บ้องข้าวหลาม
ยิ่งใต้เสื้อคลุมสีขาวที่เปิดวับ ๆ แวม ๆ นั่นมันทำให้เธอหน้าร้อนฉ่า ไม่ได้ตั้งใจมองแต่มันก็เห็นแผงอกหนั่นแน่น หน้าท้องเป็นลอน ๆ อย่างกับเอาก้อนขนมปังไปวางไว้ ต่ำลงมาเป็นเส้นขนประปรายและวีไลน์ทั้งสองข้าง ต่ำลงไปตรงกลางหว่างขามีบางอย่างที่โผล่แพลมเล็ดลอดออกมาจากสาบเสื้อคลุมให้เห็นเป็นลำ ๆ
ใจหายวาบ เท่าบ้องข้าวหลามได้มั้ง มันแข็งแล้วหรือยังไม่แข็งนะ ?!
มะ... มันจะต้องเข้าไปในตัวเธอ ใหญ่ขนาดนั้น จะเข้าได้ยังไงกัน ?!
เธอกลืนน้ำลายให้ลำคอหายฝืดเฝือ ยิ่งเธอประหม่า เขาก็ยิ่งถ่างขาอ้าซ่า คนหน้าไม่อาย ทำไมไม่ให้เกียรติกันบ้าง
คิดมาถึงตรงนี้ก็ชะงัก เธอก็ไม่ใช่แขกผู้มีเกียรติอะไรนี่นา คืนนี้มาในฐานะ ‘ ผู้หญิงขายตัว ’ เป็นแขกผู้มีเกิบก็คงพอได้ ไอ้เกียรติน่ะไม่รู้จะขุดหาจากตรงไหน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง เขาเลยเริ่มหงุดหงิด คนอย่าง อคินไม่ได้มีความอดทนมากเท่าไร ตรงกันข้ามใจร้อนเป็นบ้าอีกต่างหาก
“ ฟังภาษาไทยออกหรือเปล่า ฉันสั่งให้แก้ผ้า ” เขาพูดอีกครั้ง เพราะบ่อนใหม่แห่งนี้มันอยู่ติดชายแดน เป็นไปได้ว่าเธออาจมาจากประเทศเพื่อนบ้าน อาจพูดไทยฟังไทยไม่ออก
แต่ไม่เป็นไร ตอนเอากันไม่เน้นพูดให้มากมาย เน้นแค่แรงกายและพละกำลัง !
“ ฉันคนไทยค่ะ ” เธอตอบกลับเบา ๆ มือน้อยอันสั่นเทาถูกยกขึ้นมาจับที่สายเสื้อสายเดี่ยว แต่ก็ละล้าละลังจนเขารอไม่ไหว
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที ร่างสูงใหญ่ตระหง่านง้ำ ความสูงใหญ่ผสานกับรังสีดุดันบางอย่างทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่ชายคนนี้มีอยู่ และมันกำลังคุกคามเธอให้ขาสั่นจนต้องถอยหลังหนี
เขาสาวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว เธอถอยสอง สาม สี่…
“ ฉันไม่มีเวลาเล่นวิ่งไล่จับหรอกนะ แก้ผ้าแล้วมาทำให้ฉันแตก ถ้าทำให้ฉันพอใจจะให้เพิ่มจากเดิมหนึ่งเท่าตัว ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน มือเอื้อมไปคว้าเอวคอดก่อนดึงเข้าหาตัวจนแนบชิด ลูกกระเดือกใหญ่เลื่อนแรงที่เกิดจากการกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสองกายปะทะ นมเธอกับแผงอกเขา โหนกเนื้อสาวกับเอ็นเนื้อของเขาที่ตอนนี้มันพุ่งผงาดเต็มที่อยากออกศึกเหลือเกินแล้ว
มือใหญ่ข้างหนึ่งขยำเนื้อแก้มก้นผายงอนนั้นแรง ๆ มันเด้งสู้มือไม่หย่อนคล้อย ชวนให้คิดไปถึงตอนล่อท่าหมามันจะเด้งสู้เขาสักแค่ไหน เสียงกระแทกจะแน่นอย่างไร
แต่เธอยกมือมาดันแผงอกอีกฝ่ายเอาไว้เหมือนจะผลักออก เขาเลยก้มลงจ้องอย่างขัดใจ เป็นอะไรนักหนาถึงได้ทำหวงเนื้อหวงตัวทั้งที่ตกลงกันมาดีแล้ว
“ ตกลงจะให้เอาไหม เอาหรือเปล่าเงินน่ะ ” ถามเสียงดุพลางจ้องตาเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ ค.. ค่ะ ” เจ้าตัวตะกุกตะกักตอบพลางจะก้มหน้าหลบแต่เขาจับใบหน้าของเธอเขาไว้แล้วบังคับให้แหงนเงยขึ้นสบตา
ภายใต้กรอบของเส้นผมสีชมพูแปร๊ดนั่นเป็นใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม แต่ดวงตาเป็นสีเทาอมฟ้าและมันดูโตเป็นประกายกว่าปกติเพราะเธอสวมคอนแท็กเลนส์แฟชั่น
แม้จะมีลุคส์ภายนอกเคลือบคลุมปกปิดแต่อะไรบางอย่างมันสะกิดใจ ยิ่งพิศ ดวงหน้านั้นมันแลดูคุ้นตาเหลือเกิน..
หัวใจหินผาที่เย็นชามาตลอดพลันกระตุกวาบ เป็นไปไม่ได้หรอก คนคนนั้นไม่มีทางจะมายืนตรงหน้าเขาในสถานที่และสถานะเช่นนี้
จำไม่ได้เหรอ เธอมันดอกฟ้า เขามันหมาวัด !
แค่คล้าย ไม่มีวันใช่..
แต่กระนั้นก็อดถามไม่ได้
“ เธอชื่ออะไร ” เสียงแหบห้าวเอ่ยถาม กลีบปากจิ้มลิ้มเผยอตอบเบา ๆ
“ รู.. เอ่อ รูซี่ค่ะ ”
อืม ตั้งชื่อได้เหมาะกับอาชีพดี !
“ หมายถึงชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ไม่ใช่ชื่อในวงการ ”
“ เอ่อ.. บุญเหิ่มค่ะ ”
เขาพยายามกลั้นขำเพื่อไม่ให้เสียมารยาท ไม่ได้อยากบูลลี่ แต่ชื่อคนตายมีเยอะแยะทำไมไม่เอามาตั้ง ที่มันไม่เชยไม่เฉิ่มน่ะ นี่พ่อแม่ไม่รักลูกหรือยังไง !