บท
ตั้งค่า

บ้านหลังน้อย 1

เมื่อเดินห่างออกมาจากหมู่บ้านที่มีซากศพนับพัน ตามน้ำเสียงออดอ้อนของใครบางคน ร่างสูงสง่าจึงเดินด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ยังคงกลั่นแกล้งคนงามไม่มีเบื่อ

“ข้าเป็นคนป่วย จำอะไรไม่ได้ อาจจะพาองค์หญิงหลงทางเสียแล้ว” หงซือกวนเอ่ยคำเนิบนาบพลางเดินเลี้ยวซ้ายคล้ายกับจะไปยังทิศทางเดิมของหมู่บ้านสุสาน

เหม่ยหลินรีบจับแขนของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงหวาน “พี่หงอย่าได้กังวล ครานี้ข้าจะนำทางท่านเอง” นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังพลางพาคนตัวสูงเดินเบี่ยงมาทางขวา

นางไม่ต้องการให้พี่หงกลับไปทางหมู่บ้านสุสานอันน่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงนั่น อันที่จริงนางมิได้หวาดกลัวสถานที่หรือสภาพแวดล้อมเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ พี่หงอาจจะจำความได้แล้วจากนางไป

นางยอมรับว่านางกำลังเห็นแก่ตัว...

คงเหมือนกับเสด็จพ่อที่เคยกระทำกับเสด็จแม่นั่นล่ะ

เรื่องราวของพวกพระองค์ นางรู้จากคำบอกเล่าของเสด็จแม่ ว่าเสด็จพ่อเห็นแก่ตัวปานใด พระองค์รักเสด็จแม่จนไม่สนใจความถูกต้องอันใดทั้งสิ้น กระทั่งฉุดคร่าเสด็จแม่มาเป็นสนมอย่างเลือดเย็น ไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น

อา...นางกำลังเลือดเย็นเฉกเช่นเสด็จพ่อ

เหม่ยหลินคิดไปด้วยใจร้อนรุ่มจนใบหน้าแดงก่ำเม้มปากแน่น กระชับมือตรงแขนของชายข้างกายอย่างหวงแหน ลักษณะการเดินมิต่างอันใดกับคู่รักเดินควงแขนอิงแอบซบไหล่กว้าง

องค์หญิงสูงศักดิ์กำลังหลุดกิริยาโดยไม่รู้ตัวไปเสียแล้ว สตรีในห้องหอเคร่งครัดธรรมเนียมจริยาไม่มีแล้วในยามนี้ เสมือนที่โจวเหวินหลงฮ่องเต้เคยหลุดกิริยาของบุรุษสูงส่งทำตัวเยี่ยงโจรราคะล่วงเกินเสวี่ยลี่ในอดีตก็ไม่ปาน

หงซือกวนเหลือบมองหญิงสาวข้างกายอย่างไม่ถือสา เขายังคงเฉยชากับทุกเรื่องราว ความสุขุมนุ่มลึกยังคงมีให้ได้เห็น สายตาคมเข้มลึกลับดำสนิทเยี่ยงรัตติกาลไร้จันทร์ยากคาดเดาห้วงอารมณ์อันใดทั้งนั้น หากแต่ปลายเท้าใหญ่ของเขากลับก้าวเคียงข้างกับเท้าน้อยๆ ของนางไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น

“ข้าว่าเจ้าคงหิวแล้ว กลับไปหมู่บ้านกันเถิด” เสียงห้าวเอ่ยราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์ แต่กลับสะดุดหูคนฟังสิ้นดี

“ไม่นะ” เหม่ยหลินยังคงดื้อดึง “ข้าว่าชายป่าแถวนี้คงมีอาหารเช่นกัน” นางกล่าวคำพลางเมียงมองหาอาหาร คล้ายชำนาญทิศทางเป็นอย่างมาก

ชายร่างสูงยังคงอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็น เขารู้สึกชอบใจในกิริยาน่าเอ็นดูของหญิงข้างกาย หากแต่ริมฝีปากยังคงเอ่ยเสียงเย็นเฉกเช่นใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเฉยชา “ข้าคิดว่าให้เจ้าเฟยเฟยไปหาอาหารดีกว่า ในน้ำก็ดีมีปลาน่ากิน”

ครานี้เหม่ยหลินเริ่มหรี่ตามอง “พี่หง” นางเริ่มแง่งอนอย่างมิอาจควบคุม

หงซือกวนเพียงเลิกคิ้วปรายสายตาคมดำลงมองใครบางคนที่แง่งอนเสียแล้ว

ทันใดนั้นเสียงกระพือปีกของเฟยเฟยพลันดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งสอง เมื่อพวกเขาแหงนหน้าขึ้นมอง จึงได้เห็นเจ้าเฟยเฟยออกตัวโบยบินไปยังทิศทางหนึ่ง อาการของมันบ่งบอกได้ว่าให้ตามมันไป หงซือกวนจึงเดินไปทางนั้นโดยไม่ลืมดึงนางข้างกายให้เดินไปด้วยกัน

เมื่อเดินลัดเลาะชายป่ารกทึบเข้ามาในระยะทางหลายสิบจั้ง จึงได้เจอกับบ้านเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง ซึ่งถูกปลูกสร้างเอาไว้แบบเรียบง่ายคล้ายกับแค่กันแดดหาใช่ลมฝน หากล้มลงพังครืน ก็แค่สร้างใหม่ไม่ยากเย็น

เฟยเฟยลดทอนแรงกระพือปีกอันทรงพลังของตนลง ด้วยเกรงว่าจะทำบ้านพัง มันเพียงบินไปเกาะกิ่งไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านไม่ไกลจากตัวบ้านแล้วสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น

หงซือกวนยังคงมีท่าทางสงบนิ่งยามเดินเข้าไปในตัวบ้าน เหม่ยหลินจึงเดินตามอย่างอุ่นใจไม่เปลี่ยนแปลง

“โชคดีเสียจริง หากได้พักเอาแรงที่นี่สักคืนคงดีไม่น้อย” เสียงใสเอ่ยตามแผ่นหลังงามสง่าไปตามทาง

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาแล้วจึงเริ่มสำรวจไปทั่ว ภายในนี้มีเครื่องเรือนน้อยชิ้น มีห้องแยกออกจากกันเพียงสามห้อง หนึ่งคือห้องครัวมีอุปกรณ์ทำอาหารไม่กี่ชิ้น สองคือห้องโถงที่มีโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องกับตั่งยาวตั้งขนาบข้างโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว และสามคือห้องนอนมีเตียงไม้เล็กๆ พร้อมหมอนหนึ่งใบกับผ้าห่มหนึ่งผืน ถัดจากเตียงนอนมีชั้นวางผ้าที่พับเอาไว้เป็นระเบียบ ทุกตัวมีสีสันสวยงามผิดกับตัวบ้าน ไม่มีชุดบุรุษแม้แต่ชุดเดียว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านอาศัยอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังเป็นสตรีที่รักสวยรักงามเป็นอย่างมาก

ตรงส่วนนี้เหม่ยหลินสรุปได้จากเสื้อผ้าแพรพรรณที่มีสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีชิง[1] สีฟ้าลายคราม สีเขียวมรกต สีเหลืองอำพัน สีชาดปานเพลิง ทุกตัวล้วนคู่ควรกับสาวงาม หญิงสาวตรึงสายตาคู่งามอยู่ที่เสื้อผ้าทั้งหลาย พลางเหลือบตาลงมองชุดที่ตนเองสวมใส่ พบว่ามันมีคราบเปื้อนเปรอะสกปรกมากนัก ทั้งยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นางจึงเริ่มครุ่นคิดอย่างลังเล นางอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า หากยืมเจ้าของบ้านมาสักตัว จะได้ไหมหนอ?

หากแต่ยังมิทันได้ตัดสินใจ ผ้าชุดใหม่พลันถูกยื่นมาตรงหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel