บทที่ 7 ฝ่าบาทจงใจกลั่นแกล้ง
ฮ่องเต้โกรธจนหน้าดำปั๊ด ในเมื่อสองคนนี้มีสัมพันธ์กันแล้ว เขาไม่มีทางยอมรับหยุนถิงกลับจวนหลีอ๋องแน่ แต่เมื่อวานเขาพึ่งพระราชทานสมรส วันนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หน้าตาของราชวงศ์จะเอาไปไว้ที่ไหนกัน
“ฮ่องเต้ท่านอย่ากริ้วเลย หากหม่อมฉันสามารถรักษาอาการนอนไม่หลับของฮ่องเต้ได้ ขอฮ่องเต้อนุญาตยกเลิกสัญญาแต่งงานของหม่อมฉันกับหลีอ๋อง” หยุนถิงพลันเอ่ยปากขึ้น
ฮ่องเต้เลิกคิ้วถาม “เจ้ารู้วิชาแพทย์?”
“ตอนหม่อมฉันอยู่ที่บ้าน ท่านพ่อเคยให้คนมาสอนหม่อมฉัน หากฝ่าบาทเชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีตรวจอาการฝ่าบาท”
“หยุนถิงเจ้าอย่ามาพูดปด เสด็จพี่พระวรกายสูงส่ง จะมีอาการนอนไม่หลับได้ยังไง อีกอย่าง หากพระวรกายของเสด็จพี่เป็นอะไรขึ้นมา ย่อมมีหมอหลวงถวายการรักษาอยู่แล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างเจ้าคู่ควรบอกว่าตนเองรู้วิชาแพทย์รึ ช่างคุยโวโอ้อวดเสียจริง” หลีอ๋องเยาะหยันบอก
หยุนถิงเองก็ไม่โกรธ พูดต่อไม่สะดุดว่า “สีหน้าฮ่องเต้หม่นหมอง ซีดเผือด ริมฝีปากขาวซีดเล็กน้อย เบ้าตาดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าหน้าตาหม่นหมองเพราะนอนไม่หลับ ดูท่าน่าจะเป็นมาสองเดือนแล้ว”
สายตาฮ่องเต้เหล่มองหยุนถิง และมองสำรวจนางอย่างจริงจัง
รูปร่างอรชร เล็กบาง บนแก้มมีปานดำแผ่นใหญ่ ปกคลุมไปกว่าครึ่งหน้า อัปลักษณ์ยิ่งนัก เพียงแต่หญิงอัปลักษณ์เช่นนี้กลับรู้วิชาแพทย์จริงๆ และยังแค่ดูหน้าก็รู้อาการป่วยของตนแล้ว มันทำให้ฮ่องเต้ประหลาดใจพอดู
“เจ้ารักษาอาการนอนไม่หลับของข้าได้จริงรึ?” ฮ่องเต้ถาม
หลีอ๋องที่เดิมดูถูกไว้ ตอนนี้เหมือนโดนตบหน้าคาที่ สีหน้าทะมึนของเขาดูกระอักกระอ่วนนัก “แค่กแค่ก เสด็จพี่ ท่านนอนไม่หลับจริงรึ?”
“ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย เลยนอนไม่ค่อยหลับ” ฮ่องเต้ตอบ
สีหน้าหลีอ๋องดูน่าเกลียดนัก “หมอหลวงในวังของเสด็จพี่มีมากนัก ท่านเรียกพวกเขามารักษาก็ได้ ข้าไม่เชื่อว่าสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้จะมีวิชาแพทย์เหนือกว่าหมอหลวง”
“ถ้าหมอหลวงมีวิธี ฝ่าบาทจะนอนไม่หลับมาสองเดือนได้อย่างไร” หยุนถิงย้อนถาม
“เสด็จพี่แค่ราชการมากมาย เหน็ดเหนื่อยเกินไป” หลีอ๋องเถียงคอเป็นเอ็น
“อาการนอนไม่หลับก็แบ่งเป็นร่างกายและจิตใจ ยาที่หมอหลวงให้มาเพียงแค่บำรุงร่างกาย แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทเป็นที่จิตใจ ครุ่นคิดมากเกินไป กังวลวิตกปวดหัว กดดันมากเกินไป คิดมากเกินไปเลยเป็นเช่นนี้ ต่อให้กินยามากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์” หยุนถิงพูดเนิบชา
“ถิงถิง เจ้าอย่าพูดจาซี้ซั้ว” หยุนเซี่ยงเอ่ยเตือนเสียงเบา
ร่างกายของฮ่องเต้เกี่ยวพันถึงความเป็นตายของทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน ปกติแล้วต่อให้มีตรงไหนไม่สบายก็ไม่มีทางแพร่ข่าวออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการนอนไม่หลับอย่างนี้ หากฮ่องเต้แคว้นหนึ่งพักผ่อนไม่ดี นานไปต้องเจ็บป่วยแน่ พอฮ่องเต้ล้มป่วย เช่นนั้นจะกลายเป็นความโชคร้ายของทั้งแคว้น
“วางใจเถอะท่านพ่อ ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไร” หยุนถิงปลอบ
พอฮ่องเต้ไม่สบายต้องเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการแต่เนิ่นๆแน่ ยาที่ใช้ก็เป็นยาชั้นสูงทั้งนั้น แต่กลับรักษาไม่หายก็บ่งบอกชัดแล้วว่าไม่ใช่ปัญหาที่ร่างกาย เพราะต้องปกครองใต้หล้า กังวลมากเกินไป ย่อมต้องคิดมาก ดังนั้นหยุนถิงถึงพูดอย่างนั้น
หลีอ๋องดวงตาแดงก่ำ ถลึงตามองหยุนถิง “หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าช่างบังอาจนัก กล้าบอกว่าเสด็จพี่มีไข้ใจ ข้าว่าเจ้าหาเรื่องตาย ใครก็ได้ จับสตรีนางนี้ที่สาปแช่งเสด็จพี่ออกไปเข้าคุกซะ”
“ช้าก่อน” ฮ่องเต้สั่งเสียงเข้ม
“เสด็จพี่ หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้กล้าสาปแช่งร่างกายท่าน จะยกโทษให้นางง่ายๆอย่างนี้มิได้เด็ดขาด” หลีอ๋องรีบอธิบาย
“ข้ารู้ว่าควรทำยังไง พวกเจ้าออกไปเถอะ หยุนถิงอยู่ก่อน” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“แต่ว่าเสด็จพี่...” หลีอ๋องยังอยากพูดอะไร แต่พอเห็นสายตาคมปลาบเย็นเยียบของเสด็จพี่ เขาตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ออกไป
หยุนเซี่ยงมองลูกสาวแวบหนึ่ง ไม่วางใจแต่ก็ไม่กล้าขัดรับสั่งฮ่องเต้ เลยตามคนอื่นออกไป
มีเพียง จวินหย่วนโยวสีหน้าเรียบเฉย ไม่กังวลเลยสักนิด เดินออกไปเลย
ประตูปิดลง หยุนถิงมองไปทางฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ “ฝ่าบาท ตอนนี้พูดได้แล้วกระมัง?”
“ข้ามีเรื่องหนึ่งเร่งร้อนมากจริงๆ ทำให้จนถึงตอนนี้ยังคิดหาทางแก้ไม่ได้ หากเจ้าช่วยข้าจัดการได้ ข้าจะยกเลิกสัญญาแต่งงานของเจ้ากับหลีอ๋อง” ฮ่องเต้บอก
อันที่จริงเขาไม่ได้คาดหวังกับหยุนถิงเลย เพราะหยุนถิงเป็นหญิงโง่งมไร้ประโยชน์ที่เลื่องชื่อของแคว้นต้าเยียน หยุนเซี่ยงเป็นขุนนางสองรัชกาล จะไม่ไว้หน้าเขาเลยก็ไม่ได้ ดังนั้นฮ่องเต้ให้หยุนถิงอยู่ก่อน และจงใจให้โจทย์ยากกับนาง เช่นนี้หากนางทำไม่ได้เอง ก็ไม่ใช่เพราะฮ่องเต้อย่างเขาจงใจแล้ว
“เชิญฝ่าบาทตรัสเถิด” หยุนถิงถาม
“ทางใต้ของแคว้นต้าเยียน เมืองหนานหยวนมีสภาพอากาศร้อนแห้ง แห้งแล้งมาหลายปี ดินเป็นทรายทั้งหมด ปลูกอะไรก็ยากจะมีผลผลิตเก็บเกี่ยว ประชาชนต้องอดอยากหิวโหยทุกวัน อดยาก อพยพหลบหนีไปทุกทิศ กระทั่งยังเกิดชาวบ้านลี้ภัย ข้าสั่งคนเปิดท้องพระคลังปล่อยเสบียง แต่ชาวบ้านลี้ภัยมีมากเกินไป ต่อให้มีเสบียงมากแค่ไหน ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด ชาวบ้านลี้ภัย ข้าส่งกองทัพไปควบคุมก็รักษาที่ปลายเหตุมิใช่ต้นเหตุ ดังนั้นช่วงนี้ข้าถึงได้กังวลกับเรื่องนี้” ฮ่องเต้ถอนหายใจบอก
“ฝ่าบาท ขอข้อมูลของเมืองหนานหยวนให้หม่อมฉันดูสักหน่อยจะได้ไหม” หยุนถิงเสนอ
“ใครก็ได้ ไปนำฎีกาที่เกี่ยวข้องกับเมืองหนานหยวนให้คุณหนูหยุน” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าเมืองเมืองหนานหยวนยังส่งคนให้นำดินทรายและน้ำมาให้ ให้นำมาให้ด้วยหรือไม่?” กงกงถาม
“รีบนำมาให้ข้าดูสักหน่อยเถอะ ดินและน้ำมีประโยชน์กว่าฎีกามากนัก” หยุนถิงรีบพูด
“ไปเถอะ เอามาให้นางทั้งหมด “ฮ่องเต้บอกอย่างเห็นด้วย
กงกงให้คนไปนำถุงขนาดใหญ่หามเข้ามา และยังน้ำโอ่งใหญ่อีก
หยุนถิงเปิดถุงกระสอบออก และเทดินในถุงออกมาจนหมด ตรวจดูอย่างละเอียด
วิธีการที่ขุนนางทั่วทั้งราชสำนักยังคิดไม่ออก ฮ่องเต้มิได้คาดหวังอะไรกับสตรีผู้หนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่แต่กับเรือนเท่าใดดอก หากแต่เห็นหยุนถิงมิได้กระทำส่งๆไป แต่ตั้งใจคิดหาหนทางจริงๆ สีหน้าเย็นชาของฮ่องเต้ดีขึ้นเล็กน้อย
“ขอถามฝ่าบาท เมืองหนานหยวนเป็นดินทรายเช่นนี้ทั้งหมดรึ?” หยุนถิงถาม
“ใช่ ทั่วทั้งเมืองหนานหยวน ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ไหนก็เป็นเช่นนี้”
หยุนถิงตรวจสอบดูน้ำ และหยิบกระดาษทดสอบค่าความเป็นกรดด่างแผ่นหนึ่งออกมาตรวจสอบค่าค่าความเป็นกรดด่างของน้ำ
“ฝ่าบาท ดินทรายเหล่านี้กับน้ำถือเป็นเป็นกรดอ่อนๆ ค่า pHอยู่ระหว่าง 4.2-8.3 พืชพันธุ์ทั่วไปไม่อาจงอกงามขึ้นได้ ต่อให้ได้ก็ได้ผลผลิตน้อยมาก ดินของเมืองหนานหยวนเป็นดินทรายทั้งหมด และยังสภาพอากาศแห้งแล้ง ต่อไปปลูกมันเทศเถิด มันเทศชอบแสง เป็นพิชที่เก็บเกี่ยวได้ในระยะสั้น เหมาะกับสภาพดินที่ทนต่อความเป็นกรด ทนต่อแสงแดด เหมาะจะปลูกในที่ราบและทะเลทราย หนึ่งปีสามารถเก็บผลผลิตได้สองฤดูคือฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง
มันเทศจะให้ผลผลิตเป็นสองเท่า ช่วยบำรุงร่างกาย และยังทนหิว ช่วยให้ย่อยง่าย หากกินบ่อยจะสามารถช่วยป้องกันโรคภัยได้ เป็นพืชผักประทังหิวที่ดีมาก วิธีทำก็ง่าย กินสด ต้มข้าวต้ม นึ่งต้มได้ทั้งนั้น แต่มันเทศเก็บรักษาไม่ง่ายนัก สามารถบดมันเทศเป็นผง ทำเป็นอาหารเส้นกิน
หรือจะทำเป็นมันเทศแห้ง ขนมมันเทศ ผงมันเทศ ก็ได้ทั้งนั้น เช่นนี้เวลาในการเก็บรักษาจะนานขึ้น ตอ่ให้เป็นฤดูหนาวก็สามารถกินอาหารร้อนๆได้ รอจนประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นมาหน่อย ยังนำออกมาขายได้ รับรองว่าจะสามารถขายให้กับอีกสามแคว้น ถือเป็นรายได้ที่ไม่เลว” หยุนถิงพูดอย่างจริงจัง
ฮ่องเต้มองหยุนถิงอย่างไม่เชื่อสายตา “ที่เจ้าพูดเหล่านี้เป็นเรื่องจริงรึ?”