในสต๊อกเป็นล้านตลับ และกว่าจะปล่อยขายได้หมดคงต้องใช้เวลาหลายเดือน ทว่าแผนของเขาไม่ใช่การผลิตออกมาจำนวนมากเพื่อรอจำหน่าย เขาต้องการให้มันขายไม่ได้ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุน
ความที่อมรไว้ใจภาวินทร์ เขาจึงไม่ได้อ่านเอกสารให้ครบทุกหน้า จะเรียกว่าไม่ได้อ่านเลยสักตัวก็ว่าได้ ภาวินทร์ให้เซ็นชื่ออมรก็เซ็น โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เอกสารดังกล่าวนั้นเป็นเอกสารอะไร หากรู้ความผิดพลาดคงไม่เกิดขึ้น และภาวินทร์ก็ไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดีไม่ดีความลับอาจถูกเปิดเผย
แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างภาวินทร์ เอกสารสิบแผ่นมีรายละเอียดเรื่องเครื่องสำอางพีวายเคแค่แปดแผ่น อีกสองแผ่นเป็นเอกสารขออนุมัติสั่งผลิตแป้งรอง เอกสารนั้นเข้าแทรกอยู่แผ่นที่เจ็ดและแผ่นที่สิบ เขารู้ดีว่า อมรไม่เคยอ่านเอกสารที่ตนให้เซ็น แต่ถึงจะอ่านก็อ่านเพียงแค่แผ่นแรกเท่านั้น ส่วนแผ่นอื่นๆ ก็เพียงเปิดผ่าน ไม่ได้สนใจอ่านเนื้อหา เรื่องจึงง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
ภาวินทร์วางแผนแก้แค้นคนที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องชายเสียชีวิตมานานหลายปี และหลายปีนี้เขาต้องทำใจอย่างหนักที่จะพูดดี ทำดี อ่อนน้อมถ่อมตนกับครอบครัวนี้ บางครั้งภาวินทร์อยากร่นเวลาให้เร็วขึ้น เพื่อให้แผนการสำเร็จโดยเร็ว เขาจะได้ไม่ต้องแสร้งทำเป็นดีกับครอบครัวคนที่ไร้ความรับผิดชอบ แต่คงอีกไม่นาน ภาวินทร์คงไม่ต้องฝืนทน เพราะแผนการของเขาใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมันก็คุ้มกับการอดทน
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ภาวินทร์จึงเก็บเอกสารในมือใส่ลิ้นชักโต๊ะ ไม่ลืมที่จะล็อกไม่ให้ใครเป็นเอามันออกไปได้ ชาตรีเจ้าของมือที่เคาะประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านาย ก่อนจะมานั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ว่าไง ได้เรื่องยังไงว่ามา” ภาวินทร์ถามชาตรี
“เรียบร้อยตามที่สั่งครับ” ชาตรีตอบ
“ทั้งสองงาน”
“ครับทั้งสองงาน”
“อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ความอดทนของฉันที่ต้องทำดีกับคนที่เกลียดเหลือน้อยเต็มที ฉันกลัวจะพลั้งมือฆ่าเอมซะก่อน”
ชาตรียอมรับว่าภาวินทร์เก่งและมีความอดทนสูง เพราะต้องทำตัวสนิทชิดเชื้อ ทำเป็นดีและทำอะไรอีกหลายอย่างเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจ ซึ่งก็ทำได้ดีมาก อมรและครอบครัวไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังเลี้ยงงูเห่าพิษสงร้ายไว้ใกล้ตัว งูเห่าที่พร้อมจะแว้งฉกกัดได้ทุกเมื่อ
