ตอนที่5 [ผู้บริหารคนใหม่]
คู่หมายของแพรวา
ตอนที่ 5
[ผู้บริหารคนใหม่]
เช้าวันนี้ของวันทำงานกับตำแหน่งผู้บริหารใหม่ของ
กฤตภัทร ชายหนุ่มก้าวลงจากรถ ในสูทสีเข้มตัดกับผิวขาวเหลืองของหนุ่มไทยแท้ บวกกับส่วนสูง180เซนติเมตร ทำให้ความสง่างามพุ่งปรี๊ดจนสาว ๆ น้อยใหญ่ในสำนักงานต้องเลี้ยวหันมามองเป็นตาเดียวกัน กับความหล่อของเจ้านายคนใหม่ เขาก้าวเดินขึ้นมาภายในสำนักงานใหญ่ด้วยท่าทางที่มั่นใจ พร้อมส่งยิ้มทักทายพนักงานตลอดเส้นทาง ก่อนเข้าออฟฟิศ
"สวัสดีครับพี่หวาน"ก่อนเข้าออฟฟิศผู้บริหารต้องเดินผ่านโต๊ะทำงานของพนักงาน ชายหนุ่มจึงเอ่ยทักทายพนักงานอาวุโสอยู่เป็นประจำ
"สวัสดีคะคุณกฤต วันนี้หล่อเป็นพิเศษเลยค่ะ"พี่หวานตอบกลับเจ้านายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เจ้านายคนใหม่ที่สนิทพอสมควรเพราะเธอทำงานอยู่ AP.กรุป นานตั้งแต่สมัยคุณพ่อทั้งสองของเขายังมีชีวิตอยู่
ชายหนุ่มก้าวเข้าห้องทำ
งานแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ หวนให้นึกถึงบิดาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่งเก็บคุณพ่อกับคุณลุงของเขา คิดดังนั้นเขาก็ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดหาเบอร์คนสนิทที่ไว้ใจทำงานเคียงข้างเขามาโดยตลอด อย่างพี่เข้มคนสนิท
(" ฮัลโล…พี่เข้มเรื่องที่ผมให้ทำถึงไหนแล้วครับ")
("ผมกำลังส่งทีมงานเข้าไปสืบ อีกไม่นานน่าจะกระจ่างครับ")พี่เข้มคือพนักงานของบริษัทคนหนึ่ง ที่ทำงานมานานตั้งแต่คุณพ่อยังอยู่ พอเขาเรียนจบมาทำงานถึงได้รับรู้ว่าพี่เข้มหรือเขมรัฐ เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำงานดี และมีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต เขาจึงได้รับความไว้วางใจจากฤต ภัทร ชายหนุ่มดึงมาให้ทำหน้าที่เป็นเลขาคนสนิท ทำงานทุกอย่างแทนเขาได้
หลังจากกดวางสายกับคนสนิท เขาก็เริ่มเปิดดูเอกสารบนโต๊ะที่ละหน้าอย่างตั้งใจ สักครู่ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นยังไม่ทันได้กล่าวอนุญาต ประตูก็ถูกผลักเข้ามาด้านในพร้อมเรือนร่างที่บุกรุกอยู่ในชุด เดรสสีแดงสั้นจู๋ เธอก้าวเดินเข้ามาช้า ๆ อย่างมั่นใจแล้วเข้ามายืนเบียดหลังเขาพร้อมยกมือเรียวมาลูบไล้ซอกคอเรื่อยลงต่ำไปหาหน้าอกกว้าง จนเขารู้สึกได้
"อาวิอย่างทำแบบนี้นะครับเดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดี"ชายหนุ่มพูดพร้อมจับมือเรียวที่กำลังรุกล้ำเข้ามาบนตัวเขาออก แต่สาวเจ้าก็ยังดื้อดึงเอาแต่ใจแล้วพูดทำเสียงออดอ้อนออกมา
"กฤตไม่สนใจอาบ้างเหรอ อายังสวยอยู่นะ ความจริงแล้วตำแหน่งนี้น่าจะเป็นของอานะ เพราะว่าอาทำงานอยู่ในองค์กรนี้มานานกว่าเราซะอีก"หญิงสาวที่เอ่ยตัวเองว่าอาวิ ก็คือเมียใหม่ของลุงประพต ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดในการรับตำแหน่งใหม่ในวันแรก
"อาวิไม่มีงานเหรอครับ งานด้านผู้จัดการแผนกจัดซื้อก็ดีอยู่แล้วนะครับ"เขาพูดเชิงไล่ทำให้วิลาวรรณ โมโห
เดินหน้าบึ้งออกจากห้องไป ชายหนุ่มปล่อยลมออกจากปากอย่างโลงอก เขาต้อง เตรียมรับมือกับผู้หญิงคนนี้อีกมากกว่าที่คิดเอาไว้
เขาเริ่มสั่งให้พี่เข้มกับทีมพิเศษของเขา ออกปฏิบัติภาระกิจลับ ๆ เพราะตอนนี้เขาได้มาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น จึงไม่ปลอดภัยมากนักถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้ คุณย่าก็มีความกังวลกับเรื่องนี้ไม่น้อย จึงมีคำสั่งให้พี่เข้มรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
พอพักเที่ยงชายหนุ่มก้าว
ออกจากห้องทำงานเดินลงไปที่ลานจอดรถ แล้วขึ้นรถขับออกไปทานข้าวร้านประจำ
กำลังจะเลี้ยวรถเข้าร้าน สายตาเหลือบไปเห็นวิลาวรรณกำลังก้าวขึ้นรถเก๋งคันสีขาว เพราะมองเห็นรถของเธอจอดอยู่หน้าร้านอาหารพอดี เขาจึงตัดสินใจขับตามไปอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ขับตามไปเรื่อย ๆ เห็นรถคันขาวเปิดไฟเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดข้างหน้าเขาจึงชลอรถแล้วมองตามเข้าไปด้านใน เห็นผู้ชายร่างสูงเพรียว ก้าวลงจากฝั่งคนขับเดินอ้อมไปเปิดประตูให้วิลาวรรณลง แล้วสองคนก็เดินกอดกันกลมเข้าไปในโรงแรม เห็นแบบนั้น กฤตภัทรจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายบันทึกภาพไว้ แล้วเลื่อนรถออก กลับไปร้านอาหารร้านเดิมเขาจึงสั่งอาหาร นั่งทานข้าวเสร็จยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาใกล้จะบ่ายแล้ว ก็ยังไม่เห็นวิลาวรรณกลับเข้ามา จึงลุกขึ้นจ่ายตังค์ค่าอาหารแล้วขึ้นรถขับกลับบริษัท
กฤตภัทรนั่งทำงานแล้วให้คิดถึงเรื่องราวเมื่อกลางวันเขาพยายามปะติดปะต่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบิดา
และคุณลุง เริ่มมีลางบางอย่างว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวพันกันอย่างแน่นอน คิดได้ดังนี้จึงหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดูภาพที่บันทึกไว้อีกครั้งอย่างพิจารณา พร้อมกดส่งไลน์ให้พี่เข้ม
[กฤต :ส่งภาพ 3 ภาพ]
[กฤต :พี่เข้มช่วยตรวจสอบทะเบียนรถด้วยนะว่าเป็นของใคร]
[เข้ม :ได้ครับคุณกฤตเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ]
หลังเลิกงานกฤตภัทรออกจากห้องผู้บริหารเดินผ่านโต๊ะทำงานของพนักงานเห็นพี่หวาน กับพนักงานคนอื่นนั่งทำงานอยู่
"พี่หวานทำโอทีกันใช่ไหมครับ"
"คะคุณกฤต"พี่หวานตอบยิ้มน้อย ๆ ให้เจ้านาย
"ขยันกันแบบนี้สิ้นปีน่าจะได้โบนัสเพิ่มนะครับ"ชายหนุ่มพูดแล้วส่งยิ้มให้พนักงานคนขยันกันทั่วหน้า ทุกคนได้ยินส่งยิ้มให้กันอย่างมีความหวัง เพราะทำงานมาเข้าไตรมาสที่สามของปีแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงปีใหม่
ปกติแล้วถ้าไม่มีธุระรีบร้อนอะไร เขาก็นั่งทำงานอยู่บริษัทถึงสามทุ่มทุกวันแต่วันนี้มีธุระจะเข้าไปบ้านอดิเทพ เพื่อพูดคุยธุระกับคุณย่า หลังจากทักทายพนักงานเสร็จ กฤตภัทรก็เดินลงไปที่ลานจอดรถกดรีโมตคอนโทรลแล้วก้าวขึ้นรถ ขับออกไปจุดมุ่งหมายคือบ้านอดิเทพ เขาออกจากบริษัทกว่าจะถึงก็หกโมงเย็นใคร ๆ ก็รู้เวลาเลิกงานการสัญจรบนท้องถนนในกรุงเทพ รถติดขนาดไหน
ชายหนุ่มเลี้ยวรถวิ่งมาจอดหน้าตึก แล้วก้าวลงจากรถเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกเห็นคุณย่านั่งรออยู่แล้วก็ยกมือไหว้หลังจากนั้นก็เข้าไปนั่งใกล้คุณย่าเพื่อจะสนทนาพูดคุยธุระกัน
หลังจากสนทนาธุระเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลารับอาหารค่ำคุณย่า ให้หลานชายอยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเพราะนานมากแล้วที่ทุกคนจะได้มารวมตัวกันแบบนี้
วันนี้แพรวาก็เข้าครัวช่วยป้าชื่นทำกับข้าวอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ เธอชอบเรียนรู้การทำกับข้าว ทำขนมแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
เมื่ออาหารพร้อมป้าชื่นและแพรวา ก็เตรียมยกสำหรับออกมาวางที่โต๊ะอาหาร
กฤตภัทรเห็นดังนั้นก็รีบลุกไปช่วย กับข้าวมีหลายอย่างวางบนโต๊ะเรียบร้อยทุกคนเข้ามานั่งมีคุณย่านั่งหัวโต๊ะ ด้านซ้ายจะเป็นหลานชาย ด้านขวาจะเป็นหลานสาว สองหนุ่มสาวนั่งหันหน้าเข้าหากัน ทุกคนนั่งทานข้าวกันเงียบ ๆ คุณย่ามองหลานทั้งสองคนที่มัวแต่ก้มหน้ามองจานข้าวโดยที่ไม่มีใครพูดคุยกัน ก็เอ่ยออกมา
"ตากฤตเดี๋ยวน้องไปฝึกงาน
ก็แวะมารับส่งน้องด้วยนะ"คุณย่าบอกแบบนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้ามองคนตรงข้าม
"ไม่ต้องรบกวนใครก็ได้คะคุณย่าเดี๋ยวแพรขับรถไปเอง"พูดพร้อมเงยมองสบตาคนตรงหน้าอย่างหมางเมิน
"รบกวนอะไรกันพี่เต็มใจอยู่แล้ว"เขามองสบตาเผยยิ้มที่มุมปาก
"ก็บอกไม่รบกวนไงฟังไม่เข้าใจอีกเหรอ"พร้อมสบตาแข็งกร้าว
"พอ ๆ ทั้งสองคนนั้นแหละสรุปตากฤตต้องมารับส่งยายแพรแค่นี้จบ"ผู้เป็นย่าตัดบทแต่สองคนจ้องหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกัน ถ้าเป็นแต่ก่อนแพรวาต้องลุกหนีไม่ร่วมโต๊ะกัน แต่ตอนนี้เธอเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงไม่พอใจคนตรงหน้าแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึก
ไม่อยากให้คุณย่าไม่สบายใจ