6.แหวนหายไปไหน
EP6:แหวนหายไปไหน?
“นั่งรอตรงนี้ก่อน” มาร์โคช่วยพยุงร่างบางมาหยุดอยู่บริเวณเก้าอี้ยาวหน้าช่องจ่ายยา
เอมิกาพยักหน้าเข้าใจและยอมนั่งรอตามที่คู่หมั้นของตัวเองสั่งก่อนที่เธอจะมองตามแผ่นหลังแกร่งที่กำลังเดินไปรับยาและจ่ายเงินให้เธอด้วยรอยยิ้มที่สุขใจยิ่งนัก หากเขารักเธอกลับบ้าง มันจะดีแค่ไหนกันนะ….
“ผมมารับยาของเอมิกา”
“นี่ค่ะคุณหมอ”
“บิลส่งไปไว้ที่โต๊ะผม เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ได้ค่ะ ผอ”
พยาบาลที่นั่งประจำที่อยู่ในห้องจ่ายยา ตอบรับน้ำเสียงหวานหยด เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงิน เดี๋ยวเขาจะเป็นเคลียร์บิลในส่วนนี้เอง
รับยาเสร็จ ร่างสูงก็มาช่วยพยุงร่างเล็กเพื่อเดินไปยังรถของเขาที่อยู่จอดในโซนของหมอ ตอนนี้เธอเดินไม่ถนัดเพราะมาร์โคสั่งเอาไว้ว่าห้ามลงแรงข้างที่ข้อเท้าบวมมาก เพราะไม่งั้นมันจะบวมหนักกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงจำต้องช่วยพยุงเธออย่างช่วยไม่ได้ หากปล่อยให้เดินเองไม่รู้ต้องใช้เวลากี่นาทีกว่าจะถึงรถ
“ขอบคุณนะคะพี่มารค์ที่มาส่งมี่” ทันทีที่มาถึงห้องรับแขกภายในบ้าน เอมิกาก็รีบขอบคุณคู่หมั้นของตัวเองทันที
“อืม แล้วอยู่บ้านกับใคร” เขาถามในฐานะหมอ เนื่องจากเธอเป็นคนไข้ที่ยังไม่สามารถเดินเองได้ร้อยเปอร์เซ็นจึงจำเป็นต้องมีคนคอยอยู่ดูแลด้วย
“มี่อยู่กับพี่มะปรางกับป้าแดงค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่น่าจะกลับพรุ่งนี้” เอมิกายิ้มตอบกลับอย่างน่ารัก วันนี้มาร์โคดูเป็นห่วงเธอด้วย เธอไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม
“งั้นก็ให้ใครสักคนขึ้นไปนอนเป็นเพื่อน จะได้มีคนช่วยพยุง นี่ยา…ทานให้หมด” เขายื่นถุงยาให้คนที่นั่งพักอยู่บนโซฟา
“ได้เลยค่ะ เอ่อ…พี่มาร์คคะ มี่มีเรื่องจะถามค่ะ มี่ถามได้ไหมคะ” เอมิกาทำท่าอึกอัก เธอไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาติให้ถามไหมแต่เธอไม่เห็นเขาใส่แหวนหมั้นมาหลายวันแล้ว
“ถามอะไร” คนร่างสูงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย
“แหวนหมั้นหายไปไหนเหรอคะ เอ่อ…พอดีมี่ไม่เห็นพี่มาร์คใส่มาหลายวันแล้วค่ะ”
ไม่ใช่แค่หลายวันสิ เรียกได้ว่าเธอเคยเห็นเขาใส่แค่สองวันต่างหาก หลังจากนั้นเอมิกาก็ได้แต่สงสัยแล้วไม่กล้าถาม แต่วันนี้ดูเหมือนร่างสูงจะยอมพูดกับเธอมากเป็นพิเศษเพราะเขาเห็นว่าเธอไม่สบายละมั้ง เเต่เพราะเหตุผลนั้น เอมิกาจึงตัดสินใจถามออกไป
มาร์โคเองก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเจอยิงคำถามแบบนั้น เขาก้มลงไปมองนิ้วมือของตัวเองแล้วก็พบว่าบนนั้นมันไม่มีแหวนสวมอยู่จริงๆ เนื่องจากเขาได้ใส่มันไปเพียงไม่กี่วัน เขาถึงได้ลืมไปเสียสนิทว่าต้องใส่มันด้วย เพราะในความจริงคือเขาเองก็เพิ่งรู้เมื่อกี้ว่าแหวนหายไป เขาไม่รู้ตัวเลยว่าไปเผลอลืมเอาไว้ที่ไหน
“ฉันไม่ชอบใส่เวลาทำงาน” ชายหนุ่มเลือกที่จะโกหกออกไป อย่างน้อยๆเขาก็ไม่อยากให้เธอเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่ กลับไปเขาคงต้องรีบตามหาเสียแล้ว
“อ๋อ แบบน้้นเองสินะคะ” มีมี่พยักหน้าโล่งใจ เธอนึกว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้เสียอีกว่ามีคู่หมั้นแล้ว แต่มันก็คงจะจริง เขาต้องใช้มือทำงาน ถ้าถอดไว้คงจะสะดวกกว่า
“ฉันต้องกลับแล้ว ขอตัว”
“ค่ะพี่มาร์คเดินทางกลับปลอดภัยนะคะ มี่เสียดายจังที่เดินไปส่งไม่ได้” เธอทำหน้าเศร้า หากไม่เจ็บขาก็คงเดินไปส่งเขาแล้ว
“ไม่เป็นไร พักเถอะ” พูดเพียงเท่านั้นร่างสูงก็หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่ปล่อยให้ร่างบางรั้งตัวเองเอาไว้อีกเช่นเคย
“อ๊ายย…พี่มาร์คพูดกับเราตั้งหลายประโยค”
วันต่อมา
12.30น.
@Must Hospital
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผอ สั่งอาหารมาเหรอคะ” รดาชะโงกหน้าเข้ามาถาม เนื่องจากมีไรท์เดอร์เดินเข้ามาส่งอาหารให้เธอ พร้อมกับบอกว่าของหมอมาร์ค
ซึ่งรดาเองก็ไม่แน่ใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นมาร์โคสั่งอาหารแบบเดลิเวอร์ลี่เลยสักครั้ง ปกติเขาจะไปทานข้าวที่ห้องอาหารพนักงานมากกว่า และตอนนี้มันก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่งเสียด้วย เธอยังไม่เห็นวี่แววว่า ผอ จะลุกออกไปทานข้าว พยาบาลสาวจึงลังเล ไม่แน่ใจว่าใช่ข้าวของหมอมาร์คไหม
“เปล่านะ ผมไม่ได้สั่งอะไร”
“แต่อันนี้มันเป็นชื่อของ ผอ นะคะ” รดาเดินเอากล่องข้าวที่อยู่ในถุงพลาสติกมาว่างไว้ให้เจ้าของชื่อดูชัดๆ ซึ่งมันก็เป็นชื่อของเขาจริงๆ
Line
Mimii: วันนี้มี่ไม่ได้เอาข้าวไปให้พี่มาร์คด้วยตัวเอง
Mimii: มี่ก็เลยเรียกรถมารับไปส่งให้พี่มาร์คนะคะ
Mimii: วันนี้มี่ทำของโปรดพี่มาร์คเลยนะคะ คุณป้าบอกว่าพี่มาร์คชอบทาน หมูกรอบคั่วพริกเกลือ
Mimii: ทานให้อร่อยนะคะ :)
ไม่ต้องสืบให้มากความ เจ้าของกล่องข้าวปริศนาก็ส่งข้อความมาหาเขาได้ตรงเวลาเป๊ะ ถึงจะรู้สึกแปลกใจว่าหญิงสาวเอาไลน์ของเขามาจากไหน แต่ก็พอจะเดาได้ว่าแม่เขาคงเป็นคนให้ไปแน่ๆ มาร์โคเหลือบตาไปอ่านโดยที่ยังไม่ตอบ เพราะเขาจงใจไม่ตอบเธออยู่แล้ว
เขาเป็นคนแบบนี้…ชอบดองแชท
“อืม ผมสั่งเองแหละ” เขาตอบกลับไปในขณะที่พยาบาลสาวยังงุนงงอยู่
และรดาก็งงมากขึ้นกว่าเดิม ที่จู่ๆหมอหนุ่มก็มากลับคำ ตอนแรกบอกไม่ได้สั่ง แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าสั่งซะงั้น
“อ้าว…ไหนเมื่อกี้ ผอ บอกว่า….”
“มีปัญหาอะไรกับผมนักคุณรดา” เมื่อเจอคำถามนี้รดาถึงกับไปไม่เป็น
ดุขนาดนี้…เธอจะกล้ามีปัญหาหรือ
เจ้าของโรงพยาบาลเลยนะ!
“ปะเปล่าค่ะ ผอ งั้นรดาไปพักเที่ยงก่อนนะคะ” เธอส่งยิ้มแห้งไปให้เขาก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องทันที
มาร์โคนั่งเคลียร์งานต่อ จนกระทั่งท้องของเขารู้สึกหิวขึ้นมา แต่ชายหนุ่มมีงานอีกหลายอย่างที่จะต้องทำต่อเขาไม่อยากเสียเวลาออกไปกินข้าวเลย ร่างหนาหันไปจ้องกล่องข้าวที่เป็นอาหารโปรดของเขาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจแกะมันออกมาดู
“ขาเจ็บยังจะลำบากทำ” เขาบ่น
พร้อมกับมองหมูกรอบผัดพริกเกลือในกล่องไม่วางตา สีสันของมันดูน่าตาน่ารับประทานจริงๆ แถมกลิ่นก็หอมยั่วน้ำลายสุดๆ ผอ จอมเย็นชาจึงทนไม่ไหว เขาใช้ช้อนตักอาหารตรงหน้าเข้าปากพร้อมกับพิจารณารสชาติของมันไปด้วย
“ก็อร่อยดี” เขาพูดออกมาคนเดียว ไม่คิดเลยว่ายัยเด็กมหาลัยที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของตัวเองจะทำกับข้าวเก่งขนาดนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองชิมอาหารฝีมือเอมิกา เขายอมรับว่ามันอร่อยมากจนเขากินไปหมดกล่อง หัวใจดวงแกร่งเริ่มถูกกัดเซาะเข้าไปทีละนิด โดยที่เขาไม่เคยรู้ตัว การได้เจอหน้าใครคนหนี่งทุกวัน และรอยยิ้มสดใสของเธอเผลอทำให้เขายิ้มออกมาแล้วโดยที่ยังไม่เคยมีใครสังเกตุเห็นมัน
อีกด้านของเอมิกา
“ทำไมไม่ตอบเลยนะ ไม่รู้ว่าได้รับข้าวหรือยัง” ร่างบางบ่นพึมพัมกับตัวเองเมื่อไลน์ไปตั้งหลายข้อความแล้วคู่หมั้นสุดหล่อไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับ
“คงได้กินแล้วมั้ง ใส่ชื่อชัดเจนซะขนาดนั้น” เธอปลอบตัวเอง ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา
เอมิการู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้มาร์โคไปอีกขั้น ต่อให้เธอจะต้องตามจีบเขาอีกนานแค่ไหน เธอก็จะไม่ยอมลดละความพยายามเป็นอันขาด เพราะเธอชอบเขาจริงๆ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้สาวน้อยแรกแย้มใจเต้นได้เท่าเขามาก่อนเลย
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
ร่างบางจำต้องหันไปสนใจโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้งเมื่อพบว่าเพื่อนสาวของตัวเองโทรเข้ามา
“ฮัลโหลจ้าออม โทรหาเรามีอะไรหรือเปล่า”
‘มีมี่~ตอนนี้กลุ่มเราได้คนครบเเล้วนะ พรุ่งนี้สะดวกเข้ามาประชุมที่มอไหม’
“เอ่อ…คือตอนนี้ขาเราเเพลงอะออม เราน่าจะไปไม่ไหว” ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรีบทำงานให้เสร็จนะ แต่ข้อเท้ามันยังไม่หายบวมเลย ขืนเธอออกไปเดิน มีหวังมันไม่ยอมหายง่ายๆแน่
‘ตายจริง! เป็นอะไรมากไหม ทำไมไม่เห็นบอกเราเลย’ ออมสินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจที่ได้รับรู้ว่าเพื่อนไม่สบาย
“ไม่หรอก เราไม่เป็นอะไรมาก เมื่อวานตอนกลับบ้านเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”
‘ไม่เป็นไรเลย งั้น…เราเลื่อนประชุมเป็นวันจันทร์ก็ได้เนาะ’
“อืม เอาแบบนี้ไหมออม เราไม่อยากให้เพื่อนๆเสียเวลาเพราะเรา เดี๋ยวเราจะเขียนแพลนงานคร่าวๆให้ แล้วส่งไปในกลุ่มไลน์ดีไหม รบกวนออมสร้างกลุ่มแล้วดึงเพื่อนๆเข้ามาในกลุ่มให้หน่อยสิ”
‘อื้ออ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวเราจัดการให้นะ’
“จ้า ขอบคุณมากนะ”
‘โอ้ย ขอบคุณอะไรกัน ก็เราอยู่กลุ่มเดียวกันนี่นา งั้นเราไปสร้างกลุ่มก่อนนะ หายไวๆนะมีมี่’
“ขอบใจจ้า”
เมื่อวางสายจากเพื่อนสาวเสร็จ มีมี่ก็เลิกสนใจทุกอย่าง ตอนนี้เรื่องเรียนก็สำคัญ หญิงสาวเดินขากะเพลกๆไปนั่งหน้าจอคอม ก่อนจะกดเปิดมันขึ้นมาพร้อมกับหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการสำหรับการทำโปรเจค