บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 รักแรกของ "ฟางหลีม่าน"

จวนแม่ทัพฟาง / ซีโจว

“เรื่องนี้ยังไม่มีราชโองการลงมาดังนั้นข้าคิดว่า…”

“ลูกจะไปเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกตกลงรับการหมั้นหมายครั้งนี้”

“ฟางหลีม่าน” บุตรสาวคนกลางของแม่ทัพใหม่แห่งเมืองซีโจว “ฟางเฉิน” หันไปตวาดบุตรสาวขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในจวนและแจ้งเรื่องสำคัญที่มาจากราชสำนัก

“ม่านเอ๋อร์!! เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่ถึงเจ้าจะโตแล้วแต่แม่ก็ไม่ยอมให้เจ้าไปลำบากที่เมืองลู่โจวที่กันดารนั่นหรอกนะ ท่านพี่เจ้าคะเรื่องนี้…”

“ฟางฮูหยิน” เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินบุตรสาวพูดออกมา นางหันไปมองฮูหยินรองและบุตรสาวที่นั่งงอตัวอยู่ที่เก้าอี้ นางเองก็มีบุตรสาวซึ่งแม้จะอายุน้อยกว่า “ฟางหลีม่าน” อยู่สองปีแต่ก็พ้นพิธีปักปิ่นมาแล้ว

“ฮูหยินเจ้าคะ ท่านคงจะไม่คิดที่จะ…”

“ข้ายังไม่ทันได้พูดสิ่งใด "หลงเยี่ยน" เหตุใดเจ้าจึงต้องรีบตีตนไปก่อนไข้"

“เฮ้อ...เอาเถอะพวกเจ้าอย่าได้ถกเถียงกันให้มากเลยตราบใดที่ยังไม่มีราชโองการมาก็ยังมีเวลาให้หายใจหายคอ วันนี้ข้าก็แค่เรียกพวกเจ้าทุกคนมาแจ้งให้รับรู้เท่านั้น แยกย้ายกันกลับไปเถอะ”

ห้องของหลีม่าน

“คุณหนูเจ้าคะเหตุใดท่านจึงขันอาสาอยากจะแต่งงานกับอ๋องแม่ทัพที่โหดเหี้ยมผู้นั้นเจ้าคะ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงที่น่ากลัวของเขามาก่อน อ๋องกระหายเลือด อ๋องมัจจุราชแห่งสนามรบ แล้วยังอ๋อง…”

“แต่ไม่ใช่กับข้า เจ้าน่ะฟังแค่คำร่ำลือแล้วเอามาพูดเป็นตุเป็นตะ ข้าก็แค่อยากจะออกจากจวนแม่ทัพนี่เสียบ้าง เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้างนอกนั่นกว้างใหญ่น่าท่องเที่ยวมากขนาดไหน”

“คุณหนู หากว่าท่านแต่งงานออกไปแล้วท่านจะได้ท่องเที่ยวไปทั่วได้เช่นไรเจ้าคะ แต่งไปแล้วก็ต้องเป็นพระชายาท่านอ๋องที่สำคัญที่องค์ชายเก้าผู้นี้ถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องก็เพราะ….”

“เพราะว่าเขาเก่งเรื่องการทหารและไม่ชอบอยู่กับที่ อีกอย่างเขาก็ตามล้างแค้นให้กับพ่อบุญธรรมที่เคยเลี้ยงเขามา ข้ารู้แล้วน่าเจ้าออกไปเถอะข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักหน่อย”

“คุณหนูวันนี้ท่านไม่ออกไปฟังละครหรือเจ้าคะ เห็นว่ามีคณะละครมาใหม่”

“ไม่ล่ะ ๆ เรื่องนี้น่าตื่นเต้นกว่ากันเยอะเลยเจ้าออกไปเถอะอย่ามากวนข้า”

“ก็ได้เจ้าค่ะ”

“เจียวจู” สาวใช้ของฟางหลีม่านจำใจเดินออกมาเมื่อเกลี้ยกล่อมผู้เป็นนายไม่สำเร็จ แต่นางเป็นเพียงบ่าวที่รับใช้ที่เติบโตมาพร้อมกันดังนั้นไม่ว่าหลีม่านจะเลือกเส้นทางใด นางก็พร้อมจะติดตามผู้เป็นนายไปทุกที่

