ไม่ไร้ประโยชน์1
เวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเค่อ เสียงย่ำเท้าของใครบางคนก็ใกล้เข้ามายังทิศทางของรถม้าที่เหม่ยหลินนั่งอยู่
หญิงสาวถึงกับชะงักงันตกใจ เนื้อตัวสั่นเทาเพิ่มขึ้นมา
นางคิดว่าเป็นพี่หงของนางอยู่ห้าส่วนและอีกห้าส่วนนางคิดว่าเป็นคนร้าย
มันย่อมเป็นไปได้ด้วยเหตุการณ์เฉียดตายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าบอกกล่าวแก่นางได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวจึงเริ่มมีเนื้อตัวที่สั่นเทาเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย เมื่อระลึกได้แล้วว่าอีกห้าส่วนอาจจะเป็นคนร้ายที่หมายคร่าชีวิตของนาง
และเพียงอึดใจต่อมา เมื่อผ้าม่านพลันถูกเปิดออกด้วยฝ่ามือใหญ่หนาของใครบางคน
ใครบางคนนั้นที่เหม่ยหลินได้เห็นทำให้นางต้องตกใจตาโตก่อนจะเปลี่ยนเป็นโล่งใจที่สุดในชีวิต
เขาคือพี่หงของนาง
เหม่ยหลินไม่รอช้า นางรีบขยับกายเข้าหาเขาในทันทีโดยไม่รู้ตัว
“อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำยินดีอย่างที่สุด
นางเห็นเขาถือไก่ป่าติดมือมาถึงสองตัว เขาคงไปหาอาหารมาให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย เหม่ยหลินคิดได้อย่างนั้นพลันส่งยิ้มหวานหยดยิ่งกว่าเดิมส่งให้
ท่าทางของเขาที่น่ากลัวจับใจแต่กลับนึกถึงปากท้องของนาง
หญิงสาวไม่รอช้า นางรีบกระวีกระวาดด้วยท่าทางอ่อนโยนเตรียมลงจากรถม้าเพื่อหวังจะลงไปช่วยเขาจัดการกับอาหารมื้อนี้ด้วยกัน
นางควรมีประโยชน์กับเขาบ้าง แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
เหม่ยหลินคิดอย่างนั้นพลางทำท่าจะลงจากรถม้าอย่างทุลักทุเล ด้วยเพราะว่ายามปกติมักจะมีบ่าวไพร่คอยช่วยเหลือจับพยุงแต่ในยามนี้นางไม่มีใคร
หญิงสาวจึงใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะลงจากรถม้าด้วยตัวเองโดยที่จะไม่ต้องสะดุดหกล้มให้เสียจริตต่อหน้าบุรุษร่างสูงตรงหน้าให้นางต้องอับอาย
ในขณะที่เหม่ยหลินกำลังทำท่าทางจะลงจากรถม้าด้วยท่วงท่ามุ่งมั่นเกินมนุษย์อยู่นั้น ฝ่ามือใหญ่ของบุรุษลึกลับตรงหน้าพลันยื่นออกมาตรงด้านหน้าของเหม่ยหลิน
หญิงสาวถึงกับชะงักงันด้วยคาดไม่ถึง
นางทำได้เพียงมองฝ่ามือใหญ่นั้นด้วยอาการแข็งค้างกลางอากาศ ในขณะที่เจ้าของฝ่ามือเพียงยืนรอนางอย่างใจเย็น สายตาคมเฉี่ยวดำลึกจับจ้องที่วงหน้านาง
ฝ่ามือของเขาก็ยังคงยื่นเอาไว้ตรงด้านหน้าของนางอย่างใจเย็นเช่นเดียวกัน
เขาดูใจเย็นทุกยามเวลาทุกกิริยาท่าทาง
แต่ยกเว้น...
ยามฆ่าคน
นางไม่เคยมองได้ทัน
ทุกกระบวนท่ายามสังหาร เขากระทำการได้อย่างรวดเร็วรวบรัดปานสายฟ้าฟาด ผิดกับบุคลิกสงบเยือกเย็นที่เผยให้เห็นยามมิได้ฆ่าใคร
หญิงสาวคิดในใจพลางเมียงมองฝ่ามือใหญ่หนาของบุรุษร่างสูงตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมฝ่ามือน้อยๆ ของตนขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้ววางเอาไว้บนฝ่ามือของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ความอุ่นวาบแล่นปราดเข้ามาทั่วร่างผ่านทางฝ่ามือของนาง
เหม่ยหลินถึงกับกะพริบตาเม้มริมฝีปากพวงแก้มเริ่มขึ้นสี นางกำลังจะชักฝ่ามือกลับออกมาแต่ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้เสียอย่างนั้น
เขาจับมือนางแล้วบีบเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายตัวออกอย่างเร็ว แล้วเปลี่ยนจากจับมือมาจับช่วงเอวของนาง ก่อนจะจับยกร่างนางจนตัวลอยขึ้นทั้งตัวแล้ววางนางลงบนพื้นดินอย่างนุ่มนวล
เหม่ยหลินถึงกับชะงักงันตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก่อนเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างตระหนกตกใจเกือบหลุดอุทานออกมาจนเสียจริต
นางรู้สึกร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้าทั้งลำคอ
นี่นางเป็นอะไรมากหรือไม่
ไยถึงได้มีกิริยาน่าอายเหลือเกิน...
บุรุษลึกลับงามสง่าในอาภรณ์บ่าวไพร่สีหม่นที่เดินกลับมายังรถม้าหลังจากที่ไปหาอาหาร
เขาเพียงเปิดผ้าม่านของรถม้าออกเพื่อให้สตรีในนั้นรู้ว่าเป็นเขา และเมื่อนางมองเห็นเขาแล้วสีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป จากที่ทำท่าหวาดระแวงกลัวเกรงกลับเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจแต่คลี่ยิ้มอ่อนหวานส่งให้เขา
“อา...พี่หง ข้านึกว่าเป็นคนร้ายเสียอีก” นางกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำคลี่ยิ้มอ่อนหวานก่อนจะรีบเคลื่อนกายระหงเข้าหาเขาอย่างไม่รีรอ
อันที่จริงนางควรจะกลัวเขา เพราะว่าเขามีกลิ่นอายที่เรียกได้ว่าพญามัจจุราชมิใช่เพียงคนร้ายเสียอีก และท่าทางของนางทั้งอ่อนแอและขี้กลัวทั้งยังตระหนกตกใจอยู่ตลอดเวลา
แต่นางกลับส่งยิ้มงดงามให้เขา