บ้านหลังน้อย 2
หงซือกวนหยิบผ้าสีแดงชาดตัวหนึ่งให้เหม่ยหลิน ดวงตาคมเฉี่ยวบนใบหน้าเย็นชามองเรือนร่างของนางจนทั่ว แล้วเอ่ยปากเสียงเรียบ “เปลี่ยนเสีย”
หญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ มิคาดว่าพี่หงจะล่วงรู้ความคิดนาง
“พี่หง” นางเรียกเขาเสียงเบา จนชายหนุ่มต้องเลิกคิ้วก้มมอง ก่อนที่นางจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “มันแดงเกินไปไหม?”
“...”
หลังจากได้ผ้าชุดใหม่เป็นสีชมพูจัดจ้านตัวหนึ่งพร้อมสายตาเย็นเยียบบนใบหน้าหล่อเหลาที่ดำทะมึนเล็กน้อยของผู้หยิบยื่น เหม่ยหลินจึงไม่กล้าทำตัวมากความอีกเป็นครั้งที่สอง นางรับชุดนั้นมาจากฝ่ามือใหญ่แล้วเอ่ยเตือน “เราเข้ามาขโมยเสื้อผ้าเจ้าของบ้านเช่นนี้จะดีหรือ?”
“แล้วอย่างไร?” หงซือกวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชามิผิดจากสีหน้า “หากเจ้าต้องการกระทั่งบ้าน ข้าย่อมขโมยให้เจ้าได้”
คำกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนั้นทำเอาเหม่ยหลินถึงกับชะงักนิ่งไป ความหมายของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงลามไปถึงลำคอ
นี่มิใช่ว่าเขาพร้อมตามใจนางได้ทุกเรื่องราวหรอกหรือไร?
ทว่าเหม่ยหลินไม่อาจเขินอายได้นานเมื่อตระหนักได้ว่ามันไม่ถูกต้อง เป็นเพราะนางส่งสายตาชื่นชมบ้านหลังนี้กระนั้นหรือ พี่หงจึงคิดเช่นนั้น
“พี่หง ข้าแค่ต้องการนอนพักที่นี่สักคืนก็เท่านั้น มิได้ต้องการช่วงชิง” นางรู้สึกผิดทันใด
หงซือกวนมิได้ต่อคำประโยคนั้น เขาแค่ยืนนิ่งหน้าตายแล้วเอ่ย “เปลี่ยนชุดเสีย”
“หืม...” หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นอีกนิดแล้วจ้องตาเขา “เปลี่ยนเลยหรือ?” นางหันซ้ายแลขวาครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ห้องนี้ไม่มีฉากไม้หรือฉากบังตาอันใดทั้งนั้น “พี่หงออกไปก่อน” นางไล่คนตัวโตตรงหน้าทันที
ชายหนุ่มจึงหรี่ตามอง ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นนางมาหมดแล้วทุกสัดส่วน แต่เขาอยากเห็นอีก มิได้หรือ?
ทันใดนั้นฝ่ามือนุ่มนิ่มพลันจับแขนล่ำสันแล้วดึงไปทางประตูห้องก่อนจะดันแผ่นหลังแข็งแกร่งให้พ้นประตูไป ตามด้วยเสียงปิดประตูให้ปิดกั้นสายตาคม ห้องนี้คับแคบมากนัก หงซือกวนยังมิทันได้ก้าวเท้าเต็มที่ก็พบว่าร่างสูงของตนออกมาพ้นห้องนั้นเสียแล้ว
“พี่หงรอสักครู่” เสียงหวานใสดังลอดช่องของประตู
ชายหนุ่มจึงยืนนิ่งพิงขอบประตูอย่างเสียมิได้ “เร็วหน่อย” เขาสั่งเสียงเรียบนึกขัดใจยิ่ง
“เกือบเสร็จแล้ว” เส้นเสียงของคนงามยังคงลอดช่องประตูออกมา พาคนฟังเสียวซ่านนัก
เกือบเสร็จแล้ว อย่างนั้นหรือ? อืม...พูดได้ดี หงซือกวนเริ่มคิดไปไกล
เพียงชั่วอึดใจ เหม่ยหลินจึงเปิดประตูออกมาพร้อมร่างระหงในชุดสีชมพูสดใส นางปล่อยผมเรียบลื่นยาวสยายปรกไหล่ปลายผมลู่ลงไปถึงเอวคอดกลมกลึงโดยมิได้รวบมวยมัด เพราะว่าเครื่องประดับทั้งหมดของนางล้วนหายไปจนหมดสิ้นแล้วเมื่อครั้งที่ตกหน้าผา และเชือกผ้าที่ผูกมาตลอดทางก็มีสภาพย่ำแย่เต็มที เพียงนางดึงออกมาก็ขาดเสียได้ นางจึงออกมาหาพี่หงเพื่อบอกกล่าว “พี่หง...”
ชายหนุ่มผู้เครียดขรึมตรงประตูจึงปรายตามอง
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน “ผ้าผูกผมขาดเสียแล้ว”
หงซือกวนหาได้พูดพร่ำ เขาเบี่ยงกายสูงใหญ่เฉียดคนงามเดินเข้าไปในห้องอีกครา ถึงแม้ว่าก่อนหน้าเขาจะสำรวจภายในนี้เพียงแวบเดียว แต่ทุกรายละเอียดหาได้รอดพ้นสายตาคมกริบของเขาไม่ กล่องใบหนึ่งซึ่งเก็บเอาไว้บนชั้นเสื้อผ้าพลันถูกเขาเปิดออกแล้วสั่งการ “มาเลือกตรงนี้”
ดวงตากลมใสบนใบหน้าขาวผ่องที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมนุ่มลื่นดุจเส้นไหมพลันจ้องเขม็งไปที่คนตัวใหญ่ที่ในมือเขากำลังรื้อค้นเครื่องประดับในกล่องนั้น
อืม...นางแค่ต้องการบอกเขาว่าเชือกผ้าเส้นเก่าขาดไปแล้ว หมายให้เขาฉีกเศษผ้าเส้นใหม่ให้นาง
“พี่หง” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาพร้อมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้ว
“มานี่” เสียงทุ้มห้าวสั่งอีกครา
เหม่ยหลินจึงจำต้องเดินเข้าไปตามคำสั่งเขา
“เกล้าผมขึ้น” ชายหนุ่มสั่งเสียงเรียบ
หญิงสาวรีบเอื้อมมือขึ้นเกล้าผมทันใด
เมื่อเส้นผมดำขลับถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยครึ่งศีรษะ ปิ่นอันหนึ่งจากมือใหญ่จึงปักลงมา ตามด้วยอีกอัน และอีกอัน ปิ่นทุกอันล้วนงดงามทั้งสิ้น
“พี่หง” เหม่ยหลินตกใจนัก “พอแล้ว” เขาปักปิ่นให้นางแค่อันเดียว นางก็ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะแล้ว แต่เขาจะปักปิ่นให้นางมากเยี่ยงนี้มิได้นะ
“ตามใจเจ้า” หงซือกวนกล่าวพลางปิดกล่องเครื่องประดับลงดังเดิมอย่างไม่สบอารมณ์ มิคาดว่านางจะมักน้อยถึงเพียงนี้
“พี่หงหิวหรือไม่ เราไปดูในครัวกันเถิด” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มเพราพาพวงแก้มนวลเนียนเปล่งปลั่งอมชมพูระเรื่อ ก่อนเดินออกนอกห้องไป เป้าหมายคือห้องครัวอีกฝั่งหนึ่ง
ชายหนุ่มจึงเดินออกมาพร้อมหญิงสาว พลางปรายตามองรอยยิ้มหวานหยดของนางไปด้วย
ความใกล้ชิดกันในหลายวันนี้ก่อเกิดความผูกพันอันแสนประหลาด สิ่งแวดล้อมอันน่าสะพรึงโดยรอบเรือนกายของพวกเขาตลอดการเดินทาง ไม่มีผลอันใดกับการกระชับความสัมพันธ์เลยสักนิด
และในยามนี้ ทั้งสองก็กำลังทำตัวคล้ายสามีภรรยาที่เดินไปเดินมาในบ้านตนเอง
หากเจ้าของบ้านกลับมา คงเป็นลมล้มพับเป็นแน่
[1] สีชิงคือสีเขียวอมน้ำเงิน