“เป็นอย่างไรเจียวจู คุณหนูของเจ้าไม่ยอมหรือ”

“เรียนฮูหยิน ดูเหมือนว่าคุณหนูจะกระตือรือร้นจนไม่สนใจสิ่งใดเลยเจ้าค่ะ ขนาดละครที่นางโปรดปรานยังไม่อยากจะไปดูเลยแล้วยังไล่ข้าออกมาจากห้องด้วยเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ…. ข้าจะทำเช่นไรดีนะ หากว่ามีราชโองการลงมาจริง ๆ คงไม่พ้นที่จะต้องส่งนางไปที่นั่น แม้ว่าจะอยากส่งหรูเอ๋อร์ไปแทน แต่นางขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรของฮูหยินรอง ศักดิ์ไม่เทียบเท่ากับม่านเอ๋อร์ ข้าจะทำเช่นไรดี”

ห้องของหลีม่าน

“อยู่ไหนนะข้าจำได้ว่าเอาเก็บไว้ตรงนี้ ไม่ใช่นี่ตำราแพทย์ นี่ก็ตำรากลยุทธ์ศึกของท่านปู่ นี่วิชายา อยู่ไหนล่ะหรือว่าเจียวจูจะเก็บไปแล้ว”

หลีม่านขลุกตัวอยู่แต่ในห้องตำราของตัวเองเพื่อหาบางอย่างตั้งแต่นางไล่สาวใช้ออกไป และเมื่อเดินมาถึงตู้เก็บตำราตู้ที่สาม ซึ่งนางเป็นบุตรของแม่ทัพแม้ภายนอกจะดูไม่เอาไหน

“ฟางหลีม่าน” ชอบท่องเที่ยวและชอบความสนุกแต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าสตรีในจวนอย่างนางมีสรรพวิชาทั้งด้านตำราและการแพทย์จากฝั่งท่านตา และความรู้เรื่องศาสตราวุธ การขี่ม้ายิงธนูจากทางบิดาและท่านปู่ อีกทั้งยังเก่งเรื่องการเดินหมากเป็นที่สุด แม้ว่าเรื่องกาพย์ กลอน ดีดพิณหรือการวาดภาพนางจะไม่เอาไหนเลยก็ตาม

“เจอแล้ว!! ที่แท้ข้าก็เอาท่านมาแอบเอาไว้ตรงนี้นี่เอง”

นางหยิบม้วนภาพออกมาพร้อมกับปัดฝุ่นเพราะมันกองอยู่รวมกันกับแผนที่ภูมิศาสตร์ของแคว้นเฉินอานของนางซึ่งบัดนี้ปกครองโดยฮ่องเต้ “หยางซื่อจวิ่นหรง” เป็นระยะเวลาเกือบสิบปีนับตั้งแต่ศึกครั้งสุดท้ายกับลั่วข่านซึ่งครั้งนั้นท่านปู่และบิดาของนางก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

“ฝุ่นจับนิดหน่อย ไม่เป็นไรข้าจะค่อย ๆ ทำความสะอาดให้ท่านเอง”

ภาพวาดของแม่ทัพหนุ่มค่อย ๆ ถูกเปิดออกมาหลังจากที่ม้วนเก็บเอาไว้จนเก่า ใบหน้าที่เคร่งขรึมแต่ก็ยังดูน่าเกรงขามในชุดลำลองสีทองปักเลื่อมลายมังกรผูกผมด้วยกวานสีทองอันเล็กในมือนางค่อย ๆ เผยออกมา หลีม่านบรรจงใช้นิ้วลูบไปทั่วแผ่นภาพนั้นเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

“ไม่พบกันเสียนานเลยนะเจ้าคะ พี่ห่าวหราน”

สิบปีก่อน

“เจ้าแพ้แล้วอี้หลง ม้าตัวนี้เป็นของข้า”

“องค์ชายเก้าท่านขี้โกงนี่ หลอกให้ข้ามองไปที่อื่นส่วนท่านก็ยิงหมาป่า”

