บท
ตั้งค่า

บทที่1.ความฝัน

บทที่1.ความฝัน

ในเช้าวันที่เหมือนจะสิ้นหวังกับทุกสิ่ง...กลับมีข่าวดีมาเยือนถึงบ้านแบบไม่อยากจะเชื่อ จดหมาย1ฉบับที่เหมือนจะไม่มีความหมาย แต่กลับเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เมวิกายิ้มหน้าชื่นได้อีกครั้ง... ‘ห้องเสื้อเบลิสต้าโพสิต’ หญิงสาวจำไม่ได้ว่าตนเองไปออดิชั่นการคัดตัวกับห้องเสื้อนี้ตั้งแต่ตอนไหน เมื่อช่วงเวลาเหล่านั้นมาผ่านพ้นมาแสนนาน...จนคิดว่าคงได้รับประทานแห้วเหมือนเคย

“นั่งยิ้มอะไรยะ!!” ภรรยาใหม่ของบิดาหรืออีกนัยหนึ่งคือแม่เลี้ยงของเธอเอ่ยทักเสียงแหลม จนเมวิกาสะดุ้ง

“ปะ เปล่าค่ะ” จดหมายแจ้งข่าวดีถูกยัดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งที่ยังเปิดอ่านไม่จบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มแหยๆ ให้กับผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนหน้าตึงอยู่ด้านหลัง

“งานการไม่รู้จักออกไปหาทำ เรียนมาเสียเงินเปล่า ฉันพูดจนปากจะฉีก พ่อหล่อนเคยฟังที่ไหนล่ะ” หล่อนยังคงปากร้ายเหมือนเดิม แม้ในวันที่ไม่มีบิดาของเธอคอยปราม ความรุนแรงทวีขึ้นทุกๆ วัน จนหญิงสาวที่เหมือนตัวคนเดียวเริ่มอึดอัด ทั้งๆ ที่บ้านหลังนี้ เธอเองก็มีสิทธิ์กึ่งหนึ่ง แต่ถูกกดไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้

“เมก็กำลังหาอยู่ค่ะ ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย แต่คุณน้าก็รู้ งานสมัยนี้หายากจะตาย”

เมวิกาไม่ได้แก้ต่างให้ตัวเอง แต่บัณฑิตจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยมีไม่ใช่น้อย ดังนั้นการแข่งขันจึงสูงตามไปด้วย ไม่แปลกหรอกที่คนไม่มีเส้นไม่มีสายจะยังคงว่างงาน

“งานอะไรๆ ก็ทำไปเถอะ ฉันมีรายจ่ายเยอะ หากต้องอุ้มชูหล่อนอีกคน ฉันคงรับไม่ไหว”

เสียงนางบ่นขรม ทั้งที่เมวิกาแทบจะไม่รบกวนอะไรนางเลย นับตั้งแต่เมธีบิดาสิ้นลมหายใจ นางพรรณีก็ยังไม่วายแขวะคอยกระแหนะกระแหนจนหญิงสาวเริ่มวิตก บิดาทิ้งมรดกไว้ให้เธอน้อยนิด เธอไม่รู้อะไรมากไปกว่า...การรู้แค่ว่าบ้านหลังนี้เธอมีสิทธิ์อยู่อาศัย แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับพรรณี ทั้งที่หล่อนมาทีหลังแท้ๆ ความเมตตาของเมธีไม่ได้ทำให้ภรรยาหม้ายดีใจ เมื่อท่านกำชับไว้ในตอนท้ายของพินัยกรรมอย่างหนักแน่น บ้านหลังนี้ห้ามขายหรือเปลี่ยนมือ หากคนใดคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของคิดจะขาย สิทธิ์ส่วนนั่นจะตกเป็นของอีกคนทันที

นั่นคือเรื่องที่พรรณีโกรธแทบกระอัก เมื่อนางมีโครงการจะขายบ้านเก่าๆ หลังนี้ทิ้ง ทันทีที่สามีสิ้นลม แต่กลับต้องมาทนจับเจ่าอยู่ที่เดิม เพราะหากนางเสนอขาย สิทธิ์ครอบครองจะตกอยู่กับเมวิกาบุตรสาวสามีที่สิ้นชีพไปทันที

สมบัติส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเงินสด หรือเครื่องเพชรเครื่องทอง นางงุบงิบไว้ทั้งหมดไม่ให้ลูกเลี้ยงรู้ นางคิดหาทางไล่เมวิกาออกจากบ้านทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ลูกเลี้ยงของนางก็หน้ามึน ไม่เดือดไม่ร้อนจนกระทั่งเรียนจบ

“ยัยช่อน่ะ เรียนหนัก มีรายจ่ายเยอะ หากหล่อนทำงานได้ จะได้มาช่วยส่งเสียน้องอีกคน”

ช่อชบา เป็นลูกติดของนางกับสามีเก่า นางกัดฟันส่งบุตรสาวที่ผลการเรียนร่อแร่ไปศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส ก็เพราะช่อชบาสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่ได้สักที่ เพราะสงสารลูกที่หน้าเศร้าต้องทนฟังอดีตสามีที่ตายไปแล้วชื่นชมเมวิกาทุกวัน อีนังหอกข้างแคร่นั่น!! ดันสอบ ติดมหาวิทยาลัยมีชื่อ สร้างความยินดีให้กับเมธี แต่นั่นกลับทำให้ช่อชบาดูด้อยค่าลงไป เพราะมันสมองของบุตรสาวอ่อนด้อยกว่าอีนังลูกเลี้ยง!! นางจึงกลั้นใจส่งบุตรสาวไปชุบตัวที่ต่างแดน รายจ่ายของช่อชบาในแต่ละเดือนแทบกระอัก สมบัติที่เคยมีเริ่มร่อยหรอ หากยังหาทางอัปเปหิเมวิกาออกไปจากบ้านหลังนี้ไม่ได้ นางคงไม่มีเงินส่งเสียบุตรสาว...จนกระทั่งเรียนจบ

ความจริงแล้ว ที่พรรณีไม่รู้ ช่อชบาทำตัวฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หล่อนถนัดเที่ยวเตร่มากกว่า

“ค่ะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ เดินเลี่ยงไปทางด้านหลังบ้าน เพื่อหาอะไรรองท้อง

“โดนอียักษ์นั่นขบหัวมาอีกแล้วหรือคะคุณหนู”

นาง...สาวใหญ่วัย45 ปี เบ้ปากพร้อมกับบ่นขรม เมื่อมองเห็นใบหน้าสลดเศร้าของบุตรสาวของเจ้านาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel