บทที่ 3 ร่างใหม่ที่ต่างไปจากเดิม [3]
ไฟไกลไม่สู้ดับไฟใกล้* เขาควรหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า หานเจี้ยมีนิสัยเป็นอย่างไรเขาก็ไม่รู้แน่ชัด เพราะความทรงจำของร่างนี้ที่มีต่อคนผู้นั้นเลือนรางมาก และเป็นการมองเห็นจากที่ไกลๆ ไม่ใช่การพบปะเจอกันในระยะประชิดเสียด้วย
คนคนนี้มีหน้าตาดุดันแข็งกร้าว ทั่วทั้งร่างอาบย้อมด้วยไอสังหารเข้มข้นเจือกลิ่นคาวเลือด ดวงตาคมกริบวาววับดุจใบมีด เพียงตวัดมองใครคนคนนั้นต้องรีบร้องขอชีวิต บุคลิกองอาจห้าวหาญ นิสัยโหดเหี้ยมไร้ความปรานีไม่ต่างจากปีศาจที่ผุดจากนรก แต่กลับได้รับสมญานามว่า ‘เจ้าแห่งสงคราม’ ที่ทุกคนต่างยกย่องเทิดทูนให้เป็นดั่งเทพเจ้าที่คอยปกปักรักษาแคว้น ช่วยคุ้มครองพวกเขาให้อยู่รอดปลอดภัย
ราษฎรแคว้นซือเสียนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญเขา ยกเขาให้สูงส่งจนแทบจะเทียบเคียงกับฮ่องเต้ได้อยู่แล้ว
แน่นอนว่าในทางตรงกันข้าม หากผู้ใดเป็นศัตรูกับเขา เมื่อตกอยู่ภายใต้คมกระบี่แล้วไม่อาจมีชีวิตรอดกลับไปได้ และผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษยิ่งกว่าใครก็คือฝูไป๋ฮวา กับนางอันเป็นที่รัก หานเจี้ยกลับปฏิบัติตัวดีต่างจากพวกศัตรูราวฟ้ากับเหว เขาอบอุ่นอ่อนโยน ดวงตาสะท้อนแต่เงาร่างนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง ต่อให้ต้องแย่งชิงคนกับโอรสสวรรค์ก็ไม่หวั่น ยอมเอาชีวิตเข้าแลกอย่างไม่กลัวตาย แต่จะไม่ยอมให้นางต้องตกเป็นของผู้ใด
ทว่า...น่าเสียดายยิ่ง หานเจี้ยคนนี้เป็นแค่บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาของอดีตแม่ทัพใหญ่ ‘หานจิ้นซิน’ ศักดิ์ฐานะจึงไม่สูงส่งเท่าไรนักเมื่อเทียบกับบุตรคนอื่นๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าที่รักตัวกลัวตายจึงไม่ยอมให้หลานที่ไม่ได้รับความโปรดปรานคนนี้พาคนทั้งตระกูลล่มไปด้วย
นางขอให้ฮ่องเต้พระราชทานอนุญาตให้ส่งหลานชายคนนี้ไปประจำการอยู่ที่ชายแดน ออกสู้รบกับกองทัพทหารแคว้นจิ่นหยางที่คิดจะช่วงชิงดินแดนส่วนนั้นตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน เท่ากับเป็นการขับไล่ตัวเจ้าปัญหาออกไปอย่างแยบยล
________________________________________
* ไฟไกลไม่สู้ดับไฟใกล้ หมายถึง ควรแก้ปัญหาที่อยู่ใกล้ตัวก่อนจะไปสนใจแก้ไขเรื่องที่อยู่ไกลตัว
ช่างเป็นย่าที่รักหลานซะจริงนะ กลัวตัวเองจะเดือดร้อนก็เลยรีบไล่ตะเพิด
หานเจี้ยไปให้ไกล จนถึงตอนนี้สงครามก็ยังไม่จบลง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
“เหอะ ตาแก่หน้าเหม็นจอมเจ้าเล่ห์ บอกกับเราว่าจะให้มาเกิดใหม่ ตกลงเงื่อนไขไว้เสียดิบดี แต่ดันส่งเข้ามาอยู่ในกองทัพช่วงที่ทำสงครามพอดี แล้วอย่างนี้ต้องรออีกสักกี่ปีกี่ชาติถึงจะได้กลับออกไป อ้อ! เผลอๆ อาจจะตายมันอยู่ที่นี่เลยก็ได้ คดีการตายของแม่นางเฟยหนี่ว์ก็ไม่ต้องทำมันแล้ว นั่งรอความตายไปเลยดีกว่า!”
วิญญาณเด็กหนุ่มในร่างของฝูกว่างเยว่ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สบถด่าตาแก่หน้าเหม็นที่พาวิญญาณเขามาทิ้งไว้ที่นี่ ส่วนตัวเองก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ได้รู้สึกผิดกับการส่งเขามาตายซ้ำสองเลยสักนิด ทั้งที่เขาเพิ่งได้ชีวิตใหม่มา แต่หนทางที่จะรักษาไว้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน
ภายในระยะเวลาหนึ่งปีเขาคงหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นคน มีเนื้อหนังเหมือนคนอื่นเขาเสียแล้ว
เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบกระโจมที่เงียบมากไม่ต่างจากอยู่ในป่าช้า มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างพอให้เห็นบรรยากาศรอบด้านรางๆ ลมหนาวแทรกผ่านเข้ามาเป็นระลอก สัมผัสได้ถึงไอเย็นชื้นที่กระจายตัวในอากาศ
น่าแปลกที่เขาไม่รับรู้ถึงความหนาวเหน็บใดๆ เพราะตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มราวกับถูกเปลวไฟแผดเผามากกว่า รู้สึกมืดแปดด้านคิดหาหนทางไปต่อไม่ถูกเลย
ใครบ้างจะอยากมาตายในสงครามรบ แล้วใครที่ไหนจะไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเหมือนเดิม
เขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งย่อมต้องรักตัวกลัวตายอยู่แล้ว ถึงก่อนหน้านี้จะเคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย จึงไม่รู้ว่าความเจ็บปวดทรมานเป็นยังไง แต่ว่าเวลานี้กลับต่างกันออกไป ในเมื่อเขามีเนื้อมีหนังแล้ว แค่ถูกมดกัดหน่อยเดียวก็รู้สึกเจ็บจี๊ดแล้ว!
“ตาแก่เจ้าเล่ห์! ตาเฒ่าใจดำ! ช่างอำมหิตเลือดเย็นนักนะ ตาทิ้งให้ผมหนีเอาชีวิตรอดอยู่ที่นี่คนเดียวได้ไง กลับมาช่วยกันก่อนเซ่! โธ่เอ๊ย! ถ้าผมตายกลายเป็นผีอีกรอบ สาบานเลยว่าจะตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นแน่ ต่อให้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็จะตามหาตัวให้เจอ ไม่ปล่อยให้นั่งหัวเราะเยาะสะใจอยู่คนเดียวหรอก! ถ้าผมไม่รอดกลับไป ตาก็เตรียมตัวเตรียมใจร้องไห้หาพ่อจ๋าแม่จ๋าได้เลย ฮึ่ย!”
เขาสบถสาบานด้วยความเจ็บใจ ใครไม่มาเป็นเขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันรู้สึกแย่แค่ไหน เขากลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอกจากนั่งรอให้คนอื่นมาฆ่าตายแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก
เรียกได้ว่าเป็นตัวไร้ค่าอย่างแท้จริง ทั้งอ่อนแอทั้งน่ารังเกียจ ไม่มีใครต้องการช่วยเหลือตัวประหลาดกึ่งชายกึ่งหญิงอย่างเขาหรอก
ชีวิตที่ได้มาใหม่นี่ช่างน่าปวดประสาทนัก ไม่ทราบว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งเขารึไง ถึงได้ส่งมาอยู่ในร่างของฝูกว่างเยว่ คงอยากเห็นเขากระอักเลือดสิ้นใจตายอยู่ตรงนี้สินะ เพราะเจ็บใจที่ต่อให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี ต้องทนก้มหน้ารับชะตากรรมโหดร้ายนี้ต่อไป
หลังจากตั้งสติคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอยู่หลายรอบ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะอาศัยอยู่ในร่างนี้ต่อไป จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิตกลับไปเพื่อจัดการสะสางเรื่องทุกอย่างที่สมควรทำ
ก่อนอื่นเขาจะต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้นิสัยใจคอของเจ้าของร่างนี้เสียก่อน เวลามีใครพรวดพราดเข้ามาพูดคุยด้วยจะได้ไม่เกิดสงสัยว่าฝูกว่างเยว่คนนี้เป็นอะไรไป เหตุใดปฏิกิริยาท่าทางจึงแตกต่างไปจากเดิม
การมาของเขาไม่ควรให้ผู้ใดล่วงรู้ทั้งนั้น ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นคนดีหน้าซื่อ ท่าทางดูไร้พิษสใดก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมมีความโลภและความกระหายแฝงอยู่ในตัว เมื่อใดที่ต้องการอยากได้ของสิ่งหนึ่งขึ้นมาย่อมทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าต้องแลกด้วยการทำลายผู้อื่น เพราะฉะนั้นต่อให้อยากมีเพื่อนแค่ไหนก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง บอกได้ในสิ่งที่สามารถบอกได้ และเก็บซ่อนเฉพาะที่เป็นความลับไว้กับตัว
นับจากนี้ไปเขาจะกลายเป็น ‘ฝูกว่างเยว่’ โดยสมบูรณ์ จะดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ความหวังอันยิ่งใหญ่ จะทำให้ตัวเองเข้มแข็งและเก่งกาจ แม้ว่าร่างกายที่อ่อนแอเปราะบางเกินไปจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อความฝันนั้นก็เถอะ แต่เขาจะหาทางเปลี่ยนแปลงมันด้วยสองมือคู่นี้เอง
คนเราไม่จำเป็นต้องมีพละกำลังแข็งแกร่งเสมอไปถึงจะเอาชนะศัตรูได้ อาศัยสติปัญญาที่ล้ำเลิศ รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์อย่างชาญฉลาดก็สามารถเอาชนะศัตรูที่แกร่งและเหนือกว่าได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นก็กำราบมันให้สยบอยู่แทบฝ่าเท้าซะ!
“แต่ถึงยังไงก็ต้องมีฝีไม้ลายมือเอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นคงถูกคนอื่นข่มเหงรังแก ตอนนี้เราเป็นแค่ชายรูปงามไร้ค่าก็จริง แต่ต้องจดจำไว้ว่า ‘คนที่ไม่มีอำนาจก็เป็นได้แค่ที่รองเท้าคอยให้คนอื่นเหยียบย่ำ’ ถ้าไม่อยากตายก็มีแต่ต้องทำให้ตัวเองเก่งและมีอำนาจขึ้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอยู่ไปจะมีความหมายอะไร”
เด็กหนุ่มดึงผ้าห่มที่อยู่ตรงหน้าท้องมาคลุมมิดถึงคอ อากาศที่นี่หนาวเย็นมาก มิหนำซ้ำยังมีลมหนาวแทรกผ่านเข้ามาเป็นระลอกอีก เหมือนถูกแท่งน้ำแข็งเย็นเฉียบกรีดแทงไปบนผิวกายจนเจ็บแสบไปหมด
กระโจมหลังนี้อยู่ห่างไกลจากกระโจมท่านแม่ทัพนัก ห่างไกลจากกระโจมหลังอื่นๆ ลิบลับ เรียกได้ว่าแยกตัวเป็นเอกเทศ ตั้งอยู่ทางด้านหลังสุดเกือบติดแนวชายป่าที่ทั้งรกร้างและเปลี่ยวเหงาโคตรวังเวงเลย
ไม่รู้ว่าฝูกว่างเยว่คนนั้นทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปได้ยังไง ทั้งชีวิตเหลืออยู่ตัวคนเดียวต้องถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก แถมความทรงจำสุดท้ายยังบอกอีกว่าเจ้าของร่างนี้เกือบถูกทหารเลวทรามต่ำช้าพวกนั้นกระทำย่ำยี และต่อให้สุดท้ายจะรอดพ้นมาได้ก็ยังคิดสั้นกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตายอยู่ดี
ก่อนตายก็ไม่ลืมคิดถึงคนผู้หนึ่งที่ไม่เคยเห็นตนอยู่ในสายตา ตายไปทั้งที่ยังเป็นทุกข์แบบนั้นจะจากไปอย่างสงบได้อย่างไร