“ช่วยไม่ได้มันเป็นกลยุทธ์นี่นา”

“เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ม้าตัวนี้เป็นของท่านแล้ว”

ม้าสีขาวงดงามที่ใช้เป็นเดิมพันขององค์ชายเก้า “หยางห่าวหราน” กับบุตรชายคนโตของแม่ทัพฟาง “ฟางอี้หลง” พี่ชายคนเดียวของฟางหลีม่านถูกจูงไปที่คอกม้าตามสัญญาหลังจากการแข่งขันล่าสัตว์ได้จบลง

“พี่ใหญ่ท่านแพ้อีกแล้วหรือเจ้าคะ”

“หลีม่าน เจ้าจะพูดเช่นนั้นได้เช่นไร วันนี้ข้าพลาดไปนิดหน่อยเอง วันหลังก็ชนะ”

“แพ้ก็คือแพ้ พี่ใหญ่ท่านยอมรับเถอะ”

“เจ้า!! หน็อยแค่แพ้ครั้งเดียวถึงกับเยาะเย้ยข้า ข้าจะฟ้องท่านแม่ว่าเจ้าแอบออกมาจากกระโจม”

“พี่ใหญ่ท่านใจร้ายเกินไปแล้วข้าก็แค่…”

“น้องสาวของเจ้าหรืออี้หลง”

“องค์ชายเก้า ใช่แล้วนี่น้องสาวข้าเองนางชื่อว่า…”

“ฟางหลีม่านเพคะ ได้ยินชื่อเสียงขององค์ชายเก้ามานานวันนี้เลยอยากเห็นกับตาไม่น่าเชื่อว่าท่านจะเก่งกว่าพี่ใหญ่ของข้าจริง ๆ ท่านล่าหมาป่ามาได้ตั้งสองตัวแล้วยังมีกวางอีก”

“หยางห่าวหราน” คลี่ยิ้มออกมาเมื่อถูกเด็กน้อยในวัยเจ็ดขวบชื่นชม นั่นเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หลีม่านประทับใจและยังจดจำได้จนถึงตอนนี้ แม้ว่ามันจะเป็นเวลาสั้น ๆ ก็ตามเพราะว่าหลังจากวันนั้น นางก็ไม่เคยเห็นองค์ชายเก้ายิ้มอีกเลย

“พระสนมหยางลี่เฟยถูกลอบปลงพระชนม์!!”

ข่าวนั้นถูกส่งไปยังจวนแม่ทัพ แม่ทัพฟางและพี่ใหญ่ของนางรีบเข้าวังไปทันที นางจำได้ว่าวันที่ฝังพระศพของพระสนมหยาง แม้ว่าองค์ชายเก้าในวัยสิบเจ็ดปีจะไม่มีแม้แต่น้ำตา แต่ใบหน้าที่อ่อนโยนเหมือนกับที่นางพบเขาที่ลานล่าสัตว์นั้นไม่มีให้เห็นอีกเลย

สองปีหลังจากนั้น

“องค์ชายเก้าชนะศึกเจียงหยางแล้ว”

“องค์ชายเก้าบุกตีเมืองเซี่ยเฉินสำเร็จแล้ว”

“ท่านอ๋องหยางยกทัพบุกอะเซ่อลี่เป่ย ฆ่าแม่ทัพได้สำเร็จแล้ว!!”

ข่าวที่องค์ชายเก้ายกทัพปราบศัตรูทั่วแคว้นเป็นที่โด่งดังจนฝ่าบาทประทานยศชินอ๋องและแม่ทัพสามดินแดนให้กับเขา ชื่อเสียงของ “หยางห่าวหราน” โด่งดังไปทั่วแคว้น

แม้แต่นักเล่านิทานและโรงละครยังต้องเขียนเป็นเรื่องเล่าขานเพื่อสรรเสริญเขา จิตรกรชื่อดังก็ยังวาดภาพขององค์ชายเก้าออกมาซึ่งถือเป็นภาพที่ทำกำไรได้งดงามที่สุดในช่วงนั้น

“ไม่รู้ว่าเจ็ดปีที่ไม่ได้พบกัน ท่านจะเป็นเช่นไรบ้างนะ พี่ห่าวหราน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel