บทที่ 5 ขอบใจที่ไม่หนี
หญิงสาวมองตามสายตาของไอยไปยังก้อนสมองของเจ้าหนอนยักษ์แล้วถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเบาๆ ในที่สุดหล่อนก็ได้เห็นต้นกำเนิดของแสงสีรุ้งเสียที ภายใต้ชั้นเนื้อที่ดูเหมือนวุ้นใสๆ ตรงหัวของเจ้าหนอนยักษ์มีก้อนสมองขยุกขยุยสีขาวขุ่นปนเขียวอยู่ก้อนหนึ่ง แม้จะดูไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับขนาดตัวของไอยแล้วมันก็ใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก และด้านบนของก้อนสมองนั้นก็คือผลึกอะไรสักอย่างที่กำลังส่องแสงสีรุ้งพร่างพรายออกมา อย่าบอกนะว่าสิ่งที่ไอ้เด็กนี่ต้องการมาเอาก็คือไอ้ผลึกอันนั้น! ซิตรินพยายามส่งกระแสจิตไปยังเด็กชายเพื่อบอกเขาว่า โอม.. ชิเมโจได๋ เจ้าจงตัดใจเสียเถอะๆ ... แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล ฮือๆ ๆ ชีวิตน้อยๆ ของคนสวยอย่างหล่อนคงจะต้องมาจบสิ้นกันวันนี้แน่แล้ว...
ไอยค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เจ้าหนอนด้วงยักษ์ทีละนิดๆ พอเข้าไปถึงระยะห้าเมตรสุดท้ายก่อนจะถึงตัวมันเด็กชายก็วาดมือไปในอากาศเป็นสัญลักษณ์ประหลาดพร้อมกับพึมพำอะไรเบาๆ แม้เสียงของเขาจะเบาแสนเบาแต่ท่ามกลางความเงียบสงัดในถ้ำ เสียงของเขาก็ยังปลุกให้เจ้าหนอนด้วงยักษ์สะดุ้งตื่นจากนิทรารมย์อันแสนสุข
เจ้าสัตว์ยักษ์หันขวับมาจ้องตากับผู้บุกรุกแล้วร้องฟี๊ดๆ เสียงแหลม จากนั้นมันก็อ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวและฟันแหลมคมพุ่งเข้าใส่หมายจะเขมือบหัวเด็กชาย แต่แทนที่ไอยจะกลิ้งตัวหลบการจู่โจมของมันอย่างที่ควรจะเป็น เขากลับพุ่งสวนเข้าหาหัวสีเขียวที่กางเขี้ยวโง้งขนาดมหึมานั้นพร้อมกับตวาดออกมาด้วยภาษาเวทย์ ฉับพลันในมือของเด็กชายก็ปรากฏลูกบอลไฟสีแดงฉานกำเนิดขึ้นมาข้างละลูก เขาเอี้ยวตัวหลบคมเขี้ยวของเจ้าหนอนยักษ์ไปได้อย่างหวุดหวิด และจัดการยัดลูกบอลไฟเข้าไปในปากของมันเต็มๆ พร้อมกันทั้งสองลูก
เมื่อลูกไฟหลุดออกจากมือของเด็กชายและลอยเข้าไปในลำคอของเจ้าสัตว์ยักษ์มันก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกนับสิบเท่า ร่างอันใหญ่โตมโหฬารของเจ้าหนอนระเบิดออกเป็นจุณในพริบตา เนื้อใสๆ ของมันกลายเป็นน้ำเมือกข้นๆ เละๆ กระจายติดเต็มผนังถ้ำ ตับไตไส้พุงของมันกระจุยกระจายเรี่ยราด ของเสียสีดำๆ จากลำไส้ที่ระเบิดออกส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วโถงถ้ำ แม้แต่ไอยและซิตรินเองก็พลอยเลอะเทอะไปด้วย ซิตรินถึงกับโก่งคออาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง
เด็กชายยังคงมีสีหน้าเรียบสนิทดังปกติ เขารีบเดินเข้าไปคุ้ยส่วนหัวของเจ้าหนอนยักษ์ที่บัดนี้ยังเต้นตุบๆ และกระตุกไม่หายเพื่อค้นหาผลึกสีรุ้งตรงสมองของมัน พอหยิบขึ้นมาได้เด็กชายก็เอามันเช็ดๆ ถูๆ กับอกเสื้อแล้วยัดลงถุงผ้าที่เอว เมื่อผลึกที่ส่องแสงอันนั้นถูกเก็บไว้ใสถุงผ้า โถงถ้ำแห่งนี้ก็กลับสู่ความมืดมิดดังเดิมอีกครั้ง
ซิตรินถอนหายใจแล้วคิดในใจว่าเจ้าตัวนี้ถูกไอยจัดการได้รวดเร็วกว่าที่คิดแฮะ แต่แล้วหล่อนก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในบรรยากาศ ทำไมเจ้าหนอนยักษ์ถูกระเบิดไปแล้วแต่หล่อนยังรู้สึกว่ารังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากด้านในถ้ำมันไม่ลดลงเลยล่ะ ไม่ลดลงไม่ว่า ตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเสียด้วย!
ไอยสร้างลูกไฟสีแดงเพลิงลูกเล็กในมือขึ้นมาอีกลูกอย่างรวดเร็ว จากนั้นเด็กชายก็หันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปทางหน้าปากถ้ำสุดฝีเท้า ทั้งสองคนได้ยินเหมือนเสียงหินถล่มและเสียงเหมือนฝูงตัวอะไรบางอย่างกำลังวิ่งตึกๆ ๆ ออกมาจากด้านในถ้ำที่มืดมิด เจ้าตัวที่พวกเขายังมองไม่เห็นเหล่านั้นส่งเสียงคำรามจนถ้ำสั่นสะเทือน ก้อนหินในถ้ำร่วงกราว ก้อนหนึ่งยังกระเด็นมาเกือบจะโดนเอาหัวซิตริน ดีที่หล่อนตาไวหลบได้ทัน
ซิตรินเพิ่งตระหนักว่าเจ้าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในถ้ำแห่งนี้หาใช่เจ้าหนอนด้วงตัวนั้นไม่ แต่มันคือเจ้าฝูงสัตว์ที่กำลังวิ่งออกมาจากด้านในถ้ำเหล่านั้นต่างหาก เสียงอันน่าสะพรึงกลัวของพวกมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หญิงสาวเริ่มจะตัวสั่นอย่างหยุดไม่อยู่ หล่อนสุดจะทนมองอีกต่อไปจึงผลุบหัวเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถุงผ้าพร้อมกับสวดมนต์ภาวนาขอให้ตนเองมีชีวิตรอดผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด
หญิงสาวมัวแต่นั่งขดตัวสั่นงันงกอยู่ในถุงผ้าจึงไม่เห็นว่าไอยสลัดมือปล่อยให้ลูกไฟหลุดลอยออกจากมือของเขา และลอยพุ่งออกไปทางปากถ้ำด้วยตัวมันเอง ส่วนตัวเขานั้นกลับมุดหลบเข้าไปในหลืบถ้ำด้านข้างที่เล็กพอดีแค่ให้ร่างผอมๆ ของเขาเข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น เด็กชายผมแดงค่อยๆ เบียดตัวอย่างยากเย็นลึกเข้าไปในซอกนั้นโดยไม่ลืมระวังไม่ให้ตนเองเบียดกับผนังถ้ำจนสัตว์เลี้ยงที่แอบอยู่ในถุงข้างเอวถูกอัดจนบี้แบนไปเสียก่อน
เสียงฝีเท้าของผู้ล่าฝูงใหญ่วิ่งผ่านหลืบถ้ำที่ไอยเข้ามาหลบตามลูกไฟที่เขาใช้เป็นตัวล่อไปที่ปากถ้ำเกือบหมดแล้ว แต่กลิ่นสาบสางเหมือนกลิ่นซากศพผสมกับกลิ่นที่เหมือนกลิ่นตดอันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของพวกมันยังลอยอบอวลอยู่ในอากาศ กระนั้นไอยก็ยังไม่วางใจ เขายังคงมุดลึกเข้ามาเรื่อยๆ เจ้าพวกนั้นมันคงไม่ถูกหลอกนานนักหรอก ตอนนี้เขาต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องมั่นใจด้วยว่าเส้นทางที่เขาใช้หลบหนีนั้นเล็กเกินกว่าที่พวกมันจะตามเข้ามาได้
ยิ่งเข้ามาลึกเส้นทางยิ่งแคบลงเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงหนึ่งไอยถึงกับต้องปลดสัมภาระที่กินเนื้อที่ออกแล้วผูกพวกมันไว้กับข้อเท้าตนเพื่อไม่ให้เกะกะ จากนั้นก็นอนราบลงคลานกระดึ๊บๆ เหมือนงูผ่านช่องทางอันแคบยาวพอดีตัวเข้าไป
ซิตรินค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถุงที่ตนแอบอยู่ถึงเหมือนกับถูกลากถูลู่ถูกังไปตามพื้นหินขรุขระจนก้นหล่อนถูกกระแทกระบมไปหมดแล้ว พอเห็นว่าไอ้เด็กนรกกำลังคลานลอดช่องที่แคบสุดๆ ไปทีละคืบอย่างช้าๆ หล่อนก็ปีนออกมาจากถุงแล้วลงเดินด้วยตัวเอง โชคดีที่เด็กนี่ตัวเล็กพอจะลอดผ่านจุดที่แคบที่สุดมาได้ และหล่อนก็ยังไม่คืนร่างเป็นขนาดเท่าเดิม หาไม่แล้วทั้งคู่คงจะตัวติดอยู่ในถ้าแห่งนี้จนทั้งหล่อนทั้งเขาพากันอดตายกลายเป็นผีเฝ้าถ้ำ
ผ่านมาครู่ใหญ่เด็กชายก็มาโผล่ยังอีกฟากของถ้ำที่มีขนาดกว้างพอให้เขายืนได้เต็มความสูง เขาจุดไฟเวทย์แล้วดึงเชือกที่ผูกข้อเท้าของตนกับถุงสัมภาระทั้งหลายของตนเข้ามาแล้วก็เริ่มนับพวกมันทีละถุงๆ
เด็กชายมีถุงใส่ของใบเล็กใบน้อยกว่ายี่สิบใบที่ปกติเขาจะผูกพวกมันเป็นพวงไว้ข้างเอว และมีกระเป๋าเป้สะพายหลังใบใหญ่ที่บรรจุของจนล้นทะลักอีกหนึ่งใบ นับไปสักพักไอยก็ทำหน้าแตกตื่น เขารีบวิ่งกลับไปก้มลงมองลอดเข้าไปในโพรงแคบที่ตนเพิ่งลอดออกมา พอเห็นซิตรินกำลังลากถุงเล็กๆ สองใบถูลู่ถูกังเดินตามมาด้วยความเหนื่อยยากเด็กชายก็ฉีกยิ้มเต็มหน้าแล้วถอนหายใจโล่งอก
“ชิ! คิดว่าทำของหายแล้วล่ะสิท่า” ซิตรินส่งค้อนให้เด็กชาย หล่อนก็ไม่อยากเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเขาเก็บของที่ทำตกมาสักเท่าไหร่หรอก แต่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายวัน จะใจดีช่วยสักครั้งก็แล้วกัน อีกอย่าง ถ้าเขาทำของหาย เขาคงต้องเสียเวลาไปตามเก็บ และหล่อนก็ต้องเสียเวลามานั่งรอเขาอีก หล่อนเองก็ไม่อยากจะอยู่ในถ้ำผีสิงนี้นานๆ ซะด้วยสิ ว่าแต่ไอ้ถุงสองใบนี่มันหนักชะมัดยาด ถ้าคนสวยลากจนกล้ามขึ้นแล้วใครจะรับผิดชอบห๊า
หญิงสาวเหวี่ยงถุงสองใบที่ตนลากมาไปกองที่ปลายเท้าของเด็กชายผมแดงแล้วนั่งลงหลับตาหอบหายใจด้วยความเหนื่อย แต่แล้วร่างเล็กจิ๋วของหล่อนก็ถูกเจ้าเด็กนรกใช้สองมือกอบขึ้นมาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า หล่อนจึงลืมดวงตากลมโตสีเหลืองใสของตนขึ้นมาถลึงสบกับดวงตาสีเพลิงของเด็กชาย
“จะทำอะไร!” หญิงสาวตะคอกถามด้วยความโมโห หล่อนอุตส่าห์ช่วยจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กนรกนี่เกิดนึกอยากจะแกล้งหล่อนขึ้นมาอีกแล้ว
ไอยช้อนร่างบอบบางเล็กๆ ของหญิงสาวผมทองขึ้นมาในระดับเดียวกับใบหน้าตนแล้วยิ้มอ่อนโยนให้หล่อนเป็นครั้งแรก
“ขอบใจ ....ที่ไม่หนีไปจากข้า” ประโยคหลังเขาพูดพึมพำเสียงเบาอยู่ในลำคอจนหญิงสาวฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร หล่อนได้ยินแค่คำแรกที่ว่าขอบใจ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้หล่อนชื่นใจจนหายเหนื่อย
“ยังนับว่าเป็นเด็กดีอยู่บ้างนะที่รู้จักสำนึกบุญคุณคนอื่นน่ะ” หญิงสาวบ่นเป็นภาษาตัวเองแล้วยิ้มตอบเด็กชายด้วยรอยยิ้มนางฟ้าพิฆาตใจที่เอาไว้ใช้สยบผู้คนมานักต่อนักแล้ว เด็กชายถึงกับหน้าแดงไปถึงหูเมื่อโดนท่าไม้ตายของหล่อนโจมตีจิตใจ เหอๆ ๆ เป็นแค่เด็กน้อยปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะมาชนะพี่สาวคนสวยไปได้อย่างไร
เขารีบเก็บหล่อนกลับเข้าไปในถุงด้วยท่าทีรีบร้อนแล้วออกเดินทางต่อ ซิตรินหรี่ตายิ้มชั่วร้ายเมื่อเห็นว่าแม้ใบหน้าของเด็กชายจะกลับไปเรียบเฉยแล้วแต่ใบหูของเขายังคงแดงด้วยความเขินอายอยู่ แหมๆ ๆ เป็นเด็กเป็นเล็กกลับรู้จักเขินหน้าแดงเหมือนชายหนุ่ม แบบนี้เห็นทีหล่อนคงต้องงัดท่าไม้ตายออกมาใช้บ่อยๆ ซะแล้ว หุ ๆ ๆ
.....
“นี่เราจะไปไหนกันเหรอ” หญิงสาวอดถามออกมาไม่ได้เมื่อเห็นไอยเดินเข้าถ้ำโน้นทะลุออกถ้ำนี้แบบไร้จุดหมายมาหลายชั่วโมงแล้ว
เด็กชายปรายตามองหน้าหล่อนแบบดูถูก “ถามโง่ๆ พวกเราก็กำลังหาทางออกจากถ้ำอยู่ไงเล่า”
หญิงสาวถลึงตาตอบกลับ “แกสิโง่ไอ้เด็กนรก! เดินวนไปวนมาจนหลงทางแล้วสิท่า โง่ไม่มีที่สิ้นสุด!”
“เจ้าว่าอะไรนะ! กล้าด่าข้าเหรอ มันจะมากไปแล้ว เป็นแค่สัตว์เลี้ยงแท้ๆ แน่จริงก็มานำทางเองเลยสิ” เด็กชายโมโหจัด เขาจับถุงผ้าของหญิงสาวเขย่าจนหล่อนหัวสั่นหัวคลอน
“กรี๊ด! หยุดเขย่าเดี๋ยวนี้นะ เวียนหัวโว้ย ไอเด็กเวรนี่! แกไม่เห็นทางน้ำเล็กๆ ที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้เหรอ ทำไมไม่เดินตามมันไปเล่า”
ไอยหยุดเขย่าแล้วเอียงคอมองหน้าหล่อนด้วยสายตาครุ่นคิด
“อืม... ข้าลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ เมื่อมีทางน้ำ มันก็ต้องไหลไปออกที่ไหนสักแห่งด้านนอกถ้ำจริงๆ นั่นแหละ จะว่าไปเจ้านี่ก็ไม่ได้โง่เหมือนรูปร่างหน้าตาภายนอกของเจ้าสักเท่าไหร่นะ ช่างแสนรู้สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าจริงๆ” เขาฉีกยิ้มกวนส้นตีนพลางพยักหน้าหงึกหงัก และพอเห็นซิตรินโมโหจนหน้าเขียวกับคำพูดของตน เด็กชายก็หัวเราะขำออกมาเสียงดัง
ไอยเดินย้อนกลับไปยังทางน้ำเล็กๆ ที่ตื้นแค่ตาตุ่มของตนแล้วเดินตามมันไปเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็พาเขาออกมาสู่โลกภายนอกได้จริงๆ
ที่ปากถ้ำด้านนี้เป็นเวิ้งกว้างเหมือนห้องโถงใหญ่ น้ำในถ้ำไหลมารวมกันในสระขนาดใหญ่แต่ตื้นเพียงแค่เข่าของเด็กชายก่อนจะกลายเป็นลำธารเล็กๆ ไหล่ออกไปในแนวป่าบนยอดภูเขา
ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิทแล้ว ไอยจึงตัดสินใจจะนอนพักในเวิ้งถ้ำบริเวณนี้ก่อนสักคืน เขาจุดไฟเวทย์ไว้บนลานหินด้านข้างสระน้ำเพื่อให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง จากนั้นก็หันมาถามซิตรินที่นั่งพิงกองสัมภาระอยู่
“เจ้าอยากจะอาบน้ำไหมยาน่า”