บทย่อ
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตาย พอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง...จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ
บทที่ 1 ถูกหย่า
จวนหลีอ๋อง
“ท่านอ๋องท่านช่างร้ายนัก เบามือหน่อยสิเจ้าคะ” เสียงเย้ายวนอ่อนหวานของสตรีดังขึ้น
“พวกเจ้ามิใช่ชอบความร้ายของข้ารึ?” เสียงเย็นชาของบุรุษมีแววล้อเลียน
หยุนถิงรู้สึกว่าหนวกหูมาก จนทนไม่ไหว ถึงลืมตาขึ้น
สิ่งที่เข้าสู่สายตาคือเครื่องเรือนทำจากไม้หนานรูปแบบโบราณ ผ้าไหมสีแดงห้อยแขวนเต็มห้อง การตกแต่งในห้องหรูหรางดงามนัก รวมถึงเตียงที่อยู่ไม่ไกล มีผู้ชายคนหนึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิงแต่งตัวเสื้อผ้าน้อยชิ้น พากันรุมแย่งให้เขารักใคร่ สถานการณ์ดูเละเทะจริงๆ
แถมบนตัวเธอยังใส่ชุดเจ้าสาวที่มีแค่ในยุคโบราณ
หยุนถิงงงเป็นไก่ตาแตกเลย
ตนเองอยู่วิจัยยาถอนพิษตัวใหม่ล่าสุดในห้องวิจัยแท้ๆ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?
และคนพวกนี้คือใคร?
ในตอนนี้เอง มีความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอโจมตีเข้ามาในหัว ทำให้หยุนถิงปวดหัวแทบระเบิด
ที่แท้เจ้าของร่างนี้ก็ชื่อหยุนถิง ชื่อแซ่เดียวกับตน เป็นพระชายาของหลีอ๋อง ลูกสาวเมียเอกของเฉิงเซี่ยง หน้าตาอัปลักษณ์ เย่อหยิ่งจองหอง ดื้อดึงเอาแต่ใจ เป็นสตรีไร้แก่นสารที่เลื่องชื่อของเมืองหลวง เพราะว่าหลงรักหลีอ๋องโม่ฉือหาน ใช้ชีวิตบีบพ่อตนเองให้ยอมเข้าวังไปขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้
คืนนี้เป็นคืนสมรสของพวกเขา โม่ฉือหานพาหญิงนางโลมหลายคนมามีสัมพันธ์กันในห้องหอของพวกเขา นอกจากนี้แล้ว ยังเยาะเย้ยร่างเดิมว่า “ข้ายินดีจะรักใคร่หญิงนางโลม ก็ไม่ยอมแต่งงานกับพระชายาอัปลักษณ์!”
การเหยียดหยามแบบนี้ทำให้ร่างเดิมที่เย่อหยิ่งทระนงตกสิ้นหวังทุกข์ทรมาน พุ่งหัวชนมุมโต๊ะจนตาย จากนั้นตนก็ย้อนเวลามา ส่วนโม่ฉือหานกลับไม่สนใจความเป็นความตายของร่างเดิม บอกว่านางเสแสร้งแกล้งทำ ต่อให้นางตายไปจริงๆ เขาก็ไม่คิดจะชายตาแลนางสักนิด
หยุนถิงพึมพำคำที่หลีอ๋องพูดกับร่างเดิม อดยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาไม่ได้
หันไปเห็นของกินพวกพุทราแดงถั่วลิสงข้างๆ เธอลุกเดินเข้าไปหยิบพุทราแดงลูกหนึ่งยิงไปที่จุดชีพจรจุดหนึ่งของโม่ฉือหาน
โม่ฉือหานที่กำลังสนุกสนานพลันรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่บางส่วนของร่างกาย เขาไม่ได้ใส่ใจ กลับบ้าคลั่งต่อ สุดท้ายก็มีสีหน้าสะท้านเยือก คิ้วขมวดน้อยๆ
“ท่านอ๋อง เป็นอะไรรึ?” สตรีเหล่านั้นถามอย่างห่วงใย
“ไสหัวไป!” โม่ฉือหานตะคอกดัง
สตรีเหล่านั้นตกใจกลัว รีบหยิบเสื้อผ้าวิ่งหนีไป
แววตาหยุนถิงฉายแววเย็นชาและเยาะหยันวาบผ่าน ดูสิว่าต่อไปเขาจะมีผู้หญิงอีกได้ไหม
จำต้องยอมรับจริงๆว่า โม่ฉือหานหล่อมาก ใบหน้าเด่นชัด หน้าตาทุ้มเข้ม คิ้วหนาดกดำ ดวงตาสุกสกาวดุจดวงดาว ต่อให้โกรธจัด ก็ไม่กระทบกระเทือนต่อความหรูหราและบ้าอำนาจของเขาเลยสักนิด
บุรุษงามอันดับหนึ่งของเมืองเซิ่งจิง น่าเสียดายที่เป็นบุรุษชั่วช้า
พอคิดถึงการกระทำของเขาที่ทำต่อร่างเดิม แววตาหยุนถิงมีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน แกล้งเขยิบเข้าไปใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ท่านอ๋อง พวกนางทำให้ท่านไม่พอใจใช่หรือไม่ เปลี่ยนเป็นข้าดีหรือไม่ ข้ารับรองจะรับใช้ท่านให้สบายๆ....”
“ไสหัวไปซะ เจ้าคู่ควรรึ!” โม่ฉือหานมองดูใบหน้าอัปลักษณ์ที่พลันชิดเข้ามา เขาผลักนางออกไปอย่างรังเกียจ
หยุนถิงโดนผลักตกพื้น เจ็บมาก แต่ใบหน้ากลับใสซื่อและเป็นห่วงเป็นใยต่อว่า “ท่านอ๋อง ท่านอย่ากริ้วสิ ข้าทำให้ท่านพึงพอใจได้นะ?”
“หุบปาก ชาตินี้ข้าไม่อยากเจอเจ้าอีก!” หลีอ๋องลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่เตียงมาใส่ จากนั้นออกไปโดยที่ไม่มองหยุนถิงที่พื้นเลยสักนิด
หยุนถิงมองตามแผ่นหลังหลีอ๋องอย่างเย็นชา แววตามีประกายสาแก่ใจและไม่แยแสวาบผ่าน
หลังจากโม่ฉือหานออกจากเรือน ก็โกรธจัด
เดิมยังดีๆอยู่ เหตุใดใช้การไม่ได้แล้วเล่า ต้องเป็นเพราะโดนหญิงอัปลักษณ์หยุนถิงทำเอาสำรอกแน่
แววตาโม่ฉือหานมีแววรำคาญและรังเกียจ เขาหยิบพู่กันและกระดาษมาเขียนหนังสือหย่าร้างหนึ่งฉบับ
“ใครก็ได้! เอาหนังสือหย่าร้างนี้ส่งไปให้หญิงอัปลักษณ์นั่น ให้นางไสหัวกลับไปจวนเฉิงเซี่ยงภายในสามวัน ไม่เช่นนั้นข้าไม่ถือสาจัดส่งซากศพหนึ่งกลับไป” โม่ฉือหานตะคอกอย่างโกรธจัด
“ขอรับ” องครักษ์เหลยถิงรีบไปจัดการ
พอโม่ฉือหานออกไป หยุนถิงก็รู้สึกง่วง อยากจะนอน
แต่เตียงเดียวในห้องกลับโดนชายชั่วและผู้หญิงหลายคนทำสกปรกแล้ว เธอไม่อยากนอน เลยคิดจะไปอาบน้ำก่อน
ในตอนที่เธอได้รับการอาบน้ำจากเยว่เอ๋อร์ซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ของร่างเดิมเสร็จ ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอก
“เรียนคุณหนูหยุน!”
“ไม่ใช่พระชายา แต่เป็นคุณหนูหยุน เห็นได้ชัดว่าคนของจวนหลีอ๋องรังเกียจเธอแค่ไหน
“เรื่องอะไร?” หยุนถิงถาม
“ท่านอ๋องให้ข้าน้อยมาส่งหนังสือหย่าร้าง และยังบอกอีกว่า ให้คุณหนูหยุนกลับไปจวนเฉิงเซี่ยงเองภายในสามวัน มิเช่นนั้น...” คำพูดต่อจากนั้นของเหลยถิงไม่ได้พูดออกมา
หยุนถิงเปิดประตูออก เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยื่นมือรับหนังสือหย่าร้างนั้นมา “ขอบคุณ!”
ภาพที่คาดไว้ไม่เกิดขึ้น หยุนถิงดูใจเย็นมาก เหมือนคนโดนหย่ามิใช่นาง จนประตูปิดลง เหลยถิงยังคงอึ้งตะลึง คิดว่าตนเกิดภาพหลอน
คุณหนูหยุนผู้นี้เห็นหนังสือหย่าร้างที่ท่านอ๋องให้นาง ไม่ได้ร้องไห้อาละวาดหรือแสร้งผูกคอตาย ยังบอกขอบคุณตนเอง มันช่างแปลกเสียจริง!
ต้องรู้ไว้นะว่า ทั่วทั้งเมืองเซิ่งจิงต่างรู้ดีว่าคุณหนูหยุนรักท่านอ๋องมากแค่ไหน เพื่อให้ได้แต่งงานกับท่านอ๋อง เอาชีวิตเข้าข่มขู่พ่อตนเอง
พอเห็นหยุนถิงกลับมา เยว่เอ๋อร์เป็นห่วงอย่างมาก “คุณหนู ท่านอ๋องให้หนังสือหย่าท่านจริงรึ นี่จะทำอย่างไรดี ท่านพึ่งแต่งเข้ามาได้หนึ่งวันก็โดนหย่าแล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปท่านจะอยู่อย่างไร?”
“อยู่มายังไงก็อยู่ไปอย่างนั้น ไม่มีโม่ฉือหานข้าก็ไม่ได้สูญเสียส่วนไหนไปนี่นา” หยุนถิงแค่นเสียงหึ
“แต่คุณหนู เมื่อก่อนท่านรักหลีอ๋องมากที่สุดมิใช่รึ เหตุใดจู่ๆถึง...” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“เด็กโง่ เจ้าเองพูดแล้วว่าเมื่อก่อน คืนสมรส โม่ฉือหานเหยียดหยามข้าเยี่ยงนี้ ก็เพื่อให้ข้าตัดใจจากเขา บัดนี้ข้าเองก็คิดตกแล้ว แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน อยู่มาสิบกว่าปีเพื่อหลงรักชายชั่วคนหนึ่ง ต่อไปข้างหน้าข้าจะอยู่เพื่อตนเองเท่านั้น” หยุนถิงตอบ
พอเห็นสายตามุ่งมั่นและสีหน้าเคร่งขรึมของคุณหนู เยว่เอ๋อร์ตกตะลึงยิ่งนัก แต่ก็ปลื้มใจ
เมื่อก่อนคุณหนูลำบากเพื่อหลีอ๋องมามากนัก นางสามารถปล่อยวางได้ดียิ่งนัก
วันต่อมา
ฟ้าพึ่งสาง หยุนถิงตื่นขึ้น เปลี่ยนชุดของเยว่เอ๋อร์ ปีนข้ามกำแพงออกจากจวนอ๋อง พุ่งไปยังถนนที่ผู้คนพลุ่งพล่านที่สุดในเมือง
เธอแปะหนังสือหย่าร้างที่โม่ฉือหานเขียนไว้หน้าประตูหอใต้หล้าของใจกลางถนน จากนั้นก็ย้อนกลับตามทางเดิม
เมืองเซิ่งจิงเหมือนหม้อระเบิดภายในเวลาอันสั้นที่สุด ทุกคนล้วนได้รู้ว่าหลีอ๋องหย่าขาดกับหยุนถิง หนังสือหย่าร้างที่แปะอยู่หน้าประตูหอใต้หล้านั่นคือหลักฐาน
ทุกคนพากันดูถูกหยุนถิง หน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังคิดอยากได้บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง สุดท้ายแต่งานวันแรกก็โดนหย่าร้าง สมน้ำหน้านัก
ข่าวลือแพร่ออกไป ปากต่อปาก สุดท้ายก็ไปถึงจวนหลีอ๋อง พระราชวังตระกูลหยุน
ในเวลานี้ ในห้องส่วนตัวอักษรเทียนของหอใต้หล้า
บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งนั่งพิงหน้าต่าง ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนด้านล่าง มือของเขาที่ถือถ้วยกระเบื้องขาวบีบแน่นเล็กน้อย
“ซื่อจื่อ เมื่อวานหลีอ๋องพึ่งเข้าพิธีแต่งงานกับหยุนถิง วันนี้ก็แปะหนังสือหย่าร้างไว้ที่หน้าประตูหอใต้หล้า นี่มันบีบให้นางตายชัดๆ” องครักษ์หลิงเฟิงเปิดปากพูด
ชื่อเสียงของสตรีมีความสำคัญมากนัก ปกติพอโดนหย่าร้าง เก้าในสิบจะคิดไม่ตกและผูกคอตาย เพราะรู้สึกว่าไม่มีหน้าอยู่ต่อไปแล้ว
องครักษ์อีกคนด้านนอกประตูเดินเข้ามา “ซื่อจื่อ ข้าน้อยสืบมาได้แล้วว่า หนังสือหย่าร้างนั่นมิใช่หลีอ๋องเป็นคนแปะ หากเป็นสาวใช้ร่างกายแน่งน้อยผู้หนึ่ง ปินข้ามกำแพงเข้าเรือนด้านหลังของจวนหลีอ๋อง”
สีหน้าซีดเผือดของจวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลิงเฟิง เจ้านำหนังสือหย่าร้างนั่นส่งไปที่พระราชวัง”
“ขอรับ” หลิงเฟิงรีบไปจัดการ
“ซื่อจื่อ เหตุใดจึงทำเช่นนี้เล่า?” รั่วจิ่งถามอย่างไม่เข้าใจ