บทนำ ด้ายแดงแห่งโชคชะตา (1)
‘ผู้เฒ่าจันทรา’ มีหน้าที่ผูกด้ายแดงไว้ที่นิ้วให้กับชายหนุ่มหญิงสาวที่เป็น
เนื้อคู่กัน เกิดมาเพื่อครองรักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า แล้วตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาฉายประกายแน่วแน่
ตั้งอกตั้งใจออกตามหาคู่ชีวิตที่จะมาร่วมเส้นทางเดินแห่งรัก เป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างให้มายืนเคียงข้างแม่ทัพใหญ่ ‘หานเจี้ย’ แห่งแคว้นซือเสียน
ทว่า...เรื่องราวทุกอย่างกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิด เมื่อเนื้อคู่ของแม่ทัพใหญ่
ผู้มีชื่อเสียงดีงามแห่งยุคกลับไม่ได้อยู่ในชาติภพเดียวกัน
โลกคู่ขนานได้ขีดเส้นแบ่งช่วงเวลาของพวกเขาออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แม้เดินสวนกันไปมาก็ไม่อาจมองเห็นกันได้ เรียกได้ว่าอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล หากไม่ใช่เพราะด้ายแดงที่ผูกกันไว้แน่นหนา ป่านนี้พวกเขาคงสิ้นไร้วาสนาหมดหนทางได้ครองคู่กัน
ในเมื่อสมุดบันทึกรายชื่อบอกว่าพวกเขาทั้งสองยังมีชะตาที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันเพื่อพิสูจน์รักแท้ แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องนำพาพวกเขาให้มาพบกัน เขาผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อชักนำคนรักให้กับมนุษย์โลก มีหรือจะทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้
“ตรงนี้แหละ!”
ชายชราในเสื้อผ้ายุคสมัยใหม่สีสันแปลกตาน้อยชิ้น ยืนหรี่นัยน์ตาฝ้าฟางมองหาเจ้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามที่สมุดรายชื่อมีบันทึกไว้ มือเหี่ยวย่นลูบหนวดเครายาวสีขาวไปมาอย่างครุ่นคิด อีกมือหนึ่งถือสมุดบันทึกรายชื่อเล่มหนาไว้
ชั่วอึดใจต่อมาดวงตาของผู้เฒ่าจันทราก็พลันเบิกกว้างถลึงมองร่างเด็กหนุ่มที่อาบโชกไปด้วยเลือด ร่างถูกวางทิ้งไว้ข้างถังขยะ สภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่ถูกคนใจร้ายตีตายแล้วนำมาโยนทิ้งไว้ไม่มีผิด!
“สภาพเช่นนี้รึ เป็นเนื้อคู่ของแม่ทัพใหญ่หาน? ไอ้หยา...นี่ข้าคงไม่ได้ดูชื่อผิดไปใช่หรือไม่ เจ้าเด็กที่ลมหายใจดับสิ้นไปแล้วนี่น่ะรึ จะเป็นเนื้อคู่ของคนผู้นั้นจริงๆ”
พูดไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ เรียวคิ้วยาวปลายหางตกเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา อยู่เหนือดวงตาหยีเล็กฝ้าฟางที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจในชะตารักของบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินซือเสียน
ไม่นึกฝันมาก่อนเลยว่าผู้ที่เป็นใหญ่เป็นรองแค่คนคนเดียวจะมีชะตาชีวิตเช่นนี้
เดิมทีหยินต้องคู่กับหยาง หญิงต้องเกิดมาคู่กับชาย ไฉนคราวนี้จึงกลายเป็นชายคู่ชายไปได้เสียเล่า แถมยังเป็นผู้ที่ตายไปแล้วด้วย
สภาพของเจ้าเด็กหนุ่มนี่ตอนตายช่างน่าอนาถนัก หยาดโลหิตไหลอาบท่วมร่าง ทั้งตัวเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากการถูกทุบตีสาหัส ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดทำให้มองไม่เห็นเค้าโครงหน้าเดิม ไม่อาจรู้ได้ว่ารูปโฉมยามปกติเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้มีชะตาต้องกันกับแม่ทัพใหญ่หาน เป็นผู้ที่เขาต้องพาตัวกลับไปให้ได้
น่าเศร้าใจยิ่งนัก ทั้งที่มีคุณหนูตระกูลน้อยใหญ่มากมายต่างชม้ายชายตามองเขา หวังใจให้ได้เป็นหนึ่งในยอดบุปผางาม ได้อิงแอบแนบชิดอยู่ข้างกาย แต่พวกนางกลับต้องฝันสลาย ด้วยด้ายแดงล่องหนทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง ผูกโยงชะตาชีวิตของคนทั้งสองไว้ให้ครองคู่กัน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจแยกพวกเขาออกจากกันได้
เว้นเสียแต่ว่าตาแก่อย่างเขาจะเห็นว่าความรักนี้ไม่เหมาะสมไปด้วยกันไม่ได้เขาถึงจะใช้ ‘กรรไกรตัดวาสนา’ ตัดด้ายแดงเส้นนี้ให้ขาดจากกัน
หานเจี้ยเอ๋ยหานเจี้ย เนื้อคู่เจ้าผู้นี้ช่าง...
เฮ้อ! นี่คงเป็นลิขิตฟ้าที่กำหนดมาให้เป็นอย่างนี้สินะ
เขาคงต้องรีบหาทางส่งตัวเจ้าเด็กนี่ไปยังโลกนั้นให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่ด้ายแดงล่องหนจะหลุดออกจากกันเพราะเวลาที่ล่วงเลยนานไป มิเช่นนั้นแม่ทัพใหญ่หานจะเหลือเพียงครึ่งชีวิต ชะตาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอาภัพไร้คู่ไปทุกภพทุกชาติ!
ทางด้านของแบงค์
วิญญาณเด็กหนุ่มเจ้าของร่างโชกเลือดลอยละล่องไปมาไม่รู้ทิศ ในแต่ละวันผ่านไปโดยไร้จุดหมาย เขาเฝ้าวนเวียนนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง แต่ยิ่งคิดยิ่งเค้นสมองมากเท่าไรก็ยิ่งพบเจอแต่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความทรงจำในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน แล้วยิ่งไม่รู้ว่าเพราะอะไรตัวเองถึงต้องมาตายอย่างน่าอนาถแบบนี้ ถ้าให้เดาคนที่ทำร้ายเขาจะต้องมีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำร้ายกันด้วยวิธีโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างนี้หรอก
‘เฮ้อ เหนื่อยใจจริงๆ ตกลงแล้วเราเป็นใครกันแน่วะ ทำไมถึงนึกอะไรไม่ออกเลย แล้วใครกันที่บังอาจมาทำร้ายเราถึงตาย มิหนำซ้ำยังใจดีเอาร่างมาโยนทิ้งไว้ข้าง
ถังขยะไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งให้น่าสังเวชใจอีก!’
อย่าให้รู้นะ พ่อจะตามไปหลอกหลอนให้หัวโกร๋น ช็อกตายกันไปข้างหนึ่งเลย!
เสียงของวิญญาณเด็กหนุ่มไม่ได้มีผลกระทบต่อผู้คนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครมองเห็นเขา และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ตรงนี้
เขาเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนไร้ชีวิต หมดสิ้นลมหายใจไปนานแล้ว ไม่มีเพื่อน ไม่มีผีตนไหนแวะเวียนมาพูดคุยกับเขา พวกเราต่างฝ่ายต่างไม่ข้องแวะกัน แต่ละวันผ่านไปอย่างเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวหัวใจเหลือเกิน
ยอมรับว่าช่วงแรกที่รู้สึกตัวใหม่ๆ เขารู้สึกกลัวมาก ใครมันจะไปทำใจยอมรับได้ว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความชินชา พยายามไม่สนใจความอ้างว้างเดียวดายที่คืบคลานมาเกาะกุมหัวใจ
แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงมันซะ แค่นี้ก็ใช้ชีวิตในแบบผีๆ ได้แล้ว
เฮ้อ! ให้ตายสิ ถึงจะบอกไปอย่างนั้น แต่ใจจริงก็ยังอยากรู้เรื่องทั้งหมดอยู่ดี
อยากรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ทำไมเขาถึงมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ เขาไปมีเรื่องต่อยตีกับใครมา ทำไมอีกฝ่ายถึงได้โกรธแค้นกันถึงขนาดที่ต้องเล่นงานกันให้ถึงตาย?
ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกันบ้างหรือไง ไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกจับติดคุกกันบ้างเหรอ แล้วนี่ตำรวจหายหัวไปไหนหมด ทำไมถึงปล่อยให้อันธพาลครองเมืองฉุดคร่าชีวิตคนเล่นเป็นผักปลาแบบนี้
หรือไม่ก็เป็นเพราะตัวเขาที่เลวร้ายเกินไปจนเผลอสร้างศัตรูไปทั่ว สุดท้ายเลยถูกพวกมันตามมาล้างแค้น แล้วก็ตายอย่างที่เห็น
ช่างหัวมันเถอะ ไหนๆ เขาก็ตายไปแล้ว ถึงหาตัวคนทำได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร คนตายก็คือคนตาย ยังไงซะก็ไม่มีวันฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอก ปัญหาหนักอึ้งยิ่งกว่าการสืบเสาะหาตัวคนร้าย คือเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ในเมื่อไม่รู้ก็หาทางกลับบ้านไม่ได้น่ะสิ
พ่อแม่เขาจะรู้หรือยังว่าเขาตายไปแล้ว
ให้ตายสิ! การจำว่าตัวเองเป็นใครไม่ได้นี่มันน่าหงุดหงิดใจชะมัด เขาไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนี้คือ...เขาตายแล้ว
ตายในสภาพอนาถน่าสังเวช โคตรน่าสมเพชเลย!