แต่ก็มีอีกเรื่องที่ติดค้างในใจชาตรี ภาวินทร์บอกว่าต้องฝืนใจ อดทนอยู่ใกล้คนที่เกลียด และคนที่ภาวินทร์เกลียดที่สุดคือเอมิกา ทว่าการแสดงออกบางครั้งของภาวินทร์ ชาตรีไม่คิดว่ามันเป็นการแสดง เป็นการเสแสร้ง
“รับรองครับว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณป้องต้องการครับ” ชาตรีย้ำ “วันเสาร์นี้ ทางบริษัทอินยูนิตี้จะส่งคนมาดูผลไม้ในไร่ คุณป้องจะกลับไร่หรือเปล่าครับ”
“ไปสิ แล้วเตรียมตัวไว้พร้อมหรือยัง”
บริษัทอินยูนิตี้ เป็นบริษัทผลิตน้ำผลไม้ส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัทดังกล่าวกำลังมองหาไร่แห่งใหม่ที่จะส่งผลผลิตป้อนเข้าสู่บริษัท เพื่อผลิตเป็นน้ำผลไม้ในรูปแบบต่างๆ แทนไร่เดิมที่ปิดกิจการลง ไร่นิลุบลเป็นอีกไร่หนึ่งที่ทางบริษัทหมายตาไว้ จึงต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของผลผลิตว่าอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดหรือไม่
“เรียบร้อยครับ”
“เรื่องบ้านพักที่ฉันบอกให้นายจัดการล่ะ เรียบร้อยไหม” เจ้านายถามถึงงานอีกเรื่อง
“เรียบร้อยเหมือนกันครับ”
“ขอบใจมาก เสร็จงานนี้ฉันจะให้รางวัลที่นายช่วยงานฉัน”
ชาตรีเปรียบเสมือนมือเท้าของภาวินทร์ ที่คอยทำงานสำคัญให้หลายงาน แต่ละงานก็สำเร็จเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงงานล่าสุดก็คงไม่ทำให้เขาผิดหวังเช่นกัน
“ผมยินดีรับใช้คุณป้องครับ ผมขอตัวก่อนนะครับต้องไปรับคนงานใหม่ที่บ้านเฮียนก”
ชาตรีพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เอมิกาเดินเข้ามาในห้องพอดี ในมือถือถุงใส่เสื้อผ้ามาด้วย
“พี่ชาตรีจะไปไหนคะ”
“ไปทำงานที่คุณป้องสั่งครับ” ชาตรีตอบ
“เอมสั่งเสื้อกับนุ่น เพิ่งได้มาเมื่อกี้ พี่ชาตรีอย่าเพิ่งไปนะ รอดูชุดนี้ก่อนว่าเอมใส่สวยรึเปล่า” หล่อนชูถุงใส่เสื้อให้ชาตรีดู
“ไปให้ชาตรีดูทำไม ชาตรีจะรีบไปทำงาน ให้พี่ดูก็ได้” ภาวินทร์บอกสาวเอาแต่ใจ
“ให้พี่ป้องดู พี่ป้องก็บอกว่าสวยทุกที ให้พี่ชาตรีดูน่ะดีแล้ว พี่ชาตรีพูดความจริง” เอมิกาโต้คนรัก “พี่ชาตรีรอแปปนึงนะคะ อย่าเพิ่งไปล่ะ ถ้าไปก่อนดูชุดใหม่ของเอม เอมโป้งพี่จริงๆ ด้วย”
ชาตรีหันมามองหน้าภาวินทร์คล้ายกับว่าให้อีกฝ่ายช่วยตัดสินใจ พอเห็นภาวินทร์พยักหน้าชาตรีจึงกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม นั่งรอเอมิกาสวมใส่ชุดใหม่ให้ตนดู ไม่นานเกินรอสาวสวยจอมเอาแต่ใจก็เดินออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ในห้องทำงาน
“เป็นไงคะพี่ชาตรี เอมใส่ชุดนี้สวยไหมคะ โป๊ไปหรือเปล่า แต่เอมว่าไม่โป๊นะ”
ชาตรีถึงกับตาค้างเมื่อเห็นชุดที่เอมิกาบอกว่า ‘ไม่โป๊’ ชุดที่หล่อนสวมใส่เป็นชุดเกาะอกรัดติ้วสีบานเย็นที่ตัดกับสีผิวขาวสุขภาพดีของหล่อน ชุดนี้หากคนสวมใส่หน้าอกหน้าใจเล็กก็คงไม่น่ามองเท่าไหร่ ทว่าเอมิกามีขนาดทรวงอกใหญ่กว่าตัว ส่งผลให้มันล้นทะลักชุดเกาะอกเป็นลูก
ไม่เพียงแค่ชาตรีที่ตาค้าง ภาวินทร์ก็ตกอยู่ในอาการเดียวกับลูกน้อง แต่จะต่างกันตรงที่ว่า อาการหึงหวงแวบเข้ามาในความรู้สึก เพราะชุดนี้เขาน่าจะเห็นได้คนเดียว
“สวยไหมคะพี่ชาตรี” เอมิกาถามอีกรอบ
“ชาตรี!” เสียงเรียกชื่อดังเข้ม ชาตรีหันไปมองหน้าเจ้านายที่ส่งสายตาดุกร้าวใส่ “มึงจะรีบไปไหนก็รีบไปป่ะ กูเริ่มคันมือแล้ว”
ชาตรีรีบลุกเดินออกไปจากห้องทันทีที่เจ้านายพูดจบ ไม่คิดจะอยู่ให้คำตอบที่เอมิกาต้องการ
“เกือบซวยแล้วกู”
ชาตรีบ่นระหว่างที่เดินออกจากประตูห้องด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ ยังนึกสงสัยว่า เอมิกาคือผู้หญิงที่ภาวินทร์บอกว่าเกลียดที่สุดในโลก แต่ทำไมหน้าตา ท่าทางและคำพูดของภาวินทร์ตอนนี้ ถึงทำให้เขาคิดว่า มันตรงกันข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง
“พี่ชาตรียังไม่ตอบเอมเลยว่าเอมสวยหรือเปล่า” เอมิกาพูดไล่หลังชาตรีที่รีบเดินแบบไม่หันมามองผู้เรียก “พี่ป้องไม่น่าไล่พี่ชาตรีไปทำงานเลย เอมยังไม่ได้คำตอบเลยว่าเอมสวยหรือเปล่า”
หล่อนหน้างอใส่คนรัก ที่ลุกเดินมาหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“นึกยังไงใส่ชุดบ้าๆ ชุดนี้ รู้ไหมว่านมแทบจะทะลักออกมาจากเสื้อแล้ว” ภาวินทร์ดุ
“ทะลักทะเลิ่กที่ไหนคะ ชุดเกาะอกก็เป็นแบบนี้แหละ ใส่ออกจะสวย ยิ่งหน้าอกใหญ่ๆ ใส่ชุดเกาะอีกยิ่งสวยใหญ่ ดูสิคะ สวยจะตายไป” เอมิกาเถียงกลับ หมุนตัวให้คนรักดู
“ไปเปลี่ยนเลย แล้วก็ทิ้งชุดนี้ไปซะ พี่ไม่ชอบ”
“แต่เอมชอบ เอมไม่ทิ้งหรอก”
“อย่าดื้อนะเอม ชุดนี้มันโป๊ พี่ไม่ชอบ” เขาสั่งเสียงเฉียบ ส่งสายตาดุใส่ แต่เอมิกากลับยิ้มให้เขา เดินเข้ามาใกล้ เบียดหน้าอกกับที่อกกว้างไปมา ชอบใจกับท่าทางหึงหวงของเขา
“ถ้าไม่อยากให้เอมใส่ พี่ป้องก็ต้องถอดชุดนี้เองค่ะ ถ้าพี่ป้องไม่ถอด เอมก็ไม่ถอดจะใส่อยู่อย่างนี้ จะเดินโชว์ให้ทั่วบริษัทเลย”
หล่อนยิ้มยั่ว ภาวินทร์อยากจะเอามือฟาดก้นงามๆ สักสองสามที เพราะไอ้หน้าอกใหญ่ๆ นี่แหละที่ทำให้เขาตบะแตก ต้องระงับความรู้สึกอีกด้านที่กำลังเข้ามาในจิตใจ
ท่องไว้!...เขาเกลียดหล่อน เกลียดหล่อน
เอมิกาคือคนที่ฆ่าสาริช
โอ๊ย! แต่ไอ้ลูกมะพร้าวสองลูกใหญ่ตรงหน้า มันทำให้เขาสติเตลิด ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขารู้สึกหึงหวง ไม่ชอบใจที่เอมิกาสวมใส่ชุดนี้ เขาน่าจะได้เห็นเป็นคนแรกและคนเดียว ไม่ใช่ใส่ให้ชาตรีเห็นลูกมะพร้าวที่แทบจะล้นออกมาดูโลก ทั้งที่ความรู้สึกนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเอมิกาคือผู้หญิงที่เขาเกลียด...เกลียดมากที่สุดในโลก
ใช่...ภาวินทร์เกลียดเอมิกา ทว่าทุกอย่างที่เขาทำคือการแสดง ภาวินทร์ต้องทำให้เอมิกาตายใจ คิดว่าตนรักและเสน่หาในตัวหล่อน เพื่อแผนการของเขาจะได้สำเร็จลุล่วง
มันคือการแสดง...การแสดงล้วนๆ