บทที่1.ปาร์ตี้คนโสด..
ฉันควรเกลียดความมั่นใจในตัวเองของชายผู้นี้เสียจริงๆ แต่เพราะฉันรู้จักเขานะสิ ฉันเลยเกลียดความคิดนี้ของเขาไม่ลง ผู้ชายคนนี้ คนที่สาวๆ กำลังตามกรี๊ดอย่างหนัก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีดีกรีต่อท้ายยาวจนขี้เกียจจำ ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าโลกจะกลมจนพัดพาเขาหลุดเข้ามาในวงโคจรคนธรรมดาอย่างฉันได้
อนันยช ศาตนันท์ CEO NS กรุ๊ป
ผู้ชายที่ฉันกับฐานิฏฐ์ เพิ่งแอบมองเขาเมื่อตอนบ่ายในห้องประชุมของบริษัท ผู้ชายที่กำลังจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉันในวันพรุ่งนี้ หลังจากเขาเทคโอเวอร์บริษัทฉันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ NS กรุ๊ปแล้ว
ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
“พรุ่งนี้ คุณจะเสียใจที่ลดตัวลงมาเลือกฉันค่ะ” สมองฉันเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหมฉันถึงพูดออกมาแบบนั้น
“ไม่เคยมีคำว่าเสียใจ หากฉันตัดสินใจไปแล้ว”
ฉันก็พอรู้นิสัยหรือสันดานผู้ชายมาบ้างแหละ แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอกับตัวเอง ความปรารถนาในร่างกายมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์เป็นใจก็เป็นได้
แหล่งซ่องสุมที่คนปกติธรรมดาไม่เฉียดเข้ามาใกล้หรอก ยกเว้นคนที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน ฉันผิดเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางในช่วงเวลาที่ฉันเองก็ไม่มั่นคงนักทางอารมณ์
ฉันอยากประชดประชันโลก...อยากทำในสิ่งที่ตัวไม่เคยคิด
เขาเกี่ยวปลายคางฉันด้วยปลายนิ้วชี้ ฉันเบี่ยงหน้าหลบตามสัญชาตญาณ ซึ่งไม่ได้ผลหรอกในระยะประชิดเช่นนี้ เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ฉันคาดเดาหรอกนะ “หาที่เงียบๆ คุยกันเถอะ ฉันไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาเท่าไหร่นัก”
ฉันถอนใจแรงๆ ยอมเดินตามแรงรั้งของเขาไปได้ยังไงไม่รู้ คงเพราะฉันเผลอสูดกลิ่นฟีโรโมนของเขาเข้าไปมากเกินไปด้วยล่ะมั้ง ฉันเลยเคลิ้มไปกับคำเชิญชวนแสนอันตรายนั่น
ฉันเดินตัวลอยตามคนแปลกหน้าเข้าไปด้านใน ขาฉันเบาหวิวเหมือนน้ำหนักตัวฉันลดลงเกินครึ่ง ฉันเดินเปะปะเพราะการควบคุมตัวเหลือน้อยลงทุกนาที และภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ฉันคิดไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เลย
“ว้าวววว...” ฉันอ้าปากมองวิวที่เห็นผ่านกระจกใสแจ๋ว
ทิวทัศน์ยามค่ำแสงไฟตกกระทบแผ่นน้ำจนเกิดประกายระยิบระยับ
“ฉันชอบเธอบนเตียงนั่นมากกว่า วิวแม่น้ำเจ้าพระยานะ” ฉันสะดุ้งสุดตัว ฉันลืมตัวจนตกอยู่ในสถานการณ์สุดอันตรายเข้าจนได้
ฉันรวบรวมสติหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ฉันเผลอตัวเดินถอยหลัง ผู้ชายรูปหล่อคนเดิมกำลังทำบางอย่างกับเสื้อผ้าของเขา ฉันมองสูทพอดีตัวสีน้ำตาลไหม้ที่วางพาดไว้เหนือพนักเก้าอี้ เขากำลังปลดกระดุมข้อมือท่าทางไม่ยี่หระกับทุกสิ่งรอบตัวเลย
“คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะคะ ฉันไม่ได้มาเพื่อ...” ฉันพูดต่อไม่จบรู้สึกกระดากปากพิกล
เขายิ้มแบบเดิม มองฉันด้วยแววตาน่าขยะแขยง เปลือกตาเขาหรี่ลง และมองฉันผ่านแพขนตาดกหนาที่ฉันนึกอยากลองสัมผัสสักครั้ง
“ไม่ต้องเล่นบทสาวใสไร้เดียงสาหรอกน่า ที่นี่มีแค่เธอกับฉัน”
ทำไมฉันต้องเข้าใจสิ่งที่เขาพูดด้วยก็ไม่รู้ ฉันอยู่ท่ามกลางเพื่อนที่เป็นคาสโนวี่ ประสบการณ์ผ่านเรื่องเล่าที่กรอกหูฉันอยู่หลายปีมันเลยทำให้คำพูดกำกวมเหล่านี้ ฉันก็ยังเข้าใจ
ฉันไม่ได้รู้สึกโกรธเขาเลยนะ เขาโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนี้มั้ง ผู้หญิงทุกคนที่วิ่งเข้าหาเขาคงมีแต่จำพวกนี้สินะ ผู้ชายตรงหน้าฉันเลยมองโลกในแง่ลบไปสักหน่อย
“คุณกับฉันต้องคุยกันก่อนค่ะ”
ฉันตั้งใจอธิบายให้เขาเข้าใจฉันใหม่ ฉันไม่ได้เดินเข้าห้องกับเขาเพื่อทำกิจกรรมในร่มที่ผู้ชายรักสนุกชอบหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้เขาเสียหน้าหากใครก็ตามผ่านมาได้ยินฉันปฏิเสธเขา เท่าที่ตามข่าวเขามาสักพัก ผู้ชายมีดีอย่างเขาคงไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจข้อเสนอของเขาเลย
แต่นั่น...ไม่ใช่ฉัน
“อ้อ...ลืมไป พอดีฉันชอบเธอเป็นพิเศษ เธอยังไม่ได้ตกลงกับเอเย่น ของเธอมาก่อนใช่ไหม”
เขาพึมพำ เดินเลยไปที่เก้าอี้ตัวเดิมที่มีเสื้อสูทของเขาพาดเอาไว้หมิ่นๆ เขาล้วงอะไรบางอย่างออกมาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปและวางบางอย่างลงบนโต๊ะ “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่เคยเอาเปรียบผู้หญิง ทีนี้เริ่มงานของเธอสักทีเถอะ ฉันมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว”