ตอนที่ 4 ก้าวสู่เมืองลู่โจว
หยวนเสี่ยวผิงเดินลงมาจากม้าและพุ่งตัวเข้ามาหาฟางหลีม่านทันทีเมื่อนางยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมระหว่างที่คณะเดินทางได้จอดเพื่อให้ม้าได้พัก
“ตามเจ้าทันจนได้ คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วเช่นนี้”
“ท่านโหวน้อยนี่ท่าน…มาท่องเที่ยวหรือ”
“ข้าหรือ ข้าก็ตามเจ้าไปที่ลู่โจวอย่างไรเล่าจะพูดเช่นไรดี ข้ามีจวนอยู่ที่นั่นและท่านพ่อเองก็วานให้ข้าไปดูแลกิจการผ้าไหมที่นั่นสักหน่อยจะเรียกว่าบังเอิญก็ได้กระมัง”
“หึหึ ช่างบังเอิญได้จังหวะดีเสียจริงเลยนะ”
“หลีม่านเจ้าจะไปที่ใด แล้วถ้าไปที่ลู่โจวแล้วเจ้าจะพักที่ใดงั้นหรือ คงไม่ใช่ค่ายทหารหรอกนะ ข้าว่าอย่างไรแล้วเจ้าไปพักกับข้าที่จวนสกุลหยวน...”
“ท่านตาข้าเองก็มีจวนที่นั่น ขอโทษด้วยท่านโหวน้อยข้าไม่ไปกับท่าน เราเพียงแค่บังเอิญมาพบกันเท่านั้น ม้าของข้าพักพอเมื่อใดก็จะรีบเดินทางทันที”
“ไม่เอาน่าหลีม่าน เจ้ากับข้าก็จะไปทางเดียวกันอยู่แล้ว ข้าเองก็พาคนคุ้มกันมามากเดินทางหลาย ๆ คนปลอดภัยกว่านะ”
“เจียวจูข้ารู้สึกปวดหัวขอไปพักบนรถม้าหน่อยพร้อมแล้วก็มาบอกข้าก็แล้วกัน”
“อ้าว เดี๋ยวสิหลีม่าน ข้า…”
“ท่านโหวเจ้าคะ คุณหนูข้าพูดชัดเจนแล้วหวังว่าท่านจะไม่ตามนางไป ถึงอย่างไรคุณหนูข้าในตอนนี้ก็เป็นว่าที่คู่หมั้นท่านอ๋องนะเจ้าคะท่านควรจะให้เกียรตินาง เว้นระยะห่างเสียหน่อยก็ดีเจ้าค่ะ”
“นี่เจ้า…. ข้าก็ยังไม่ทันได้ล่วงเกินอะไรนางเสียหน่อย ไม่เคยทำด้วย”
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวเจ้าค่ะ”
เจียวจูเดินตามหลีม่านเข้าไปที่รถม้า ขบวนคุ้มกันของสกุลฟางต่างหันมามองท่านโหวน้อยแต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไรมากเพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นบุตรของท่านเจ้าเมือง
“คอยดูไปเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหวกับข้าเลยสักนิดฟางหลีม่าน”
คณะเดินทางของหลีม่านเดินทางออกมาจากซีโจวจนเกือบจะถึงเมืองลู่โจวแล้ว อารมณ์ที่สดชื่นของหลีม่านถูกรบกวนโดยหยวนเสี่ยวผิงที่เอาแต่ตามนางทุกครั้งที่คณะเดินทางของนางหยุดพัก จนนางแทบจะไม่อยากลงจากรถม้าทั้ง ๆ ที่แต่ละสถานที่นั้นเหมาะกับการชื่นชม
“ชาติก่อนข้าไปทำอะไรผิดกับเขาไว้หรืออย่างไรกันนะ เขาถึงได้ตามติดข้าเช่นนี้”
“คุณหนูเจ้าคะ แต่หากไม่นับเรื่องที่ท่านโหวน้อยทำตัวน่ารำคาญตลอดเวลาที่เดินทางมานี้เขาก็ช่วยเหลือคนของเราไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ ทั้งต่อรองกับผู้คุมด่านไหนจะอาหาร ที่พักดี ๆ ที่…”
“เจียวจู เจ้าก็เป็นไปกับเขาด้วยหรือ”
“เปล่านะเจ้าคะ ข้าก็แค่พูดตามที่เห็นเท่านั้น ข้ารู้ดีว่าคุณหนูปักใจชื่นชอบท่านอ๋องแต่ว่าคนโหดร้ายคลั่งสงครามเช่นนั้นจะรักใครเป็นหรือเจ้าคะ”
กระโจมแม่ทัพ
“ฮัดชิ่ว!!”
“ท่านอ๋อง เป็นหวัดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เปล่า แค่รู้สึกคันจมูกเท่านั้นมีรายงานจากกองทัพที่แม่น้ำเซียงหรือยัง”
“กำลังพลของเราถอยออกมาตั้งรับตามแผนพ่ะย่ะค่ะ และเป็นไปตามคาด พวกมันหลงกลคิดว่าเราถอยเพราะสู้ไม่ได้และข้ามฝั่งมาจนกลับไม่ทันถูกเราล้อมโจมตีไม่เหลือเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“อีกอย่างงานนี้ได้ม้าของฝั่งข้าศึกกลับมาอีกสองร้อยสามสิบสามตัว เป็นม้าศึกที่เหมาะสำหรับเดินทางปีนเขา”
“รองแม่ทัพเจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าจัดการให้คนของเราฝึกม้าที่เหลือให้ดีแล้วอย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าปลอดภัยหรือไม่ที่จะใช้พวกมัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ต้าเป่า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพาทหารไปห้าสิบนาย ไปตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าไม่หลงเหลือข้าศึกดูให้แน่ใจว่าพวกมันซุ่มกำลังเอาไว้หรือไม่แล้วอย่าให้พวกมันรู้ตัว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ครั้งนี้ท่านอ๋องวางแผนการได้อย่างแยบยล เราใช้เพียงกองหนุนที่เข้าไปปราบข้าศึกกลับชนะได้รวดเร็ว”
“เพราะพวกมันประมาทต่างหาก มิเช่นนั้นแล้วกำลังเพียงสองร้อยห้าสิบนายที่ส่งไปคงมิอาจสู้ศัตรูได้มากถึงแปดร้อยคนเช่นนั้น”
“ครั้งนี้ศึกริมแม่น้ำเซียงคงจะสงบลงอีกพักใหญ่”
“อี้หลง เจ้าบอกว่าน้องสาวของเจ้าเดินทางมาที่ลู่โจว ได้ข่าวแล้วหรือยัง”
“อ้อ เห็นว่าเดินทางออกจากซีโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ คงจะมาถึงในไม่ช้าส่วนเรื่องเวลากระหม่อมไม่แน่ใจแต่หากศึกนี้สงบพระองค์ก็คงจะพบนางในเมืองลู่โจวเพราะเห็นว่าจะไปพักที่จวนอ๋องที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม เช่นนั้นก็ค่อยว่ากันเถอะ ตราบใดที่ยังไม่แน่ใจข้าจะไม่ยกทัพกลับเข้าเมืองโดยเด็ดขาด”
ประตูเมืองลู่โจว
“ท่านตา ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
“เหยาเหยาของตา เจ้ามาแล้ว”
“ท่านตาข้าชื่อฟางหลีม่าน ท่านเอาแต่เรียกชื่อเดิมตอนเด็กข้าอยู่เรื่อยเลย”
“ฮ่า ๆ ก็ข้าชอบชื่อนี้นี่ไปเถอะเข้าเมืองไปกับข้า อ้าวแล้วเจ้าหนุ่มนั่นคือผู้ใดล่ะ”
“คือว่า เขาก็แค่…”
หยวนเสี่ยวผิงเดินลงจากม้ามาคารวะ “ตงมู่ฟาน” ท่านหมอมีชื่อแห่งเมืองลู่โจวที่หันมามองหน้าหลานสาวที่ยืนทำหน้าไม่สู้ดีนักอยู่ เขาจึงเข้าใจทันที
“ข้าน้อยหยวนเสี่ยวผิงคารวะท่านหมอตง ได้ยินชื่อเสียงท่านมานานวันนี้ได้พบ ถือเป็นเกียรติของข้าน้อย”
“หยวนเสี่ยวผิง เจ้าเป็น….”
“ข้าน้อยเป็นบุตรของท่านโหว “หยวนซื่อ” เจ้าเมืองซีโจวในตอนนี้ขอรับ”
“อ่อ ที่แท้ก็คุณชายหยวน แล้วนี่พวกเจ้าเดินทางมาพร้อมกับหลานสาวข้าได้เช่นไรงั้นหรือ”
“ขอเรียนตามตรง ตัวข้าน้อยได้รับไหว้วานบิดามาดูแลกิจการที่เมืองลู่โจวแห่งนี้ บังเอิญว่าออกเดินทางพร้อมกับหลีม่านดังนั้นจึงได้ร่วมเดินทางมาด้วยขอรับ”
“อ้อ เช่นนั้นเองหรือ เช่นนั้นก็เชิญท่านเดินทางไปที่สกุลหยวนได้เลยเราไม่ทำให้ท่านเสียเวลาหรอก เออนี่เหยาเหยาเจ้ารีบกลับไปกับตาเถอะนะ ตามีเรื่องอยากจะถามเจ้ามากมายเลยล่ะ”
“เอ่อ…”
“เช่นนั้นคุณชายหยวนเราแยกกันตรงนี้เถอะนะ ขอลา”
“หลี…หลีม่านเดี๋ยวสิ”
“คุณชายหยวน ท่านยังมีอะไรอีกหรือ”
เมื่อผู้อาวุโสหันมาและสบตาเขา หยวนเสี่ยวผิงจึงหมดหนทางที่จะตามฟางหลีม่านต่อ เขาจึงยอมถอยออกมาและแยกกับนางที่หน้าเมืองลู่โจวนี้นี่เอง ขบวนรถม้าของหลีม่านเดินทางเข้าไปในเมืองแล้วส่วนหยวนเสี่ยวผิงกลับไปขึ้นม้าตามเดิม
“ช่างเถอะ จะหาจวนหมอเทวดาตงน่ะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าเลยสักนิด พวกเราเข้าไปที่จวนก่อน”
“ขอรับท่านโหวน้อย”
จวนสกุลตง
“ท่านตาที่หลานเล่าให้ฟังก็ประมาณนี้แหละเจ้าค่ะ หลานไม่ได้มีอะไรกับหยวนเสี่ยวผิงนั่นจริง ๆ นะเจ้าคะ”
“แต่ดูท่าทางเขาจะไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ คิดไม่ถึงว่าพอหลานของตาโตแล้วจะมีชายหนุ่มตามเกี้ยวเจ้า คิดไม่ถึงจริง ๆ”
“ท่านตาเจ้าคะ แล้วข่าวกองทัพของ...เอ่อ พี่ใหญ่ที่ชายแดนเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“เอ่อ…เรื่องนี้”
ตงมู่ฟานเล่าให้นางฟังว่าก่อนที่นางจะเข้าเมืองมาเพียงวันเดียว กองทัพท่านอ๋องที่กำลังยกทัพกลับถูกลอบโจมตีจากข้าศึกที่ทำท่าเหมือนว่าแพ้แต่แล้วก็ถูกพวกมันดักซุ่มโจมตีระหว่างที่พวกเขากลับค่าย พี่ใหญ่ของนางจึงยกทัพออกไปช่วยแต่กำลังที่พวกเขามีกลับสู้ข้าศึกไม่ได้
ท่านอ๋องจึงได้ยกทัพที่เหลือออกไปช่วย แม้ว่าจะชนะศึกแต่ก็สูญเสียไพร่พลไปไม่น้อยและตอนนี้ท่านอ๋องก็บาดเจ็บและพี่ใหญ่ของนางก็ได้ขอความช่วยเหลือมาที่ท่านตาของนาง
“ตากำลังจะส่งหมอและยาไปที่ค่ายของท่านอ๋อง พรุ่งนี้จะออกเดินทาง”
“ท่านตาเจ้าคะข้าเองก็มีความรู้เรื่องยา ให้ข้าไปด้วยนะเจ้าคะ”