ตอนที่ 6 หมอประจำตัวท่านอ๋อง
“ท่านหมอ!! ยังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่”
ฟางอี้หลงเดินเข้ามาเพราะเขาคิดว่านางตะโกนเรียก แต่เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าท่านหมอเดินหันไปมาและไม่ได้พูดอะไร นางสวมผ้าคลุมหน้าอีกครั้งเมื่อเขาเข้ามา
"มะ ไม่มีอะไรตอนนี้ข้าเย็บแผลให้แล้ว ยะ ยานี่ท่านให้คนต้ม ไม่ดีกว่า ท่านไปเตรียมเตาเล็กมาให้ข้าที่นี่ ข้าจะต้มเองเพราะตำรับยานี้ต้องระวังหากต้มไม่ดีจะรักษาหายช้า
“ได้ ข้าจะรีบไปให้คนเตรียมมาให้”
อี้หลงเดินออกไปแล้วนางจึงได้เดินและแกะผ้าคลุมหน้าออกเพราะรู้สึกร้อนแม้ว่าอากาศข้างในนี้จะหนาวก็ตาม ท่านอ๋องที่ทำแผลเสร็จแล้วเริ่มดิ้นแต่ก็ยังไม่ได้สติ
“หากทำแผลแล้วตามเวลาที่เรียนมาต้องฟื้นในอีกสองชั่วยาม รีบต้มยาก่อนดีกว่าฟื้นขึ้นมาจะได้ดื่มได้เลย”
หลีม่านเริ่มแกะกล่องที่ใส่ยาสำคัญ ๆ มาและเริ่มตรวจสอบก่อนที่อี้หลงจะยกเตาต้มยาขนาดเล็กเข้ามาให้นางในห้องนอนท่านอ๋อง นางเริ่มต้มยาทันทีพร้อมกับสั่งให้คนออกไปข้างนอกให้หมดเพราะท่านอ๋องต้องการพักผ่อน ซึ่งช่วงเวลาที่รอต้มยานางก็มักจะหันไปเช็ดใบหน้าของเขาเพราะเหงื่อที่เริ่มท่วมออกมา
“คิดไม่ถึงว่าท่านจะเปลี่ยนไป และ…รูปงามขึ้นถึงเพียงนี้”
หลีม่านเผลอตัวเอานิ้วมือไปลูบตามจมูกที่ได้รูปและเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากของเขาอย่างเลื่อนลอย
“แคก แคก”
หยางห่าวหรานไอขึ้นมานางจึงรีบดึงสติและวิ่งไปที่หม้อต้มยาทันที ตอนนี้นางเริ่มหันไปสนใจที่หม้อยาแล้ว ต้าเป่าเดินเข้ามาเพราะได้ยินเสียงไอของท่านอ๋อง
“ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“อีกเดี๋ยวน่าจะฟื้นแล้วข้ากำลังต้มยาอยู่ท่านช่วยไปเอาถ้วยยากับผ้าสะอาดมาให้ข้าที หากท่านอ๋องฟื้นจะได้เปลี่ยนยาและผ้าพันแผล”
“ได้ขอรับ”
ต้าเป่าเดินออกไปแล้วหลีม่านจึงได้ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"นี่ขนาดแค่นอนเฉย ๆ ยังไม่ได้ลืมตานะ ให้ตายเถอะหลีม่านเจ้าต้องใจเย็น ๆ มากกว่านี้"
แต่ในใจนางเชื่อว่าหากสตรีใดได้พบเห็นใบหน้าที่หมดจดของเขาในยามที่สวมชุดแม่ทัพเต็มยศคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่าเขาคือบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งในแผ่นดิน
“แย่แล้ว ผ้าคลุมข้าล่ะมัวแต่มองหน้าเขาอยู่ได้ให้ตายเถอะ”
นางต้มยาเกือบครึ่งชั่วยามก่อนที่จะเทยาเอาไว้และอุ่นที่เตา เมื่อเดินออกมาจึงได้แจ้งให้กับต้าเป่าและฟางอี้หลงที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้อง
“หากท่านอ๋องฟื้นแล้วพวกท่านก็ค่อย ๆ เทยาให้พระองค์ดื่มเสร็จแล้วก็ใช้ยาและเปลี่ยนผ้าพันแผล”
“ท่านหมอ คงต้องรบกวนเจ้าอีกครั้งพวกข้าจะต้องรีบไปดูแลคนเจ็บที่อยู่ข้างนอกและเฝ้าระวัง”
“อะไรนะ!!”
“ต้าเป่าพูดถูกแล้ว ท่านหมอในเมื่อท่านตาส่งเจ้ามาแสดงว่าท่านตามั่นใจในตัวเจ้าเช่นนั้นเรื่องทำแผลและต้มยาให้ท่านอ๋องคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
“แต่ว่าข้า…ข้างนอกนั่นท่านก็บอกเองว่ามีคนเจ็บไม่น้อย”
“ตรงนั้นมีท่านหมอคนอื่นดูแลแล้วดังนั้นเจ้าควรจะอยู่ดูแลท่านอ๋อง”
“นี่พวกท่านคงมิได้กลัวว่าข้าจะพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปจึงได้…”
“ท่านหมอเจ้าคิดมากแล้ว อาการท่านอ๋องยังถือว่าน่าเป็นห่วงกว่าพวกเขาอีกทั้งเจ้าดูเขาตั้งแต่เริ่มต้น หม้อต้มยาและสมุนไพรข้าก็ให้คนยกมาให้เจ้าที่นี่แล้วคงจะสะดวกขึ้น ข้าขอตัวก่อน”
“เอ่อ พี่…อี้หลง คือว่า...”
“มีอะไรอีกงั้นหรือ เจ้าต้องการอะไรเพิ่มอีกก็บอกทหารหน้ากระโจมได้ พวกเขาจะไปแจ้งข้าเอง”
“ไม่ใช่ คือว่าเช่นนั้นในกระโจมนี้”
“ใช่ ก็มีเจ้าอยู่กับทหารยามหน้ากระโจม ข้ากับต้าเป่าก็จะอยู่แถวนี้เช่นกัน ไม่ต้องห่วงหรอก”
อี้หลงยิ้มให้และเดินออกไป ต้าเป่าเองก็เดินตามเขาออกไปเช่นกันเพื่อจะไปยกยาที่นางต้องใช้มาเพิ่มให้ หลีม่านจำใจเดินกลับเข้าไปและเมื่อเห็นว่าท่านอ๋องค่อย ๆ ขยับกายเพราะความปวดและเริ่มมีสตินางก็ตกใจจนใจเต้นแรง
“หนะ…น้ำ น้ำ”
หลีม่านหันไปรอบ ๆ และเห็นกาน้ำวางอยู่จึงรีบรินน้ำให้เขาด้วยมือที่สั่นและรีบเดินเอาไปให้
“แคก แคก”
“นะ น้ำพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องที่ยังไม่ลืมตาตื่นดีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่ไม่คุ้นเคยก็ได้ถามขึ้นทันที
“เจ้าเป็นผู้ใด”
“หม่อม…กระหม่อมเป็นหมอที่…สกุลตงส่งมาให้รักษาพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ เป็นหมอ…. น้ำ”
นางค่อย ๆ ยื่นถ้วยน้ำไปให้เขาจิบแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีแรงลุกขึ้นมา หลีม่านตัดสินใจวางถ้วยน้ำและค่อย ๆ พยุงตัวเขาลุกขึ้นมา กลิ่นกายของนางต้องจมูกเขาทำให้เขานึกสงสัย หรือว่ากลิ่นกายของหมอยาจะเป็นเช่นนี้ทุกคนงั้นหรือ
“นะ น้ำพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องค่อย ๆ จิบน้ำจนหมดและพิงกายพักเพราะต้องการขยับตัว แม้ว่านางพึ่งจะทำแผลให้เขาแต่ก็ต้องยอมรับว่าท่านอ๋องแข็งแรงจริง ๆ น้อยคนที่ผ่านบาดแผลที่หนักขนาดนี้แล้วยังฟื้นด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็แน่ล่ะ ตำรับยาของสกุลตงเองก็ไม่ธรรมดา
“เจ้า…มีนามว่าอะไร”
“ข้า…เอ่อกระหม่อม…”
นางลืมนึกเรื่องนี้ไปเลยเพราะก่อนออกมาไม่ได้คิดเอาไว้จึงได้บอกเขาไปด้วยความตกใจกับชื่อแรกที่นึกขึ้นมาได้นั่นคือชื่อที่ท่านตามักจะเรียกนาง
“กระหม่อมมีนามว่า…. หลี่เหยาพ่ะย่ะค่ะ”
“หลี่เหยางั้นหรือ ชื่อเหมือนสตรี”
“เคล้ง!!”
ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาเมื่อเห็นว่าท่านหมอทำเครื่องมือทำแผลของเขาร่วงกับพื้นซึ่งน่าจะเป็นคีม
“เป็นอะไร ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นเจ้าจะทำอะไร”
หลีม่านรีบลุกขึ้นพร้อมกับถือผ้าในมือ เมื่อหันมามองเขาในยามนี้นางก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว หัวใจกระตุกแทบจะหลุดออกมาได้อยู่แล้ว ภาพของบุรุษหนุ่มรูปงามกึ่งเปลือยตรงหน้าพร้อมกับผมยาวสลวยที่ยังมิได้จัดทรงนั้นทำเอานางลอบกลืนน้ำลายแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มองนางแล้วก็ตาม
“กระหม่อมจะเตรียม ละ ล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็รีบทำเถอะ”
เขาพูดราวกับรำคาญเพราะไม่อยากพูดมากซึ่งเป็นตามนิสัยปกติของเขา เมื่อหลีม่านจัดเครื่องมือทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับค่อย ๆ เริ่มทำแผลใหม่ให้เขาเพราะนางใช้แค่ผ้าแปะที่แผลเพราะเขายังไม่ฟื้นนั่นเอง
“เจ็บหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
นางเริ่มทำแผล ท่านอ๋องเองก็มิได้มองมาที่นาง เขาเพียงแค่นั่งหลับตาและคิดอะไรไปเงียบ ๆ แต่แปลกที่กลิ่นกายของคนข้าง ๆ เอาแต่กวนหัวใจเขาไม่หยุด เหตุใดท่านหมอจากลู่โจวผู้นี้ถึงได้มีกลิ่นราวกับสตรี นั่นทำให้หยางห่าวหรานหันมามองหมอที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาอีกครั้ง
“เจ้าเป็นคนรักษาข้างั้นหรือ”
“พ่ะ พ่ะย่ะค่ะ”
“เก่งไม่เบานี่ ท่านหมอคนอื่นที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าเย็บปากแผลของข้า เจ้าไม่กลัวหรือ”
“มะ ไม่กลัว”
“อืม ดี”
หลีม่านแทบจะลืมหายใจเมื่อเขาหันมามองนางอีกครั้งซึ่งทำให้นางรู้สึกวาบหวามที่หัวใจจนเกือบจะหมดเรี่ยวแรงและพยายามตั้งสมาธิอยู่ที่แผลของเขา กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนนั่นเป็นสิ่งที่นางจดจ้องเพื่อให้เบี่ยงความสนใจจากสายพระเนตรที่มองนางอยู่
“ท่านหมอ ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อย”
“เชิญ…เชิญถามเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดเจ้าจึงมีกลิ่นกายคล้ายกับเครื่องหอมของสตรี อีกทั้งผิวหน้าและมือของเจ้าก็ยังบอบบางไม่ต่างกับสตรีเช่นนี้”