Ep :5 - เริ่มมีใจ
คลังแสงไม่เคยนอนกับใครได้ถึงเช้า หรือกับคู่นอน เพราะทุกครั้งที่อิ่มกายแล้วเขาให้พวกหล่อนกลับทันที แต่กับองค์อินทร์เขากลับรู้สึกอยากนอนกอดเธอแล้วหลับไปจนเช้า และตอนนี้ก็เช้าแล้วเขายังมีเธอหนุนแขนใหญ่อยู่ มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบไล้แก้มเนียนของเธอไปมาแล้วเธอก็ขยับตัวเข้าหาเขาพร้อมตวัดแขนโอบกอดเอวสอบไว้หลวมๆ
อือ
สาวน้อยครางพึมพำพร้อมปัดมือใหญ่ออกจากแก้มเมื่อรู้สึกรำคาญและรบกวนตัวเองเวลานอนหลับ
มุมปากหนาจอมบาปยกยิ้มเอ็นดูสาวน้อย และใจที่ด้านชาก็เต้นเร่ามีชีวิต รั้งแขนข้างที่หล่อนนอนทับอยู่เข้าหาตัวเองเป็นกอดรัดเธอแน่น
“คงเหนื่อยมากสิเด็กน้อย” พึมพำกับคนนอนหลับแล้วก็หลับต่อ ไม่สนใจว่าตอนนี้จะเช้าแล้ว สำหรับคลังแสงแล้วเวลากลางวันคือเวลาพักผ่อน เวลากลางคืนคือเวลาทำงานเป็นส่วนใหญ่
อือ
องค์อินทร์กระแซะกายเข้าหาไออุ่นของชายหนุ่มด้วยความเผลอตัวขณะหลับ เธอกอดเอวสอบแน่นพร้อมกับยิ้มตลอดการนอนหลับราวกับว่ากำลังฝันดีอยู่
เตยหอมตื่นไปตลาดตั้งแต่เช้ากลับมาเตรียมทำกับข้าวไว้ขาย และก็เหมือนเดิมนำปิ่นโตมาให้บ้านหลังใหญ่ข้างๆ เหมือนเดิมที่เคยทำ เมื่อมาส่งปิ่นให้กับการ์ดหน้าบ้านแล้วก็เดินกลับมาบ้านเพื่อปลุกลูกสาวมาช่วยตัวเอง เพราะเมื่อคืนเธอนอนหลับเร็วตั้งแต่สองทุ่ม แต่พอเคาะห้องเท่าไหร่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ไม่สบายอีกรึเปล่าลูก”
นางร้องตะโกนถามลูกสาว แต่ก็เงียบเหมือนเดิมจึงลองผลักประตูเปิดดู ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อกจึงเปิดเข้าไปดูแล้วเห็นว่าบนเตียงว่างเปล่าไม่มีองค์อินทร์ ประตูห้องน้ำก็เปิดทิ้งไว้
“ไปไหนแต่เช้านะ” พึมพำกับตัวเองแล้วเดินออกจากห้องลูกสาวมาหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้โต๊ะกลางหน้าชุดโซฟาในห้องนั่งเล่นมากดต่อสายหาลูกสาว
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“ทำไมไม่รับสายนะ ไปไหนมาไหนไม่บอกแม่เลย เดี๋ยวนี้ชักเอาแต่ใจใหญ่แล้วยัยอินทร์” นางพึมพำเมื่อปลายสายไม่ยอมรับสาย จึงเปลี่ยนใจกดต่อสายหาเพื่อนของลูกสาวอย่างโยธาที่ไปด้วยกันเมื่อวาน และรอไม่นานโยธาก็กดรับสาย
“พ่อโยเห็นยัยอินทร์ไหมลูก แม่ไม่เห็นยัยอินทร์ตั้งแต่เช้าเลยลูก” นางถามปลายสายทันทีเมื่อคนหนุ่มกดรับสาย
“ไม่นะครับ ผมก็ว่าตอนบ่ายๆ จะเข้าไปรับอินทร์ไปดูน้องหมาที่ช่วยไว้เมื่อวานอยู่” เขาตอบกลับมา
“เหรอลูก แล้วเนี่ยยัยอินทร์ไปไหนแต่เช้าไม่บอกแม่เลย เดี๋ยวแม่ลองโทรหายัยอินทร์อีกรอบก่อนนะลูก”
นางบอกเพื่อนลูกสาวแล้วกดตัดสายทิ้งแล้วมาพยายามกดโทรหาลูกสาวอีกครั้ง และดูเวลาว่าตอนนี้ก็จะแปดโมงเช้าแล้วลูกสาวออกไปไหนกัน ทำไมไปแต่เช้า เมื่อกดเท่าไรปลายสายไม่ยอมรับสายสักทีก็ตัดใจไม่โทรต่อไป เริ่มทำกับข้าวตัวเองต่อเดี๋ยวไม่ทันขายเที่ยง แต่ในใจก็กังวลเป็นห่วงลูกสาวของตน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของห้องผละตัวห่างจากร่างเปลือยเล็ก พร้อมห่มผ้าให้เธอมิดชิดก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวสอบตัวเอง แล้วเดินไปเปิดประตูห้องดูว่าใครกันมารบกวนเวลาพักผ่อนของตน
“มึงมีอะไรไอ้ขาบ” น้ำเสียงกระด้างดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะห้องคือคนสนิทของตน
“กาสิโนที่สเปนของเรามีปัญหาครับนาย และคลังอาวุธของเราก็มีปัญหาเหมือนกัน ตำรวจมาตรวจค้น”
“ให้มันได้แบบนี่สิวะ! แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู”
“ผมโทรมาแล้วแต่นายไม่รับสายเลยรีบมาเนี่ยหละครับ”
“เออ! กูรู้แล้ว เตรียมเครื่องบินไว้รึยัง”
“เรียบร้อยครับ เครื่องบินพร้อมรอแต่นาย”
“เดี๋ยวกูอาบน้ำแต่งตัวแป๊บ แล้วไอ้ผาดล่ะ”
“มันรอที่สนามบินแล้วครับ”
“อือ เรื่องคลังอาวุธไม่ต้องห่วงกูมีใบประกอบการใบเสียภาษีทุกอย่าง ใครมันเล่นตลกกับกูวะ สืบด้วย แล้วเรื่องนี้บอกไอ้เทวารึยัง”
“ผมแจ้งคุณเทวาแล้วครับ”
“อือ มึงไปจัดการเรื่องคลังอาวุธ และให้ไอ้เทวามาด้วยเพราะมันเป็นคนขนส่งให้เรา”
“ครับนาย” แล้วไอ้ขาบก็ก้มหัวเคารพนายแล้วเดินจากไปพร้อมกับเขาผลักประตูปิดเต็มแรง
ปึก!
“กูไม่เด็ดขาดเองมึงถึงเหลิงไอ้ปีแอร์”
กัดกรามแน่นเมื่อนึกถึงความวุ่นวายที่กาสิโนที่สเปน และตัวต้นเรื่องคงเป็นปีแอร์ ลูกเลี้ยงของพ่อเขาอีกเช่นเคย เท้าใหญ่ก้าวยาวๆ ตรงไปหยิบโทรศัพท์สำรองในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งของตนออกมา เพราะโทรศัพท์ที่ใช้ประจำอยู่บนรถ เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้หยิบมันลงมาด้วย
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“ไอ้เทวา”
“ว่าไงไอ้เทือก ไอ้ขาบมันโทรมาบอกกูแล้ว”
“เออ! กูฝากมึงจัดการเรื่องคลังอาวุธให้กูด้วย เอกสารทุกอย่างกูจะให้ไอ้ขาบเอาไปที่โกดังเก็บอาวุธ เพราะกูต้องไปสเปนกับไอ้ผาด ให้ตายสิไอ้ปีแอร์ลูกเลี้ยงพ่อกูสร้างเรื่องอีกแล้วแน่นอน” พูดพร้อมกับกำมืออีกข้างแน่นด้วยความเดือดดาล
“มึงไม่ต้องห่วง ทางนี้สบายใจได้ แล้วกูก็ให้คนของกูสืบแล้วว่าใครมันแจ้งตำรวจให้ไปค้นคลังอาวุธมึง เดี๋ยวไม่นานก็ได้เรื่อง”
“ฝากมึงด้วยไอ้เพื่อน ส่วนรางวัลเด็กในซ่องตัวท็อปกูมึงกินได้ฟรีถึงสิ้นปีเลยไอ้เพื่อน”
หึหึ
เทวากลั้วขำในลำคอ
“ทำไมวะ หรือมึงมีหลักแหล่งลงหลุมแล้วเหรอถึงได้ขำเหมือนไม่สนใจของรางวัลที่กูให้”
“ว่าแต่กู มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก รู้นะ มึงคิดถึงแมวขโมยที่มึงกล่าวหาทั้งๆ ที่หล่อนไม่ได้ขโมยของอะไรมึง”
“ไอ้ผาดหรือไอ้ขาบบอกมึง”
“อย่าไปว่าพวกมันเลย แค่นี้แหละ กูกำลังจะไปโกดังอาวุธมึง มึงก็ระวังตัวด้วย ไปสเปนครั้งนี้เห็นว่าปัญหาใหญ่กว่าทุกครั้งเลยนี่”
“ขอบใจไอ้เพื่อน กูฝากมึงจัดการทางนี้ให้กูด้วย” พูดจบก็วางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ก็มองไปเห็นคนที่นอนหลับบนเตียงก่อน
“อุวะ! ลืมเด็กน้อยไปได้ยังไง” สาวเท้าเดินไปยังเตียงแล้วถลกดึงผ้าห่มที่ห่มให้เธอก่อนหน้าออก แล้วเขย่าหัวไหล่เล็กปลุกให้เธอตื่น
“ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนแม่คุณ”
อือ
คนที่อ่อนเพลียเหนื่อยจากการโดนเอาเปรียบตลอดทั้งคืนจนถึงตีห้ากว่าเขาจะถอดถอนแก่นกายร้อนออกจากความฉ่ำแฉะของเธอก็ขยับพลิกตัวไปมาเมื่อถูกเขย่าปลุกแรงๆ แต่ก็ยังไม่ยอมตื่น
“ตื่นกลับบ้านเธอไปได้แล้ว” เขามองร่างเปลือยสีน้ำผึ้งนวลเนียนที่เต็มไปด้วยรอยขบเม้มและรอยดูดของปากเขาแล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ได้เขาต้องรีบไปสเปนแล้ว จะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้
อือ
องค์อินทร์คว้ามือใหญ่ที่เขย่าหัวไหล่ตนมากอดแน่น พร้อมกับยิ้มราวกับกำลังฝันหวานอยู่
“ให้มันได้แบบนี้สิ ตื่นได้แล้ว” มือใหญ่อีกข้างที่ว่างก็ตบหน้าเธอเบาๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่น
“ทำไมขี้เซาแบบนี้เนี่ยยัยเด็กบ้า!”
“อือ ว้าย!” ทันทีลืมตาตื่นเต็มตาและปรับการมองเห็นของตัวเองให้คุ้นชินกับแสงในยามเช้าสายที่ลอดส่องเข้ามาทางรูผ้าม่าน เธอปล่อยมือใหญ่ที่ตนกอดแน่นทันที พร้อมกับผลักเขาออกห่างจากตัวเอง ดีดตัวลุกขึ้นคว้าผ้าห่มมาห่มปิดร่างเปลือยตัวเองไว้
“ตื่นได้สักที ตื่นแล้วก็แต่งตัวกลับบ้านเธอไปได้แล้ว” เขาลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปยังห้องน้ำไม่สนใจว่าเธอจะทำตามที่สั่งรึเปล่า
“มะ....หมายความว่ายังไง” เธอถามเขาอย่างไม่เข้าใจ
“กลับบ้านไปได้แล้ว อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ” เขาหยุดเดินแล้วหมุนตัวมาบอกเธอ
“ไอ้ชั่ว! คนสารเลว! ”
หึ!
“วันนี้ฉันไม่ว่างมาต่อปากต่อคำกับเธอหรอกนะอินทร์” พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสียงประตูห้องน้ำปิดล็อกดังขึ้น
ปึก!
“ฉันเกลียดคุณที่สุด เกลียดที่สุดคนต่ำทราม”
เธอตะโกนด่าคนในห้องน้ำแล้วมองหาเสื้อผ้าและกระเป๋าตัวเองที่เมื่อคืนถือติดมาด้วย แล้วก็มองกระโปรงที่ถูกฉีกขาดจนใส่ไม่ได้ เธอเม้มปากแน่น ต้องเอาเสื้อเขามาใส่อีกแล้วสินะ เธอพาขาที่สั่นเทาของตนก้าวลงจากเตียงเพื่อจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง แล้วก็ต้องสูดปากแรงเมื่อความเจ็บแปลบกลางหว่างขาเล่นงาน แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกแล้วแต่การที่เขากระแทกแรงแบบนั้นก็ทำให้เธอเจ็บร้าวกลางร่างได้เหมือนกัน เท้าเล็กเดินก้าวช้าๆ ไปยังตู้เสื้อผ้าด้วยขาเล็กที่สั่นเทาไม่มั่นคง ก็เธออ่อนเพลียเหลือเกินตอนนี้
“ขาถ่างอีกแล้ว”
พึมพำกับตนเองขณะจับประตูตู้เสื้อผ้าของเขาเปิดออกหาเสื้อมาใส่ ตอนนี้เธออยากออกไปจากบ้านของเขาให้เร็วที่สุด และตอนนี้กี่โมงแล้วนะ ป่านนี้แม่คงเป็นห่วง และรู้แล้วแน่นอนว่าเธอไม่กลับบ้าน เธอเลือกเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาออกมาหนึ่งตัวแล้วเดินไปหยิบยกทรงกับกางเกงในและกางเกงซับในของตนมาใส่อย่างเร่งรีบแล้วสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขา แล้วหยิบกระเป๋าที่ตกหลุดจากแขนตัวเองที่หน้าประตูห้องขึ้นมาสะพายแล้วเปิดประตูห้องออกไป
กลับมาบ้านด้วยสภาพที่โทรม เธอเห็นแม่ของตนกำลังวุ่นวายในครัวหลังบ้านจึงรีบเดินเข้าห้องนอนตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วออกมาช่วยท่าน แต่ร่องรอยที่คนเถื่อนทิ้งไว้ตามลำคอและเนินอกก็ทำให้เธอต้องใช้ครีมรองพื้นทาหนาๆ ปกปิดรอยน่าเกลียดนั่นไว้ เมื่อเรียบร้อยก็ออกมาข้างนอกไปช่วยท่านที่ครัว
“ไปไหนมาไหนเดี๋ยวนี้ไม่บอกแม่เลยนะยัยอินทร์ แล้วเนี่ยออกไปไหนมาแต่เช้า” นางถามลูกสาว
“อินทร์ยังไม่ได้เข้าบ้านตั้งแต่เช้าค่ะ พอดีเมื่อคืนโยมาส่งแล้วตาลโทรมาว่าไม่สบายเลยออกไปหาตาลค่ะ และอยู่ดูแลตาลทั้งคืน ขอโทษนะคะที่ทำให้แม่เตยเป็นห่วงและไม่ได้รับสายด้วย ขอโทษนะคะ พอดีตอนนั้นอินทร์หลับอยู่ค่ะ” เรื่องโกหกที่แต่งขึ้นขณะพาร่างโทรมๆ ของตนเดินกลับมาบ้าน
“แม่ละเป็นห่วง ดีแล้วที่ลูกไม่เป็นอะไร แล้วหนูตาลหายดีรึยังลูกถึงได้กลับมาเนี่ย”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ เดี๋ยวให้หนูช่วยนะคะ แม่เตยจะทำเมนูอะไรคะตอนนี้”
“ไข่ลูกเขยน่ะ ปอกไข่ให้แม่และทอดให้แม่ด้วย แม่จะหั่นหอมแดง”
คำตอบของแม่ทำให้เธอคิดถึงหน้าคนเถื่อนสารเลวทันที แล้วใจสาวก็เต้นแรง ‘คนเลวๆ แบบนั้นไม่มีทางที่จะได้มาเป็นลูกเขยแม่เตยหรอก และเราก็ไม่ได้รักเขา เราเกลียดเขา’ เธอพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปนั่งลงที่แคร่ไม้ไผ่ที่มีชามใบใหญ่และไข่ต้มเกือบร้อยฟองอยู่ในชาม
“วันนี้ตอนบ่ายจะออกไปข้างนอกกับพ่อโยเหรอลูก” นางถามลูกสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาปอกไข่ให้ตน
“ค่ะ นัดกันไว้จะไปดูน้องหมาที่ช่วยไว้เมื่อวาน”
“ลูกรู้ไหมว่าพ่อโยคิดกับเราเกินเพื่อน” นางถามลูกสาว
“แม่เตย...” เธอไม่คิดว่าท่านจะรู้
“แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน มองออกนะว่าพ่อโยชอบลูกสาวแม่ แล้วเราล่ะชอบพ่อโยรึเปล่าลูก พ่อโยเป็นคนดีแม่ไม่ขัดข้องนะถ้าลูกจะรักจะชอบพอกัน”
“อินทร์คิดกับโยแค่เพื่อนเท่านั้นแม่เตย อีกอย่าง...” แล้วเธอก็เงียบไปเมื่อความลับของตนนั้นไม่ควรจะพูดและมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เธอเกลียดตัวเองในตอนนี้ ไม่ว่าจะอาบน้ำยังไงก็ลบสัมผัสของคนบาปไม่หมดจากร่าง ยิ่งพยายามยิ่งคิดถึง ยิ่งอยากเจอเขา
“ช่างเถอะ เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้แม่รู้” นางก้มหน้าซอยหัวหอมแดงต่อและก็ต้องแหงนเงยมองเพดานเมื่อรู้สึกแสบตา
“แม่คะบ้านหลังใหญ่ข้างๆ เราแม่สนิทกับเขาไหมคะ”
“ทำไมหนูถามแม่ล่ะลูก ปกติไม่เคยเห็นสนใจบ้านหลังข้างๆ เราเลยนี่” นางถามลูกสาว
“ก็อยากรู้เพราะหนูผ่านที่ไรเห็นเงียบตลอดแต่บ้านก็มีคนแน่นหนา เหมือนกับพวกมาเฟีย” เธอบอกท่านเพราะเมื่อเช้าตอนออกมาจากบ้านของเขาในบ้านของเขาเงียบจนน่ากลัว และแถมเต็มไปด้วยชายชุดดำยืนประจำแต่ละจุดในบ้าน
“แม่ก็ไม่รู้ว่ามาเฟียหรือเปล่า แต่เจ้าของบ้านน่ารักนะลูก” นางบอกลูกสาว
“น่ารัก? คนเลวคนนั้นเหรอคะน่ารัก” เธอเผลอหลุดปากพูดออกไปและก็ปิดปากตัวเองไม่ทันเสียแล้ว
“หนูอินทร์ไปว่าคุณเทือกแบบนั้นได้ยังไง พูดเหมือนรู้จักงั้นแหละ” นางถามลูกสาวอย่างสงสัย
“คะ...คือไม่รู้จักค่ะ และไม่อยากรู้จักด้วย น่ากลัวบ้านก็เงียบๆ แถมมีแต่คนน่ากลัวอยู่ในบ้าน” เธอบอกปัดพร้อมหลบตาของแม่
“คุณเทือกน่ะเป็นคนง่ายๆ เขาผูกปิ่นโตกับร้านแม่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี้เมื่อสามปีก่อนแล้วลูก และเขากินง่ายมาก กับข้าวอะไรเขาก็ทานได้หมด ที่สำคัญเขาก็ให้เงินพิเศษแม่ตลอด แต่แม่ก็ไม่เคยเจอเขาหรอกนะ รู้แต่ว่าเขาใจดีน่ารักกับแม่มาก และแม่ถามการ์ดหน้าบ้านของเขาเห็นว่ายังหนุ่มด้วยนะลูก”
“ว่าแต่วันนี้แม่เตยจะอะไรอีกบ้างคะนอกจากไข่ลูกเขยแล้ว” เธอเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อผู้เป็นแม่เอาแต่พูดชมคลังแสง ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ยินมาก็ชื่นชมแล้ว แม่นะแม่ ชื่นชมคนเลวแบบนั้นได้ยังไง และถ้าหากรู้ว่าเขาข่มเหงลูกสาวตัวเองยังจะชื่นชมเขาอีกไหม ยังจะบอกว่าคนต่ำทรามคนนั้นน่ารักอีกไหม?
“ไข่ลูกเขย ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดขิงหมู หมูหวาน และต้มข่าไก่” นางบอกลูกสาว
“ตอนนี้ได้กี่เมนูแล้วคะ” เธอถามแม่
“ก็เพิ่งจะทำหมูหวานเสร็จไปและจะทำไข่ลูกเขยเนี่ยแหละ ที่เหลือทำง่ายๆ และใช้เวลาไม่นานเอาไว้ทีหลัง” นางบอกลูกสาว
“งั้นหนูรีบปอกไข่ทอดให้แม่ให้เสร็จจะได้เสร็จไวและทำอย่างอื่นต่อ”
“อือ” แล้วสองแม่ลูกก็พูดคุยกันเรื่องลมฟ้าอากาศพร้อมกับช่วยกันทำอาหารไปด้วย มีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงดุดังขึ้นตลอดบรรยากาศทำอาหารในวันนี้