ตอนที่ 3
คีย์การ์ดที่สุพรรษายัดเยียดใส่ลงมาในอุ้งมือเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าถูกทาบลงที่ขอบประตู พร้อมๆ กับเสียงติ๊ดที่ดังขึ้น บานประตูถูกเลื่อนให้เปิดออก พร้อมกับหล่อนที่รวบรวมแรงกายแรงใจทั้งหมดก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปภายใน
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อประตูปิดลงตามหลังโดยที่หล่อนไม่ได้เป็นคนดึงให้ปิด
คงเป็นระบบของที่นี่
พาขวัญเป่าลมให้ผ่านออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงสดแผ่วเบา ขณะกวาดตามองสำรวจอาณาจักรตรงหน้า
ที่นี่คือเพนต์เฮาส์ของ ลาซาลอส ซาเวลลาส ชายหนุ่มที่มีชาติตระกูลอันแสนร่ำรวย ชีวิตของเขาช่างหรูหราและเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ในขณะที่ชีวิตของหล่อนแสนจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เหมือนอยู่คนละโลกกับเขาไม่มีผิด เพราะอย่างนี้ไง...เพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไง ถึงทำได้แค่แอบรักเท่านั้น
พาขวัญสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ และรีบเก็บซ่อนความรู้สึกแท้จริงของหัวใจให้ลึกลงไปในอกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็หันมาให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวแทน
สถานที่ตรงหน้าช่างกว้างขวาง โอ่อ่า แม้จะไม่ได้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นอย่างที่ควรจะเป็น แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างประณีตและมีรสนิยม
พาขวัญเผลอตัวระบายยิ้มออกมา ชื่นชมกับความเรียบง่ายของลาซาลอส แต่สักพักก็ต้องหุบยิ้ม เพราะคำสั่งของสุพรรษาหวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
“แกต้องไปพูด หรือทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คุณลาซหายโกรธฉัน และกลับมาเป็นแฟนกับฉันอีกครั้ง”
“แต่...แต่คุณลาซคงไม่ให้อภัยคุณสุง่ายๆ เพราะว่า...”
“ทำไม?”
“ก็...ก็คุณสุมีผู้ชายคนอื่น...”
“นั่นมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก สิ่งที่แกต้องทำก็คือ...ทำทุกวิถีทางให้คุณลาซหายโกรธฉัน เข้าใจไหม”
“แต่พาย...”
“แกต้องทำให้ได้ เพื่อตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนที่ราดรดหัวของแกอยู่ทุกวัน หรือว่าแกอยากจะถูกตราหน้าว่านังเนรคุณล่ะ”
นี่คือคำสั่ง และถึงแม้ว่าหล่อนจะปฏิเสธสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะขัดใจสุพรรษาได้ สุดท้ายก็จำต้องลอบเข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของสุพรรษาอย่างไม่มีทางเลือก
“แล้ว...แล้วพายจะพูดยังไงดี จะทำยังไงดีคุณลาซถึงจะยอมคืนดีกับคุณสุ...”
พาขวัญเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและสับสน หล่อนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ลาซาลอสถึงจะยอมให้อภัยสุพรรษาในเรื่องนั้น เรื่องที่ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมกันได้ง่ายๆ
หรือว่าหล่อนควรจะกลับไปดี...
ใช่...หล่อนควรจะกลับออกไปซะ หากสุพรรษากับลาซาลอสเลิกกัน หล่อนก็อาจจะมีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มบ้าง แค่สักวินาทีเดียวก็ยังดี...
ความคิดหนึ่งดังขึ้นในหัว แต่แล้วมันก็ถูกเจ้าของความคิดผลักไสให้สลายหายไป
หล่อนทำไมแบบนั้นไม่ได้หรอก หล่อนทรยศสุพรรษาไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือ...ทำทุกอย่างให้ทั้งสองคนนั้นกลับมาคืนดีกัน แม้ว่าหัวใจจะปวดร้าวทรมานสักแค่ไหนก็ตาม
มือเล็กรีบปาดหยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาอาบแก้ม ก่อนจะฝืนยิ้มน้อยๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง
“พาย...เธอเป็นคนดี และคนดีก็ต้องไม่เนรคุณคน”
หญิงสาวพึมพำบอกกับตัวเองแผ่วเบาในลำคอ ขณะก้าวตรงไปตามทางเดิน จนมาหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง มือเล็กสั่นเทาเคาะลงบนไม้แกะสลักสองครั้ง และยืนนิ่งเพื่อรอเสียงอนุญาต แต่รออยู่นานเกือบนาทีก็มีเพียงความเงียบงันเท่านั้น หล่อนจึงตัดสินใจถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
ห้องนอนของ ลาซาลอส ซาเวลลาส ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยโทนสีเข้มดั่งเช่นทุกๆ ที่ภายในเพนต์เฮาส์แห่งนี้
พาขวัญขยับเข้าไปใกล้เตียงนอนสีน้ำเงินลายขาว ดวงตาเบิกกว้าง มือเล็กลดลงไปแตะผ้าเนื้อลื่นละมุนแผ่วเบา พลางจินตนาการอันน่าละอายก็ระเบิดขึ้นในหัวสุดจะห้ามปราม
ภาพร่างเปลือยเปล่าของหล่อนนอนระทดระทวยอยู่บนเตียงตรงหน้า และลาซาลอสก็ทาบทับลงมาหาอย่างแนบชิด แก้มนวลแดงจัด ความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นรุนแรงที่ช่องท้องจนพาขวัญแสนอึดอัด
นี่หล่อน...หล่อนคิดบ้าอะไร ทำไมช่างกล้า...กล้าจินตนาการแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าแม้แต่ในฝันมันก็ไม่อาจเป็นความจริงได้เลย ลาซาลอสไม่มีวันมองหล่อน เพราะหล่อนคือก้อนกรวดในสายตาของเขา
หญิงสาวกล้ำกลืนความปวดร้าวเข้าไปในอก พยายามเป่าลมออกจากปากเพื่อลดความตึงเครียดที่ขมวดเกร็งอยู่ในช่องท้องให้คลายลง แต่หัวใจไม่รักดีก็ยังคงร้องไห้
ร้องไห้ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์สักนิด!
พาขวัญต้องใช้ความพยายามและเวลาหลายนาทีเลยทีเดียวกว่าจะสามารถต่อสู้กับความปวดร้าวในอกได้ มือเล็กยกปาดน้ำตาอีกครั้งจนแห้งเหือด จากนั้นก็หมุนตัวมองไปรอบๆ เพื่อหาเจ้าของห้อง
“คุณลาซคะ”
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากความเงียบสงัด
“หรือว่ายังไม่กลับมาจากทำงาน แต่คุณสุบอกว่า...คุณลาซอยู่ที่เพนต์เฮาส์นี่นา”
หญิงสาวถอนใจแผ่วเบา ขณะหมุนตัวออกจากห้องนอน เพื่อมุ่งหน้าไปรอชายหนุ่มที่ห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันขยับเท้า บานประตูห้องก็ถูกผลักแรงๆ จนเปิดออกกว้าง พร้อมกับเจ้าของห้องที่ยืนจ้องมองด้วยสายตาดุดันเหี้ยมเกรียม
“เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่ พาขวัญ!”
ร่างอรชรแข็งทื่อราวกับถูกจับแช่ในบ่อน้ำแข็ง แม้ว่าความตั้งใจที่มาที่นี่ก็เพราะว่าต้องการพบเขา แต่...แต่พอได้พบเข้าจริงๆ หล่อนกลับ...กลับทำอะไรไม่ถูกเลย หัวใจเต้นแรง สองขาสั่นเทา และหล่อนก็รู้สึกคล้ายกับกำลังจะเป็นลม
“คุณ...คุณลาซ...”
ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลองสีขาวสะอาดพอดีตัว ขับเน้นรูปร่างกำยำให้ดูปราดเปรียวเข้มแข็งและทรงพละกำลัง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเป็นสี่เหลี่ยม หน้าผากไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไป มีปอยผมเล็กน้อยระลงมา จมูกโด่งเป็นสันงดงามอยู่เหนือริมฝีปากหยักสวยราวกับอิสตรี ดวงตาสีน้ำเงินเข้มรียาวราวกับนัยน์ตาของพญาเหยี่ยวอยู่ใต้ปื้นคิ้วดกหนา สันกรามกระด้างและปลายคางบึกบึนมีเส้นหนวดขึ้นหร็อมแหร็มน่ามอง เขาทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรงระส่ำ ก่อนที่มันจะแตกระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อเจ้าของความนิรมิตอันงามล้ำขยับก้าวเข้ามาหา
ด้วยท่าทางคุกคาม!
“ฉันถาม เข้ามาที่นี่ทำไม และเข้ามาได้ยังไง!”
“คือพาย...พายมี...”
หญิงสาวชูคีย์การ์ดในมือขึ้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมดังออกมาจากลำคอแกร่งของลาซาลอส
“สุพรรษาคงใช้ให้เธอมาสินะ”
“คือ...คือคุณสุ...ให้พายมาอธิบาย...”
“หุบปาก!”
เขาตวาดเสียงดังลั่น พร้อมกับก้าวเข้ามาขยุ้มต้นแขนของหล่อนแรงๆ
“ฉันไม่ต้องการฟังคำตอแหลจากเธอและพี่สาวเธออีก ไปให้พ้นหน้า พวกผู้หญิงแพศยา!”
“โอ๊ย!...พายเจ็บนะคะ ปล่อยพายเถอะค่ะ”
“แต่ก็คงไม่เจ็บเท่ากับฉัน ที่จับได้ว่าคนรักสวมเขาให้มาตลอดหลายปีหรอก จริงไหม”
ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำลงมาหา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปลี่ยนเป็นสีของเปลวไฟ
“คือ...คุณลาซอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะคะ คุณสุอาจจะ...”